โลกใบใหม่
หญิงสาวดึงผ้าห่มขึ้นมาให้แนบสนิทกับร่างกายมากยิ่งขึ้น อ้ายฉิงสัมผัสได้ถึงความหยาบของเนื้อผ้า แม้ว่ามันจะดูหนา แต่ก็ไม่อาจคลายความหนาวได้
แพขนตากะพริบถี่ ๆ เป็นสัญญาณว่านางกำลังจะตื่น บ่าวรับใช้นั่งนิ่งไม่ไหวติง พวกนางกลัวว่าหากรบกวน ส่งเสียงดังหรือถ้าทำให้นายหญิงคนนี้รำคาญ หากนางตื่นมาแล้วทำให้นางโกรธพวกนางคงไม่พ้นโดนทุบตีและทำร้าย
อากาศภายในบ้านทั้งเหม็นและอับชื้นแทบหาความอบอุ่นอะไรไม่ได้เลย
เสิ่นอ้ายฉิงจึงต้องลืมตาตื่น เพดานที่เธอเห็นครั้งแรกเมื่อตื่นนอนกลายเป็นเพดานไม้สภาพกลางเก่ากลางใหม่ เดี๋ยวสิเธอควรจะฟื้นที่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ที่นี่
เธอจำได้ว่าเกิดอุบัติเหตุ เธอจำได้ว่าคนที่ร้ายเธอในตอนนั้นคือฮั่วเฉิน ความเจ็บปวดหายไปหมดแล้วราวกับฝันร้าย อ้ายฉิงหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ชุดที่เธอใส่ตอนนี้ไม่เหมือนกับชุดโรงพยาบาล เธอสำรวจร่างกายของตัวเองและมองไปรอบ ๆ ห้อง เธอเห็นเด็กผู้หญิงที่อายุยังไม่มากนั่งหลบตาอยู่ที่พื้นเบื้องล่าง ท่าทางหวาดกลัวราวกับว่าเธอจะทำร้ายเสียแบบนั้น
“พวกคุณทำไมถึงไปนั่งอยู่บนพื้น” อ้ายฉิงร้องถาม ดูจากพื้นที่พวกเด็กสาวนั่งน่าจะเย็นเอามาก ๆ หากว่านั่งนานเกินไปจะป่วยเอาได้
“คะ คะ....คุณหนู”
พวกนั้นเรียกเธอว่าคุณหนู มันแน่นอนอยู่แล้วเธอคือคุณหนูเสิ่น และถูกเรียกแบบนั้นมาทั้งชีวิต
“พวกเธอกลัวฉันขนาดนั้นเลยเหรอ” อ้ายฉิงนึกตลก เธอเป็นนางร้ายที่น่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ “แล้วที่นี่มันคือที่ไหนกัน” อ้ายฉิงถามเด็กสาวกลุ่มนั้น
“ที่นี่คือบ้านกลางป่าของตระกูลเสิ่นเจ้าค่ะ คุณหนูถูกแม่ทัพเสิ่น เนรเทศมาที่นี่ ท่านลืมแล้วหรือเจ้าคะ”
“พูดอะไรกัน เมื่อวานฉันเกิดอุบัติเหตุนะ” อ้ายฉิงหยุดคิด หรือว่าเธอจะถูกรักษาจนหายดี จากนั้นคนตระกูลเสิ่นก็เอาเธอมาทิ้งไว้ที่นี่กัน มันจะมากเกินไปแล้วนะ แล้วนี่มันผ่านไปกี่เดือนแล้ว “พวกเธอเรียกคุณพ่อฉันว่าแม่ทัพเสิ่นเหรอ” อ้ายฉิงถามอีกครั้ง
“เจ้าค่ะ บิดาของคุณหนูคือแม่ทัพเสิ่น แม่ทัพไร้พ่ายผู้องอาจแห่งราชวงศ์” บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งอธิบาย
“ทำไมต้องใช้คำโบราณแบบนั้น พวกเธอดูละครพีเรียดมากเกินไปเหรอ แม่ทัพ บิดา ราชวงศ์ ไร้สาระน่า” อ้ายฉิงกลอกตาไปมา
คนงามลุกขึ้น เธอจัดการเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยให้เรียบร้อยอ้ายฉิงเพิ่งรู้ตัวว่าเธอไม่ได้ใส่บราเซีย แต่เป็นเอี๊ยมแบบโบราณ เอ่อคนตระกูลเสิ่นนี่อะไรกัน ทำถึงขนาดให้เธอใส่เสื้อผ้าย้อนยุคเลยเหรอ
ร่างบอบบางก้าวช้า ๆ อย่างนิ่มนวลตามสไตล์คุณหนูที่ถูกอบรมมาอย่างดี อ้ายฉิงหยุดลงที่กระจก ภาพแรกที่เธอเห็นก็เป็นเธอนั่นแหละ
แต่.....เป็น เสิ่นอ้ายฉิงที่อายุ 16 ปี
ใบหน้าที่ไร้ริ้วรอย แก้มแดงระเรื่อ ไม่มีแม้แต่รอยสิว ริมฝีปากอวบอิ่ม ผมยาวสลวยเหยียดตรง สีของมันดำขลับพลิ้วไหว สอดรับกับสีผิวที่ขาวดังไข่มุก
อ้ายฉิงจิ้มใบหน้าของตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา เธอหลับไปนานถึงขนาดที่ทำให้ผมยาวได้ขนาดนี้เลยหรือ เธอหยิบปอยผมที่คลอเคลียอยู่ข้างหลังขึ้นมาสัมผัส
แต่เดี๋ยวนะ นี่มันแปลกเกินไปแล้ว เธอมองไปรองห้องอีกครั้ง ข้าวของเครื่องใช้ที่นี่มันเป็นของโบราณที่เธอเคยเห็นในหนัง ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
อ้ายฉิงยืนขึ้นสองขาก้าวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว วิ่งไปจนถึงนอกเรือน เธอมองไปรอบ ๆ ตัว สิ่งที่เธอเห็นเป็นทัศนียภาพของป่าไม้ บ้านที่เธอวิ่งออกมาเป็นเพียงเรือนไม้สองชั้นหลังย่อม บ่าวรับใช้สองสามคนวิ่งตามออกมาคนหนึ่งรีบหยิบเสื้อคลุมหนังสัตว์ชั้นดีมาคลุมตัวเธอสร้างความอบอุ่น อีกคนหยิบรองเท้าวิ่งตามเธอมา
“คุณหนูเจ้าคะ อากาศข้างนอกมันหนาว ท่านจะออกไปแบบนั้นไม่ได้”
อ้ายฉิงรู้สึกเวียนหัว สมองเธอสั่งให้วิ่ง เธอวิ่งหนีสุดชีวิต เธอวิ่งสะเปะสะปะไปเรื่อย ๆ จนหลงทิศหลงทาง แต่ไม่ว่าจะไปทางไหนทุกพื้นที่ล้วนเป็นป่า ไร้ผู้คน ไร้ความเจริญ ไร้สิ่งอำนวยความสะดวก วิ่งจนเหนื่อย อ้ายฉิงทรุดตัวลงกับพื้นดินเย็นเฉียบ
คนตัวเล็กกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แต่ไม่ว่าจะลืมตาแล้วมองอีกสักกี่ครั้งมันก็ยังคงเป็นภาพเดิม หยาดน้ำใส ๆ ไหลรินออกจากดวงตาคู่สวย
ในหัวของเธอมีแต่ความสับสนเต็มไปหมด
ทุกการกระทำของนางอยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่ง หลี่เฉินกงตั้งใจตามหานาง เสิ่นอ้ายฉิงคุณหนูเล็กแห่งจวนแม่ทัพแสนร้ายกาจผู้นี้
หลี่เฉินกงเห็นทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เขารอเวลาเหมาะสมแล้วค่อยปรากฏตัว รอให้นางยากลำบากจนต้องหาที่พึ่ง นั่นแหละเขาจึงจะปรากฏตัว เขาต้องการให้นางติดหนี้บุญคุณเขาจนไม่มีวันชดใช้หมด ถึงตอนนั้นแผนการที่วางเอาไว้จึงจะบรรลุผล
ได้ยินมาว่านางงดงามไม่เป็นรองใคร เห็นจะเป็นเรื่องจริง เขาจ้องมองนางอย่างไม่วางตา ใบหน้าของนางผุดผาด ผิวขาวดังไข่มุก แก้มแดงระเรื่อ รูปร่างอรชรยั่วยวน ดวงตาสีน้ำตาลอมเขียวดูเย่อหยิ่งร้ายกาจราวกับนางปีศาจ ช่างเป็นสตรีที่น่าหลงใหลไม่น้อย
ถ้าไม่ติดเรื่องนิสัยชั่วร้าย เขาคงหลงใหลเคลิบเคลิ้มกับความงามของนาง ว่าแต่อากาศเย็นขนาดนี้ ทำไมนางจึงสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นเช่นนั้น หลี่เฉินกงนึกหงุดหงิด
ในเมื่อร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ในที่สุดอ้ายฉิงก็ตัดสินใจลุกขึ้น คนงามทำท่าจะหันหลังไปในทิศทางเดิม แต่พอหันหลังกลับไปก็พบกว่าป่าทั้งป่าหน้าตาเหมือนกันหมด นางจำไม่ได้ว่าทางที่พึ่งวิ่งมาคือทางไหน
เสียงแหวกกิ่งไม้ดังใกล้เข้ามาอ้ายฉิงรู้สึกหวาดกลัว หากเป็นสัตว์ร้ายหรือคนไม่ดีล่ะนางตัวคนเดียวอาวุธก็ไม่มีนางจะทำอย่างไร คนตัวเล็กระแวดระวังภัยรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีสำหรับเตรียมวิ่ง
พรานป่าท่าทางกักขฬะผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น แววตาของมันมองอ้ายฉิงอย่างไม่วางตา ในใจคิดว่ามีลาภปากแล้ว ไม่ได้สัตว์สักตัวแต่ได้นางก็ยังดี เขาวนเวียนล่าสัตว์อยู่ในป่ามาหลายวันการได้เจอหญิงสาวงดงามอย่างนางถือเป็นโชคดี
“คุณหนู เจ้าเป็นผู้ใดกันเหตุใดจึงหลงอยู่ในป่าเช่นนี้” พรานป่าเลียปากไปมาอ้ายฉิงเห็นแล้วยิ่งหวาดหวั่น
“เออ...คุณลุง หนูหลงป่า กำลังหาทางกลับ” อ้ายฉิงเดินถอยหลัง เธอคิดว่าถ้าหากเจรจากันดี ๆ เขาคงจะสงสารและปล่อยเธอไป หรือถ้าเธอวิ่ง เธอจะวิ่งทันไหม
หมับ!! พรานป่าคว้าข้อมืออ้ายฉิงอย่างรวดเร็วราวกับว่ากลัวเหยื่อจะหนี
“หลงป่าเช่นนั้นหรือ ไปสิไปอยู่บ้านข้า ไปเป็นเมียข้า ข้าจะพาเจ้าไปมีความสุข”
“ปล่อยฉัน” อ้ายฉิงดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นจากพรานป่า น่าเสียดายที่แรงของร่างนี้น้อยเสียจนน่าตกใจ เธอพยายามเท่าใดก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้
“เป็นเมียข้าเถอะ งดงามขนาดนี้ให้ปล่อยไปก็เสียดายแย่”
มือของพรานป่าฉุดรั้งร่างกายของอ้ายฉิงให้ล้มลง คนตัวเล็กพยายามดิ้นรนสุดชีวิต เสื้อผ้าของนางถูกมันดึงจนขาดวิ่นปิดอะไรแทบไม่มี
อ้ายฉิงรู้สึกโกรธโชคชะตาที่เล่นตลก และโกรธที่ตัวเองวิ่งออกมาเช่นนี้..
6