2 บังเอิญ
เขาแค่บังเอิญผ่านมาแต่กลับมีผู้หญิงที่กำลังยืนร้องไห้โบกเรียก และเพราะคิดว่าเธอกำลังเดือดร้อนธามนิธิจึงจอดเพื่อที่จะถามถึงต้นสายปลายเหตุ
“ออกรถเลยค่ะ” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ ระหว่างนั้นเขาเองก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งตามไล่หลังเธอมา
ธามนิธิเดาว่าผู้ชายคนนั้นอาจเป็นคนไม่ดีที่เธอกำลังหนี
รถหรูแล่นมาได้ราว ๆ 10 นาที ผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นไม่พูดอะไรสักคำ ธามนิธิจึงได้แต่นั่งเงียบนั่งฟังเสียงเธอร้องไห้
กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งเสียงร้องไห้ที่มาจากเบาะหลังก็หายไป
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปดูกระจกมองหลัง
“คุณ...ให้ผมไปส่งที่ไหนครับ” แต่เมื่อคนตัวสูงหันกลับไปมองกลับพบว่าเธอสลบไปแล้ว
หาเรื่องซวยแล้วกู!! ธามนิธิสบถ
ดาราหนุ่มรีบขับรถไปยังโรงพยาบาลที่มีวอร์ด VIP ทันที แน่นอนว่าด้วยชื่อเสียงของเขาคงไม่สามารถพาเธอไปโรงพยาบาลปกติได้
เป็นพระเอกซูเปอร์สตาร์พ่วงมาด้วยตำแหน่งขวัญใจมหาชน ถ้าเกิดเขาพาผู้หญิงที่นอนสลบอยู่หลังรถไปโรงพยาบาลทั่วไป คงได้ถูกชาวเน็ตถ่ายรูปถ่ายคลิปเอาไปพูดกันแน่ ๆ
รถสปอร์ตสีเหลือง จอดนิ่งสนิทที่ลานจอดวีไอพี ธามนิธิเดินลงไป ก่อนจะเป็นคนอุ้มเธอเข้าไปในโรงพยาบาล
เพราะที่นี่เป็นโซน VIP ทุกคนต่างก็ต้องการความเป็นส่วนตัว จึงไม่มีใครสนใจใครไม่ว่าคนคนนั้นจะโด่งดังหรือร่ำรวยขนาดไหน
ชายหนุ่มปล่อยให้คุณหมอดูแลเธอ จนกระทั่งเขาถูกเรียกเข้าไปรับทราบอาการในห้องพักผู้ป่วย
“คุณผู้หญิงคนนี้มีอาการหน้ามืดวิงเวียนซึ่งเป็นเรื่องปกติของคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องอ่อน ๆ หมออยากให้คุณพ่อหรือคุณสามีช่วยดูแลเธอให้ดี”
ธามนิธิแทบอยากจะบ้า
“คุณหมอ ผมไม่ใช่พ่อเด็กครับ ผมเป็นแค่พลเมืองดีที่ผ่านมาก็เท่านั้น”
สีหน้าของหมอวัยกลางคนซีดเผือด รู้ตัวแล้วว่าพูดผิด
“ขอโทษครับ ผมเข้าใจผิดไปเอง แต่ยังไงก็ต้องดูแลเธอให้ดี และก็ถ้าเธอฟื้นก็กลับบ้านได้เลย”
พูดจบทีมแพทย์ก็เดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไปในทันที
ธามนิธิถอนหายใจอย่างระงับความโกรธ ตามมารยาทแล้วหมอคนนั้นควรถามเขาก่อน ก่อนที่หลุดโพล่งพูดอะไรออกมา พยาบาลและทีมแพทย์พวกนั้นไว้ใจได้แค่ไหนกัน ชื่อเสียงของเขาเป็นเรื่องสำคัญ
สุดท้ายเขาก็ไปนั่งพักที่โซฟา ซึ่งในเรื่องที่แย่ก็มีเรื่องดีเหมือนกัน เขาจะได้มีข้ออ้างในการอู้งาน
ปรวีร์เห็นเธอกระโดดขึ้นรถสปอร์ตสีเหลืองคันหนึ่งไป ชายหนุ่มยิ้มเหยียด มันเป็นเรื่องปกติของหล่อนอยู่แล้ว คงจะโทรตามให้เพื่อนมารับจากนั้นก็คงไปไซโคเรื่องต่าง ๆ นานาให้กับเหล่าเพื่อนของเธอฟัง
เชื่อสิ! อีกไม่กี่ชั่วโมงเหล่าเซเลบเพื่อนของยัยนั่น คงจะโพสต์ข้อความแขวะเขาผ่านโซเชียล
ขับรถออกมาจากสำนักงานเขตได้สักพัก ปรวีร์ก็เพิ่งคิดได้ว่าตัวเองลืมโทรศัพท์ไว้ที่ร้านอาหาร เขาจึงวนรถเพื่อกลับไปที่ร้านเมื่อครู่
นักธุรกิจหนุ่มเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์เพื่อถามหาของสำคัญของตัวเอง
“ขอโทษนะครับ ผมมาใช้บริการเมื่อตอนบ่ายแล้วบังเอิญลืมโทรศัพท์เอาไว้”
พนักงานเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก
“อ้อ..ใช่แล้ว คุณลูกค้าคนเมื่อตอนบ่าย” พนักงานสาวยิ้ม “รอสักครู่นะคะ” เธอหมุนตัวกลับเข้าไปตามผู้จัดการ
ผู้จัดการเดินออกมาจากห้องด้านใน หนุ่มวัยกลางคนยิ้มอย่างเป็นมิตร
“นี่ครับโทรศัพท์ของคุณลูกค้า”
“ขอบคุณครับ” ปรวีร์รับของและเตรียมตัวจะเดินออกจากร้าน
“คุณลูกค้าครับ” ผู้จัดการเรียก
“ครับ?”
“แสดงความยินดีด้วยนะครับ”
ปรวีร์ไม่เข้าใจว่าผู้จัดการหมายถึงอะไร
“เรื่อง?”
“นี่ครับ” ผู้จัดการยื่นกล่องรองเท้าเล็ก ๆ สำหรับเด็กแรกเกิดให้กับปรวีร์ ด้านในมีสองคู่แบ่งออกมาเป็นสีชมพูกับสีฟ้า “ฝากคืนคุณผู้หญิง ที่มาด้วยกันเมื่อครู่ด้วยนะครับ ดูเหมือนว่าเธอจะลืมเอานี่ให้คุณ” ผู้จัดการยังคงยิ้มด้วยไมตรี
ผิดกับปรวีร์ที่คิ้วขมวดกันจนยุ่ง
“เธอได้บอกอะไรไหมครับ?” ปรวีร์ถามกลับ
“เธอบอกแค่ว่าให้พวกเราเตรียมเอาไว้ และให้นำไปที่โต๊ะของคุณทั้งคู่หลังจากเสิร์ฟอาหารจานสุดท้าย”
ใบหน้าของปรวีร์เขียวครึ้ม พลางคิดถึงสิ่งที่ขจารินบอกว่ามีข่าวดีจะบอก
ในหัวของปรวีร์กำลังสับสน เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เธอพูดมันคือเรื่องจริงหรือเปล่า เขากับเธอมีอะไรกันแค่ไม่กี่ครั้ง ซึ่งก็คือหลังจากแต่งงานเข้าปีที่สาม
เขาไม่เคยขาดคู่นอนและเพราะคืนนั้นเมา ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าขจารินกำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา ผิวขาวเนียนของผู้หญิงตัวเล็กนั่น เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบทุกอย่างเกิดขึ้นจากเขาแบบไม่ต้องคาดเดาอะไร
นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้น หลังจากนั้นเขาและเธอก็มีความสัมพันธ์ทางกายกันมาเรื่อย ๆ และเป็นฝ่ายย้ำตลอดให้เธอกินยาคุม ส่วนเขาก็ป้องกันด้วยการใส่ถุงยางอนามัย
ลำคอของปรวีร์แห้งผาก ชายหนุ่มคลายเนกไทของตัวเอง
ที่หน้าไอจีของเขายังไม่มีการเคลื่อนไหว เมื่อกดเข้าไปดูเพื่อนเซเลบของขจารินก็พบว่าไม่มีความเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน แต่มีบางอย่างแปลกไป เพื่อนในกลุ่มของขจารินหลายคนอันฟอลโล่ ซ้ำยังลบแท็กรูปและรูปภาพที่เคยถ่ายด้วยกันกับหล่อนไปจนหมด
‘ยัยนั่นจะเรียกร้องความสนใจอะไรจากเขาอีกหรือเปล่าวะ’
นั่นคือสิ่งที่นักธุรกิจหนุ่มกำลังคิด เขาไม่เชื่อว่านางมารร้ายอย่างขจารินจะปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไปแบบนี้ และไม่เชื่อว่าแก๊งอสรพิษของหล่อนจะอยู่เฉย ๆ ด้วยเช่นกันทันทีที่รู้ว่ายัยนั่นท้อง
‘ท้องเหรอ เธอท้องจริง ๆ หรือเปล่า’
ปรวีร์ครุ่นคิด เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะท้องจริง ๆ หรือเปล่า ไม่แน่ว่าเธออาจจะกุเรื่องขึ้นมาก็ได้ หลักฐานการตั้งครรภ์ต่อให้มีความน่าเชื่อถือขนาดไหน เขาเชื่อว่าไม่ว่ามันจะยากขนาดไหนหล่อนก็จะไปขวนขวายหาหลักฐานมาได้อยู่ดี
นี่สงสัยว่ากลัวเขาจะจับได้หรือเปล่าว่าเธอโกหก เลยตัดสินใจยอมไปหย่ากันง่าย ๆ
ด้วยนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจของขจารินเขาไม่เชื่อว่าเธอจะอยู่เงียบ ๆ