บทที่ 5 หญิงงามไร้ประโยชน์
หลังจากที่หยางฮ่องเต้ทรงออกพระราชโองการประทานสมรสพระราชทานให้เปาอี้ส่วงและสวีอี้ฝาน ชาวเมืองต่างพากันตื่นเต้นในงานมงคลที่กำลังจะมาถึงอีกในไม่ช้านี้ ทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงบ่าวสาวคู่นี้ว่า
'เสียดายเจ้าบ่าวยิ่งนัก'
ด้วยตัวเจ้าบ่าวเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นฮั่น ผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถ อีกทั้งยังหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพเซียน แม้จะสูญเสียการมองเห็นไปจากการรบทัพจับศึกเมื่อสองปีก่อน แต่ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของเขาลดน้อยลงเลย ทุกอย่างล้วนดูดีไปเสียหมด ติดอยู่อย่างเดียวคือเจ้าสาว แม้นางจะเป็นสตรีที่มาจากชาติตระกูลสูงส่ง หน้าตางดงามไม่เป็นสองรองผู้ใด ทว่ากลับทำตัวไร้ประโยชน์ วันๆ เอาแต่แต่งตัวทาเครื่องประทินโฉมเดินกรีดกรายไปมา ทำให้ไม่ค่อยมีผู้ใดอยากคบค้าสมาคมด้วยเท่าใดนัก
สวีอี้ฝานหาได้สนใจคำวิจารณ์จากผู้อื่นไม่ หลังจากที่สวีชางหมิงน้องชายนำเรื่องนี้มาเล่าให้นางฟัง นางได้แต่ส่งเสียงหัวเราะด้วยความขบขัน ก็แล้วจะทำไมกันเล่า มีเงินซะอย่าง ท่านพ่อท่านแม่ของนางยังไม่บ่นสักคำ แล้วคนพูดเป็นผู้ใดกัน เหตุใดนางจะต้องใส่ใจด้วยล่ะ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ในที่สุดงานมงคลก็มาถึง ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวของสวีอี้ฝานมุ่งหน้าตรงไปยังจวนสกุลเปา ท่ามกลางคำยินดีรวมถึงคำวิจารณ์จากชาวเมืองสลับปะปนกันไป อีกทั้งยังมีสายตาริษยาของบรรดาสตรีในเมืองหลวงอีก
ผู้ใดได้ได้แต่งงานกับท่านแม่ทัพใหญ่เปาอี้ส่วงแห่งแคว้นฮั่นก็นับว่ามีวาสนามากแล้ว
ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวถูกตกแต่งอย่างงดงามกำลังเคลื่อนตัวไปตามถนนที่ทอดยาวไปยังจวนสกุลเปา ทว่าในใจของสวีอี้ฝานกลับเฉยชา นางไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับการแต่งงานในครั้งนี้เท่าใดนัก ท่านแม่ทัพเปาพูดถูก การแต่งงานก็เป็นเพียงหน้าที่หนึ่งที่ฮ่องเต้ทรงประทานให้นางกับเขาก็เท่านั้น
"ถึงจวนสกุลเปาแล้วเจ้าค่ะ" เสียงสาวใช้ดังขึ้นจากภายนอก หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูจวนหลังหนึ่ง ร่างบางในชุดเจ้าสาวสีแดงมงคลก้าวลงจากเกี้ยว หยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตู สวีอี้ฝานเงยหน้าขึ้นมองจวนหลังใหญ่ ดูเหมือนว่าจวนสกุลเปาจะใหญ่โตกว่าจวนสกุลสวีหลายเท่าตัว ไม่นับรวมกับบริเวณสวนอุทยานโดยรอบ
คิดถึงท่านพ่อท่านแม่จัง ครั้นพอนึกมาถึงตรงนี้ก็อดใจหายไม่ได้ แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆที่นางได้ใช้ชีวิตอยู่ที่จวนสกุลสวี แต่นางก็รู้สึกผูกพันธ์กับที่นั่นไปเสียแล้ว
หยดน้ำตารื้นอยู่ที่หน่วยตา มือบางจึงยกขึ้นปาดมันออกจากใบหน้าอย่างรวดเร็ว นี่เป็นครั้งแรกที่นางร้องไห้ สวีอี้ฝานรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ตนมีอารมณ์อ่อนไหวเพียงเพราะคิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่สกุลสวี
"เข้าไปข้างในเถิดเจ้าค่ะ" เสียงสาวใช้ดังกระตุ้นขึ้นอีกหนเมื่อเห็นว่านางยังคงนิ่งเฉย
สวีอี้ฝานสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปข้างในอย่างมั่นคง บรรยากาศรอบกายถูกตกแต่งด้วยสีแดงมงคลและดอกตู้เจวียนงดงามราวกับเทพนิยายในความฝัน
ดวงตากลมโตมองผ่านผ้าคลุมหน้าแลเห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนนิ่งอยู่หน้าแท่นพิธี หากเดาไม่ผิดเขาคงเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของนางกระมัง เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่นางไม่เจอเขา แต่เขากลับยังคงหล่อเหลาองอาจเช่นเดิม ร่างบางของสวีอี้ฝานถูกพามายืนเคียงข้างเปาอี้ส่วง จากนั้นพิธีการต่างๆจึงได้เริ่มขึ้น
สวีอี้ฝานทำทุกขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง ทว่าในใจสุดแสนจะเบื่อหน่าย ภาวนาขอให้เสร็จสิ้นพิธีแต่โดยเร็ว ทุกการกระทำของนางล้วนอยู่ในสายตาของเปาอี้ส่วง หลายคราที่เขาลอบเห็นนางยกมือขึ้นปิดปากหาว บางครั้งก็ได้ยินเสียงระบายลมหายใจออกมาเบาๆ เขาจึงส่ายศีรษะไปมาเบาๆดเวยความเอือมระอา คิดว่านางไม่อยากแต่งงานกับเขาเพียงผู้เดียวหรือ เขาเองก็หาได้อยากแต่งงานเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้ทรงมีพระราชโองการประกาศสมรสพระราชทานมาให้ เขาคงไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นหรอก
"ส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ"
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วยาม พิธีการต่างๆก็ได้เสร็จสิ้นลง ในใจของสวีอี้ฝานส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี จากนี้นางจะได้มีเวลากลับไปพักผ่อนเสียที
สวีอี้ฝานเดินตามสาวใช้ไปที่ห้องหอตามลำพัง เหตุเพราะเปาอี้ส่วงต้องอยู่ต้อนรับแขกเหรื่อเสียก่อน ทันทีที่ประตูปิดลง นางจึงรีบกระโดดขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงทันที มือบางถลกผ้าคลุมหน้าให้เปิดออกเหตุเพราะอึดอัดเต็มที เกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงนุ่มไปมาด้วยความสุขใจ จนกระทั่งความง่วงงุนมาเยือน เปลือกตาบางจึงค่อยๆปิดสนิทลง
เมื่อตะวันลาลับขอบฟ้า ความมืดเข้ามาเยือน เป็นเวลาที่เปาอี้ส่วงเดินกลับมาที่ห้องหอ ก่อนจากมาเขาได้กำชับเสียงหนักแน่น ไม่ให้มีการก่อกวนห้องหอ เขาไม่ชอบเสียเวลากับเรื่องไร้สาระพรรค์นั้น กว่าจะผ่านพ้นพิธีการต่างๆมาได้ก็เหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว
แอ๊ด!
เสียงบานประตูถูกผลักให้เปิดออก ขายาวก้าวเดินเข้าไปข้างใน ภายในห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงัด แสงจากตะเกียงที่ส่องให้ความสว่างไสวทำให้มองเห็นร่างบางที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงกว้าง
ลมหายใจของนางผ่อนเข้าออกบ่งบอกว่ากำลังหลับสนิท เปาอี้ส่วงคิดว่าวันนี้เจ้าสาวของเขาคงจะเหน็ดเหนื่อยมิใช่น้อย ชายหนุ่มสาวเท้าเดินมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียง ชะโงกหน้าไปมองคนที่นอนหลับอย่างสบายอารมณ์อย่างพินิจพิเคราะห์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองนางในระยะประชิดเต็มสองตา ทำให้เขาได้รู้ว่าเจ้าสาวของเขางดงามสมคำร่ำลือจริงๆ
ทว่า งดงามแล้วอย่างไรเล่า... กิตติศัพท์ของสวีอี้ฝาน ใครๆต่างก็รู้ดีว่านางมีดีแค่เป็นสตรีหน้าตางดงาม เกิดในชาติตระกูลสูงส่งก็เท่านั้น
"หญิงงามไร้ประโยชน์" กล่าวอย่างเย้ยหยัน หารู้ไม่ว่าวาจาของตนนั้นทำให้ใครบางคนที่นอนหลับอยู่ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นด้วยความกรุ่นโกรธ
ไร้ประโยชน์งั้นหรือ ได้! หากเขาคิดว่านางเป็นคนเช่นนั้น นางก็จะเป็นให้จริงๆ
"ฮ้าวววว" หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้น แสร้งยกมือขึ้นปิดปากหาวเสียงดัง เปาอี้ส่วงจึงรีบผละจากคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว เขาแกล้งยืนนิ่ง ดวงตาทอดมองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย
"อ้าว สามี อุ๊ย ท่านพี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเจ้าคะ" หญิงสาวแสร้งทำท่าตกใจ พลางเบะปากใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะดึงผ้าคลุมหน้าให้ปิดลงเช่นเดิม
เปาอี้ส่วงไม่ตอบคำถาม แต่กลับย่างเท้าเดินเข้ามาใกล้ มือหนาจับชายผ้าคลุมหน้าพร้อมตวัดเปิดออกอย่างแม่นยำ ทว่าสายตาของเขาไม่ได้จับจ้องมองนางแต่อย่างใด ก่อนจะหมุนกายหันหลัง ยื่นมือไปข้างหน้าทำท่าควานหาโต๊ะกลมที่วางสุรามงคลเอาไว้
"รีบดื่มสุรามงคลกันเถิด จะได้ทำให้พิธีเข้าหอไร้สาระนี่จบสิ้นไปเสียที"
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ทว่าคำพูดของเขานั้นทำให้คนที่ได้ยินถึงกับทำตาโต ดวงหน้างามซีดเผือดลงไปทันที ท่านแม่ทัพเปาหมายความว่าจะร่วมเตียงกับนางในค่ำคืนนี้เลยหรือ
บ้าไปแล้ว! นางยังไม่พร้อมเสียหน่อย...
สวีอี้ฝานคิดในใจ นิ่งไปชั่วครู่พยายามขบคิดหาหนทางรอด
"เงียบไปไย ไม่พอใจงั้นหรือ" ชายหนุ่มแอบชำเลืองมาไปยังนาง เห็นใบหน้างามซีดเผือดเขาจึงลอบยิ้มด้วยความพึงพอใจ
"ท่านพี่เข้ามาเหนื่อยๆ นั่งพักก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ" หญิงสาวปรี่เข้าไปหา พาคนตัวโตไปนั่งบนเก้าอี้ใช้มือบีบนวดไปที่ไหล่หนาอย่างเอาใจ
"ทำอะไรของเจ้า" ถามด้วยความไม่พอใจ พลางปัดมือเล็กออกด้วยความรำคาญ
"ข้าก็บีบนวดให้ท่านพี่คลายเหนื่อยอย่างไรล่ะเจ้าคะ"
"ไม่ต้อง ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาเอาอกเอาใจข้า แต่ข้าต้องการเข้าหอกับเจ้า"
สองแก้มขาวเปล่งสีแดงระเรื่อราวกับผลมะเขือเทศสุกหลังจากได้ยินวาจาห่ามๆของเขา ตั้งแต่เกิดมาจนถึงยามนี้ ไม่เคยมีครั้งใดที่โดนบุรุษเกี้ยวมาก่อน
สวีอี้ฝานกะพริบตาปริบๆ ไม่ได้การแล้ว เห็นทีคืนนี้ต้องใช้ไม้ตาย หญิงสาวล้วงมือเข้าไปภายใต้แขนเสื้อตัวยาวหยิบห่อยาขึ้นมา ก่อนจะเทผงสีขาวลงไปในป้านสุรามงคล
คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ทุกการกระทำของนางล้วนอยู่ในสายตาของเขาตลอด สตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก นางไม่อยากเข้าหอกับเขาจนถึงกับต้องวางยากันเชียวหรือ
"ท่านพี่เจ้าขา มาเถิดเจ้าค่ะ มาดื่มสุรามงคลด้วยกัน" สวีอี้ฝานยกจอกสุราใส่มือให้เขา พลางสอดแขนของนางเข้าหาแขนของเขา เปาอี้ส่วงชำเลืองมองจอกสุราในมือเล็กน้อย
'เอาเถิด เขาจะทำให้นางตายใจก่อนก็แล้วกัน'
สวีอี้ฝานยกยิ้มด้วยความพึงพอใจมองคนข้างกายที่ยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมดแก้วด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะรีบเทสุราในจอกของตนทิ้งไป ทำทีเป็นว่านางดื่มสุราหมดแล้วเช่นกัน
ได้สามีเป็นแม่ทัพตาบอดก็มีข้อดีเช่นกัน นางไม่ต้องวางแผนมากมายให้ปวดหัว เพราะไม่ว่านางจะทำอะไร เขาก็ไม่มีวันรับรู้สิ่งที่นางทำ เหตุเพราะเขามองไม่เห็นอย่างไรเล่า สวีอี้ฝานคิดกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
ร่างบางหย่อนกายลงนั่งฝั่งตรงข้ามของคนตัวโต รอคอยเวลาที่ยานอนหลับออกฤทธิ์อย่างใจเย็น เวลาผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา คนตรงหน้าก็แสดงอาการง่วงงุนออกมาให้เห็น ก่อนที่เปาอี้ส่วงจะล้มฟุบลงบนโต๊ะกลมเสียงดังตึง
"ท่านแม่ทัพ ท่านหลับแล้วหรือ" สวีอี้ฝานปรี่เข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างกาย ใช้นิ้วสะกิดหัวไหล่หนาเบาๆ ทว่าคนตัวโตกลับนอนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาคู่คมปิดสนิทเช่นเดิม เมื่อมั่นใจว่าเปาอี้ส่วงนอนหลับสนิทไปแล้ว หญิงสาวจึงใช้แขนของเขาคล้องไปที่ต้นคอของนางพาคนตัวโตไปนอนอยู่บนเตียงกว้างอย่างทุลักทุเล กว่าจะส่งเปาอี้ส่วงขึ้นเตียงได้สำเร็จก็เล่นเอาเหนื่อยหอบไม่น้อย
"เฮ้อออ" สวีอี้ฝานล้มตัวลงนอนข้างกายเขา ทรวงอกหอบสะท้านขึ้นลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย ผ่านพ้นเงื้อมมือเขาไปได้หนึ่งวัน แต่วันต่อๆไปนางจะทำเช่นไรดี คงจะใช้มุขยานอนหลับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว หญิงสาวคิดด้วยความกลัดกลุ้มใจ นางต้องกระทำการให้แยบยลที่สุด หาไม่เช่นนั้นคงถูกเขาจับได้เป็นแน่
*********