ความแค้นของหลี่เฉินกง
ในขณะที่กำลังหมดหนทางดิ้นรนต่อสู้ พลันสายตาของนางก็เงยขึ้นไปสบตากับคนผู้หนึ่งบนต้นไม้ แววตาเขาดำมืดจนน่ากลัว สวมชุดสีขาวดูเปล่งประกายอย่างบอกไม่ถูก สีหน้าไร้อารมณ์ อ้ายฉิงไม่ชอบเลย เพราะใคร ๆ ก็ล้วนแล้วแต่ทำสีหน้าแบบนี้กับนาง
ในที่สุดคนตัวเล็กที่กำลังเจอปัญหาก็ตะโกนขอความช่วยเหลือ นางลองเสี่ยงดวงดูสักครั้ง เผื่อว่าเขาจะเห็นใจช่วยเหลือนาง
“คุณชายช่วยข้าด้วย” แววตาของนางอ้อนวอน “ถ้าท่านช่วยเหลือข้า ไม่ว่าสิ่งใดก็แล้วแต่ ทุกอย่างที่ท่านต้องการข้าจะทำ”
เขามองนางด้วยความเฉยชา ไม่คิดว่านางจะเห็นเขาเร็วเช่นนี้ เดิมทีหลี่เฉินกงกะว่าจะปล่อยอีกสักพัก แต่ตอนนี้ในเมื่อนางเห็นเขาแล้ว จึงจำเป็นต้องยื่นมือเข้าช่วย และเมื่อนางบอกว่าจะตอบแทนบุญคุณหลี่เฉินกงก็ยิ้มเยือกเย็น ทุกอย่างล้วนแต่เข้าทางเป็นไปตามแผนเขาทั้งหมด
ร่างสูงกระโดดลงจากต้นไม้ พรานป่าที่กำลังลุ่มหลงในร่างกายของคนงาม ไม่ทันได้ระวังตัว มันถูกโยนทิ้งให้พ้นจากตัวนางในทันที พรานป่านั่งตัวหงิกงอเป็นกุ้ง หลี่เฉินกงไม่ปล่อยให้มันพูดพร่ำ เขาตัดเอ็นมือเอ็นขาปล่อยให้มันนอนร้องโอดโอยไม่เป็นภาษา พอมันกำลังจะพูดเขาก็ตัดลิ้นมันเสีย
ทุกการกระทำของหลี่เฉินกงอยู่ในสายตาของอ้ายฉิง เลือดสด ๆ ของพรานชั่วไหลริน อ้ายฉิงรีบดันตัวเองหนี นางยังคงบริสุทธิ์เช่นเดิม คนตัวเล็กตกใจจนเป็นลม
ไม่ทันได้พูดคุยกัน สตรีนางนั้นก็เป็นลมสลบไป หลี่เฉินกงหัวเสีย จะทิ้งนางเอาไว้ตรงนี้ก็ไม่ได้ สุดท้ายเขาก็เลือกห่อตัวนางให้มิดชิดเหมือนดักแด้ จากนั้นก็อุ้มนางพาดบ่าพากลับจวนของตน
สตรีนางนี้ เมื่อพิจารณาดูแล้วนางคล้ายกับคนคนนั้น ต่างกันเพียงแค่สีของดวงตา เขานึกถึงนางเสิ่นอ้ายเหริน นางมีดวงตาสีดำสนิทงดงามสุกใสราวกับนิลกาฬ ยามเมื่อนางยิ้มราวกับโลกทั้งโลกหยุดหมุน หลี่เฉินกงจึงปักใจรักเพียงนางมาตลอด
แต่เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้รับรู้ความจริงที่ว่า นางเป็นบุตรสาวแม่ทัพเสิ่น เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่น อีกทั้งยังหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทไว้ตั้งแต่ยังเยาว์ นางกล่าวกับเขาว่าให้ตัดใจเสีย ความรักของนางกับองค์รัชทายาทเป็นสายสัมพันธ์ที่ตัดเช่นไรก็ไม่ขาด
และไม่ว่าหลี่เฉินกงพยายามช่วงชิงหัวใจของนางสักเพียงใดเสิ่นอ้ายเหรินก็ให้เขาเป็นเพียงสหายเท่านั้น เขาร้ายกับคนทั้งโลกเพื่อเอาใจใส่นางผู้เดียว แต่เสิ่นอ้ายเหรินกลับไม่เคยไยดี
เสิ่นอ้ายฉิงจึงเป็นหมากตัวสำคัญของกระดานนี้..
***********************
เนื่องจากวันนี้เป็นครบรอบการจากไปของอดีตแม่ทัพ ทุกคนในจวนตระกูลเสิ่นจึงต้องมาร่วมพิธีรำลึก
เริ่มพิธีได้ไม่นานเสียงโหวกเหวกโวยวายของพ่อบ้านตระกูลเสิ่นก็เข้ามารบกวน
“นายท่าน!!! นายท่านขอรับ” พ่อบ้านตระกูลเสิ่นวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ สีหน้าท่าทางคล้ายกับมีเรื่องน่ายินดี
“พ่อบ้านเสิ่นมีเรื่องอะไร เสียงดังเช่นนี้” ฮูหยินเสิ่นเป็นผู้ถาม
“คือว่านายท่าน ข้าได้ข่าวของคุณหนูใหญ่แล้ว คนของข้าน้อยเจอนางแล้ว” พ่อบ้านเสิ่นพูดแทบไม่เป็นคำ กว่าจะตั้งสติพูดให้เป็นประโยคได้ก็ใช้เวลาพักใหญ่
เมื่อพูดถึงคุณหนูใหญ่เสิ่นอ้ายฉิงก็กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว นางต่างหากที่เป็นคุณหนูใหญ่และเป็นคุณหนูเพียงคนเดียวในบ้านหลังนี้
อ้ายฉิงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงเผลอทำถ้วยชาสำหรับเซ่นไหว้บรรพบุรุษหล่น น้ำชาร้อน ๆ ในถ้วย กระเด็นโดนข้อมือบอบบางของนาง
เพราะทุกคนกำลังดีใจกับการมีอยู่ของเสิ่นอ้ายเหริน ทำให้ไม่มีใครสนใจนาง แม้กระทั่งตอนที่นางเดินออกมาเงียบ ๆ ก็ยังไม่มีผู้ใดรู้
เมื่อกลับถึงเรือนของตนเอง เสิ่นอ้ายฉิงกรีดร้องจนแทบเป็นบ้า เพราะเสิ่นอ้ายเหรินคนเดียวคนในบ้านถึงไม่สนใจนาง ตอนเด็กนางกำจัดพี่สาวคนนี้ไปแล้ว เหตุใดตอนนี้นางยังมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนได้อีก
เสิ่นอ้ายฉิงมองแผลพุพองที่มือของตน ความคิดชั่วร้ายแล่นเข้ามาในหัว ถ้าหากนางบาดเจ็บมากกว่านี้พวกเขาจะลืมเสิ่นอ้ายเหรินได้ไหม พวกเขาจะยังกลับมาสนใจนางเหมือนเดิมหรือเปล่า
ร่างบอบบางเดินไปที่โรงครัวเล็ก ๆ หลังเรือนของตน ที่นั่นสาวใช้มักจะต้มน้ำทิ้งเอาไว้ เพื่อสำหรับชงชา เสิ่นอ้ายฉิงจับหูหิ้วของกาน้ำร้อน นางใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บยกกาน้ำร้อนที่กำลังเดือดพล่าน ราดลดลงบนแผลเดิม ใบหน้างดงามบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
จากแผลน้ำร้อนลวกเล็กน้อยกลายเป็นแผลขนาดใหญ่ เสิ่นอ้ายฉิงไม่ร้องออกมาแม้เพียงสักคำ และหากนางร้องเรียกผู้คนในตอนนี้ คงถูกคนจับได้ว่านางทำร้ายตัวเอง
เสิ่นอ้ายฉิงวางกาน้ำชาไว้ที่เดิม ทุกการกระทำของนางอยู่ในสายตาของบ่าวรับใช้ผู้หนึ่ง นางอ้าปากค้างกับการกระทำของคุณหนูของตน สิ่งที่คุณหนูทำ นางพูดอะไรไม่ออก
ดึกคืนนั้นแผลของเสิ่นอ้ายฉิงพุพองใหญ่โตมากขึ้นเรื่อย ๆ อาการบาดเจ็บของนางส่งผลให้ร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วจับไข้ บ่าวรับใช้เร่งรีบไปรายงานแม่ทัพ ฮูหยิน และคุณชายใหญ่ แต่เพราะทุกคนกำลังวุ่นวายเรื่องของเสิ่นอ้ายเหรินจึงไม่มีใครไปดูอาการของนางแม้แต่คนเดียว
“นายท่านเจ้าคะ แผลที่เกิดตอนงานพิธีไว้บรรพบุรุษของคุณหนูไม่ดีเลยเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นไปยังเรือนแม่ทัพ
แม่ทัพเสิ่น เสิ่นหลิวเว่ยไม่ได้สนใจมากนัก ตอนนี้เขากำลังสนทนากับพ่อบ้านเรื่องเสิ่นอ้ายเหริน
“นางเป็นแผลแล้วอย่างไร ทายาไม่นานก็หายไม่ใช่หรือ ตอนงานพิธีข้าก็เห็นว่านางไม่ได้เจ็บหนักขนาดนั้น”
“แต่ตอนนี้คุณหนู กำลังจับไข้เจ้าค่ะ มือข้างที่เป็นแผลก็ขยับแทบไม่ได้ หากไม่รีบรักษาข้ากลัวว่าคุณหนูอาจพิการ”
เสิ่นหลิวเว่ย รำคาญจึงบอกให้รองแม่ทัพ ทำเรื่องขอหมอหลวงมารักษานางเป็นการด่วน เขาไม่เชื่อว่าบุตรสาวของตนจะบาดเจ็บหนัก แผนการแบบนี้ของนางเขาเห็นมานักต่อนักแล้ว นางก็แค่เรียกร้องความสนใจ
ตอนนี้เรื่องสำคัญคือการไปรับตัวเสิ่นอ้ายเหรินบุตรสาวที่หายไปกลับคืน!!
เมื่อรู้ว่าบิดาและคนอื่น ๆ ทำมากสุดก็เพียงแค่ส่งหมอหลวงจากในวังมาทำการรักษานาง รางบอบบางก็เหยียดยิ้ม อย่างไม่รู้ว่าจะรู้สึกเช่นไรเจ็บกายไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจของเสิ่นอ้ายฉิงเจ็บปวดราวกับถูกคมมีดกรีดลึก
“อันอัน ท่านพ่อไม่มาแล้วใช่หรือไม่” นางถามบ่าวรับใช้คนสนิท
อันอันได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้าตอบตามความจริง เสิ่นอ้ายฉิงเห็นเช่นนั้นก็รู้คำตอบ
นางนึกถึงช่วงเวลาวัยเด็ก เพราะเสิ่นอ้ายเหรินงดงาม และเก่งกาจในทุกด้าน ๆ พูดจาก็ไพเราะอ่อนหวาน กิริยามารยาทดังกุลสตรี นางถูกเปรียบเทียบกับพี่สาวอยู่เสมอ ของสิ่งใดที่นางอยากได้บิดามักจะถามและมอบให้พี่สาวก่อนเสมอ หากพี่สาวไม่ต้องการของสิ่งนั้นถึงจะตกมาอยู่ในมือนาง
ความเก่งกาจเชี่ยวชาญด้านวิชายุทธก็เหมือนถูกส่งผ่านตามสายเลือด เสิ่นมู่เฉิงผู้เป็นพี่ชาย และเสิ่นอ้ายเหรินพี่คนรองก็ได้ความสามารถนี้มาด้วยเช่นกัน บรรดาพวกพี่ ๆ ของนางมักจะออกไปขี่ม้าล่าสัตว์ด้วยกัน ทิ้งให้นางที่ตัวเล็กอ่อนแอขี้โรคไว้เพียงผู้เดียว....
7