บทที่ 6 คารวะฮูหยินผู้เฒ่า
เมื่อคืนสวีอี้ฝานนอนหลับสนิทตลอดคืนคงเป็นเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการถูกเคี่ยวกรำที่งานแต่งงานเมื่อวาน อีกทั้งยังรู้สึกวางใจที่เห็นเปาอี้ส่วงโดนฤทธิ์ยานอนหลับของนางจึงมั่นใจว่าเขาคงไม่ตื่นขึ้นมาทำมิดีมิร้ายนางได้แน่
"ฮูหยินเจ้าขา ตื่นเถิดเจ้าค่ะ" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นเบาๆที่ข้างหู ปลุกให้คนที่นอนหลับใหลค่อยๆรู้สึกตัวตื่น
"หลิงหลิง เหตุใดถึงมาปลุกข้าแต่เช้าเช่นนี้เล่า ข้าขอนอนต่ออีกหน่อยเถิดนะ" กล่าวด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ดวงตากวางยังคงปิดสนิทเช่นเดิม หญิงสาวพลิกกายหันหลังให้หลิงหลิงด้วยความรำคาญ ไม่ว่านางจะตื่นเวลาไหน ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ไม่ตำหนินางหรอก
"นอนต่อไม่ได้นะเจ้าคะฮูหยิน วันนี้ต้องไปเคารพฮูหยินผู้เฒ่าท่านย่าของท่านแม่ทัพเปาอี้ส่วงนะเจ้าคะ" หลิงหลิงที่ติดตามมารับใช้สวีอี้ฝานที่จวนสกุลเปากล่าวเตือนสติ ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะทำให้คนที่นอนอยู่ถึงกับผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ตระหนักได้ว่ายามนี้นางไม่ได้อยู่ที่จวนสกุลสวีอีกต่อไปแล้ว
"แย่แล้ว! หลิงหลิงไยเจ้าไม่ปลุกข้าให้เร็วกว่านี้เล่า"
"หามิได้เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพสั่งว่าห้ามรบกวนเวลานอนของฮูหยิน" หลิงหลิงก้มหน้าลงต่ำเอ่ยเสียงเบา หน้าเสียเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามแกมตำหนิของเจ้านาย
สวีอี้ฝานอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของหลิงหลิง ความทรงจำของเมื่อคืนหวนกลับคืนมา นางวางยานอนหลับเขา แต่เขากลับตื่นนอนก่อนนางเสียอย่างนั้น
"เอาเถิดๆ ตอนนี้ท่านแม่ทัพอยู่ไหนเสียเล่า"
"ท่านแม่ทัพรออยู่หน้าห้องเจ้าค่ะ"
ดวงตาคู่งามเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย รีบตวัดผ้าห่มออกอย่างรวดเร็ว ขาเรียวก้าวยาวๆเข้าไปในห้องอาบน้ำ จนกระทั่งหลิงหลิงช่วยปรนนิบัตินางแต่งตัวเสร็จถึงเดินออกมา
เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชา เปาอี้ส่วงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังตึกตักอยู่ทางด้านหลัง มุมปากหนากระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหมุนกายหันกลับมาหา
"ท่านพี่ ข้าขออภัย วันนี้ข้าตื่นสายเจ้าค่ะ" หญิงสาวกล่าวเสียงเบา ใบหน้างามบ่งบอกถึงความเครียดขึง ไม่กล้าสบตากับเขาเพราะความละอายใจ ถึงแม้ว่านางไม่ได้ตั้งใจตื่นสายเสียหน่อย แต่เป็นเพราะเมื่อวานเหนื่อยมากจริงๆ กว่าจะวางใจว่าเปาอี้ส่วงหลับสนิทไปแล้วก็เป็นเวลาเกือบสองชั่วยามนางถึงหลับลง
"อยู่ที่จวนสกุลสวีเจ้าคงนอนตื่นสายเช่นนี้เป็นประจำสินะ" เปาอี้ส่วงแค่นเสียงเหอะออกมาเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยาะหยัน
"เอ่อ... ข้ายอมรับเจ้าค่ะว่าข้าตื่นสาย แต่วันหลังข้าจะไม่..." กล่าวยังไม่ทันจบประโยค สวีอี้ฝานก็ต้องเงียบเสียงลง เมื่อเห็นมือหนายกขึ้นส่งสัญญาณให้นางหยุดพูด
"ข้าไม่ต้องการฟังคำแก้ตัว กิตติศัพท์ของเจ้าข้าเองก็ได้ยินมาไม่น้อย เจ้าจะเป็นอย่างไรข้าไม่สนใจหรอก แต่ท่านย่าของข้าคงไม่พอใจมากแน่ๆ"
"ข้าจะยอมรับผิดกับท่านย่าเองเจ้าค่ะ" นางรู้ตัวว่าครั้งนี้นางเป็นคนผิด นางจะยอมรับผิดแต่โดยดี
คนตัวโตได้ยินเช่นนั้นจึงขานรับดังอืม ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าด้วยท่าทางมั่นคง ไม่สนใจคนตัวเล็กที่กำลังยืนทำหน้าเศร้าอีกต่อไป
"ท่านพ่อบ้าน เจ้านายของท่านเดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้านำทางเลยหรือ" สวีอี้ฝานมองคนที่เดินจากไปอย่างอึ้งๆ พร้อมหันมากระซิบถามพ่อบ้านประจำตระกูลที่ยืนสงบเสงี่ยมอย่างเรียบร้อยอยู่อีกมุมหนึ่ง ทางด้านพ่อบ้านหลิวได้ยินเช่นนั้นจึงคลี่ยิ้มผงกศีรษะตอบนางเบาๆ
"ขอรับฮูหยิน ท่านแม่ทัพสามารถทำทุกอย่างได้เองโดยที่ไม่ต้องมีผู้ติดตาม แม้กระทั่งการขี่ม้าท่านแม่ทัพก็สามารถทำได้ขอรับ"
สวีอี้ฝานร้องอ้อออกมาเบาๆ รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ได้ยินเช่นนั้น แต่ถึงแม้จะสงสัย นางก็ไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดมากนัก เหตุเพราะต้องรีบไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่า คิดพร้อมรีบสาวเท้าวิ่งตามคนร่างสูงไปอย่างรวดเร็ว
จวนสกุลเปาใหญ่โตโออ่าไม่น้อย ภายในพื้นที่แบ่งเป็นเรือนเล็กกับเรือนใหญ่ หอนอนของฮูหยินผู้เฒ่าจะอยู่ที่เรือนเล็กทางด้านทิศตะวันออกติดกับสระบัว หลังจากที่เปาอี้เหวยบุตรชายของนางซึ่งเป็นบิดาของเปาอี้ส่วงจากไป นางจึงได้ขอย้ายออกมาอยู่ที่เรือนเล็ก
ยามนี้เปาอี้ส่วงและสวีอี้ฝานนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นภายในเรือนเล็ก ชายหนุ่มนั่งนิ่งไม่ไหวติงทว่าสายตากลับแอบเหลือบมองคนข้างกายที่กำลังส่งสายตามองไปรอบๆอย่างสำรวจ ยามที่นางหันกลับมาทางเขา เปาอี้ส่วงก็รีบเบนหน้าหนีนางไป เพราะเกรงว่าสวีอี้ฝานจะจับได้ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตาบอด
ทางด้านสวีอี้ฝานหาได้สนใจคนตัวโต นางเอาแต่ครุ่นคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าคงจะเป็นคนเจ้าระเบียบและหัวสูงมิใช่น้อย ดูจากสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆที่วางอยู่ล้วนปราณีตและมีราคาแพง บริเวณโดยรอบสะอาดสะอ้านแม้กระทั่งเก้าอี้ไม้ที่ถูกขัดจนขึ้นเงาวับ
"เชิญท่านแม่ทัพกับฮูหยินเจ้าค่ะ" รอเพียงไม่นานบ่าวรับใช้ก็เดินออกมาเชื้อเชิญให้คู่สามีภรรยาเข้าไปพบฮูหยินผู้เฒ่าที่หอนอน
สวีอี้ฝานรับผ้าปักลายหงส์มาจากหลิงหลิงเดินตามหลังสามีไปยังหอนอนของฮูหยินผู้เฒ่า ตามกฏธรรมเนียมของแคว้นฮั่น วันแรกหลังจากงานสมรส ฝ่ายเจ้าสาวต้องนำของกำนัลมาให้ญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายเจ้าบ่าว
ภายในหอนอนของฮูหยินผู้เฒ่าถูกตกแต่งอย่างวิจิตรหรูหรา นางนั่งอยู่บนตั่งนอนซึ่งล้อมด้านหนึ่งด้วยฉากเล็กๆที่ทำจากไม้ประดู่ ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นสตรีวัยหกสิบเศษ รูปร่างผอมบาง สวมอาภรณ์หรูหรา ประดับหยกมุกบนศีรษะ สวีอี้ฝานคิดว่าในวัยสาวคงจะเป็นสตรีที่งามสะคราญผู้หนึ่ง
สวีอี้ฝานตั้งใจจะผูกมิตรกับญาติผู้ใหญ่หนึ่งเดียวของเปาอี้ส่วงผู้นี้ เมื่อเห็นฮูหยินผู้เฒ่าปรายตามาทางที่ตนยืนอยู่ นางจึงส่งยิ้มหวานให้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตาที่ปราดมองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
"ย่านึกว่าหนุ่มสาวสมัยนี้จะไม่เคร่งครัดเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติเสียแล้ว" นางกล่าวเสียงเรียบพร้อมแค่นเสียงเหอะออกมาเล็กน้อย วาจานั้นทำให้สวีอี้ฝานรับรู้ได้ทันทีว่าฮูหยินผู้เฒ่ากำลังกระทบกระเทียบเรื่องที่นางตื่นสาย
"ท่านย่าเจ้าคะ ข้าขออภัยที่วันนี้มาคารวะท่านย่าสาย นั่นเป็นเพราะว่า..."
"เป็นเพราะว่าเมื่อคืนหลานไม่ยอมปล่อยให้ฝานเอ๋อร์ได้พักผ่อนเองขอรับ" มือหนาโอบไปที่ไหล่บอบบางของนางพร้อมดึงเข้าหาตัว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสุขราวกับว่าเมื่อคืนทั้งเขาและนางได้ผ่านคืนวันอันหวานชื่นมาด้วยกันจริงๆ
คำตอบของเปาอี้ส่วงทำให้ทุกคนหันมองมายังเขาเป็นตาเดียว ฮูหยินผู้เฒ่าปรายตามองหลานชายสลับกับสวีอี้ฝานด้วยความไม่พอใจเท่าใดนัก เดิมทีนางตั้งใจจะกล่าวคำตำหนิสวีอี้ฝาน แต่ในเมื่อเปาอี้ส่วงออกหน้ารับแทนเช่นนี้ นางจะทำอย่างไรได้
"ท่านพี่เหตุใดถึงพูดเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ" สวีอี้ฝานกระซิบถามคนข้างกายด้วยความไม่เข้าใจ จู่ๆเขาจะออกหน้ายอมรับผิดแทนนางทำไมกัน
"ข้าพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ" เปาอี้ส่วงกระซิบถามต่อ
"ก็เมื่อคืนเราไม่ได้... เอ่อ ไม่ได้อุ่นเตียงกันจริงๆเสียหน่อย"
"ใช่ เมื่อคืนเราไม่ได้ทำ แต่ข้าพูดเผื่อถึงวันนี้ต่างหาก"
สองแก้มขาวเปล่งสีแดงระเรื่อ หัวใจเต้นแรงราวจะหลุดออกมานอกอก ท่านแม่ทัพเปาอี้ส่วงหมายความว่าวันนี้เขาจะทำเช่นนั้นกับนางหรือ
โอย... จะบ้าตาย เหตุใดเขาคิดถึงแต่เรื่องใต้สะดือกันนะ!
เปาอี้ส่วงไม่ตอบอะไร แต่เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าซีดเผือดของคนข้างกาย เขาก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆในลำคอ ยิ่งเห็นนางกลัว เขาก็ยิ่งอยากแกล้ง
จางเข่อซินเห็นสองสามีภรรยาพูดคุยกันกระหนุงกระหนิงก็บังเกิดความไม่พอใจ สวีอี้ฝานไม่ใช่หลานสะใภ้ที่นางต้องการ คนที่นางต้องการจะให้หลานชายแต่งงานด้วยก็คือหยวนเสี่ยวหงต่างหาก นางหมายตาบุตรสาวสกุลหยวนผู้นั้นมานานแล้ว เหตุเพราะเปาอี้เหวยและหยวนตวนฮ่าวบิดาของหยวนเสี่ยวหงเป็นสหายรักกันมานาน ทำให้สองตระกูลสนิทสนมกันมาก อีกทั้งหยวนเสี่ยวหงก็เป็นสตรีที่เปี่ยมไปด้วยรูปทรัพย์ จิตใจดี มีเมตตาหาที่ติไม่ได้ แตกต่างจากสวีอี้ฝานที่มีดีแค่หน้าตากับฐานะ แต่นิสัยแตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหว
บุตรสาวสกุลสวีเทียบกับหยวนเสี่ยวหงไม่ได้แม้กระทั่งเศษฝุ่น
"อะแฮ่ม" มือบางยกมือขึ้นปิดปากส่งเสียงกระแอมเบาๆ ขัดจังหวะสองหนุ่มสาว
"เข้าไปคารวะท่านย่าเถิด" เปาอี้ส่วงกระซิบบอกคนข้างกาย สวีอี้ฝานจึงขยับเข้าไปใกล้โขกศีรษะคำนับฮูหยินผู้เฒ่าที่นั่งอยู่บนตั่ง หลังจากนั้นจึงประคองผ้าปักชูขึ้นเหนือศีรษะให้ฮูหยินผู้เฒ่าตามธรรมเนียม
จางเข่อซินนั่งนิ่งหลังตรง ไม่แม้แต่จะปรายตามองมายังหลานสะใภ้ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า เปาอี้ส่วงเห็นเช่นนั้นจึงหยิบงานปักชิ้นนั้นไปวางอยู่ตรงหน้าตักของฮูหยินผู้เฒ่าแทน
"ท่านย่า หากไม่มีเรื่องใดแล้ว พวกข้าสองคนต้องขอตัวก่อน" เปาอี้ส่วงประคองสวีอี้ฝานขึ้นพร้อมเดินออกไปจากห้องโดยมีสายตาของฮูหยินผู้เฒ่ามองตามไปด้วยความไม่พอใจนัก
ดูท่าว่าหลานชายสุดที่รักของนางจะหลงใหลในตัวบุตรสาวสกุลสวีเป็นอย่างมาก หญิงสาวผู้นั้นก็ช่างปะไรทำหน้าตาน่าสงสารออดอ้อนออเซาะเขา เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้ยิ่งนัก! เห็นทีเรื่องนี้จะปล่อยผ่านไม่ได้เสียแล้ว หาไม่ความหวังที่จะได้หยวนเสี่ยวหงมาเป็นหลานสะใภ้คงต้องจบลงตรงนี้เป็นแน่
*********