บท
ตั้งค่า

พระรองมาแล้ว

“คนร้ายอำมหิตเกินมนุษย์ นายท่านพอจะมีเบาะแสหรือไม่” คนรับใช้ชายนายหนึ่งถามขึ้น

“ข้าเห็นมันก็ตอน ที่วิ่งเข้าห้องแม่นางชินอี้ ดีที่ไม่ได้ทำร้ายแม่นางชินอี้อีก แต่ตามอย่างไรก็ไม่ทันหายไปกับตา เพิ่มเวรยาม ให้มากขึ้นตรวจตราให้รอบ จนกว่าจะจับตัวคนร้ายได้ คืนนี้แยกย้ายกันได้แล้ว ศพของเสี่ยวเอินนำไปไว้ที่ด้านนู้นรอข้าชันสูตร” น้ำเสียงห้าวหาญบุคลิกของผู้นำ ที่น่าชื่นชม หันมาทางวรากร

“แม่นางชินอี้คงตกใจไม่น้อย” วรากรโบกมือ

“ไม่ไม่ ไม่เป็นไรข้าไปนอนดีกว่า” เดินหลบออกมา ตรงนั้นจึงเหลืออิงหลิวกับหลวนคุนสองคน อิงหลิวหลบตาคมของหลวนคุนที่จ้องมอง เดินมาทำทีพยุงวรากร หลวนคุนอมยิ้มตะโกนตามหลังทั้งสองสาว

“ไม่ต้องกลัว ข้าจะดูแลความปลอดภัยให้เอง ปิดห้องของแม่นางทั้งสองให้ดีข้าจะให้เวรยามคอยตรวจตราหน้าห้องแม่นางทั้งสองอย่างเข้มงวด” วรากรถอนใจโล่งอกหรืออะไรไม่ทราบได้

เช้าสดใส วรากรมองออกไปนอกหน้าต่างรู้แล้วว่านี่คือความจริงไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด ยังอยู่ตรงนี้ที่เดิมอยู่บนแท่นนอนที่เดิม มีน้อยเรื่องนิยายย้อนยุคที่นางเอกจะกลับไปได้แต่ว่าเราไม่ใช่นางเอกนี่หว่าเราเป็นนักเขียน

เสียงกระแอมเบาๆ ด้านนอก วรากรแง้มประตูออกไปดูแต่ต้องรีบปิดประตูทันที เป็นหลวนคุนนั่นเอง

“เมื่อคืนหลับสบายดีไหม” ยืนอยู่หน้าห้องอิงหลิวถามไถ่นาง อิงหลิวยิ้มเอียงอาย วรากรยิ้มตาม ตามบทสงสัยจะคิดถึงจนทนไม่ไหวหรือแอบมีใจหรือมีความรู้สึกดีดีต่ออิงหลิวเข้าให้แล้ว วรากรย่องออกไปข้างนอกเงียบกริบ ถือรองเท้าทั้งสองข้างในมือกลัวหลวนคุนเห็นจะเป็นการเสียมารยาทปล่อยเขาสองคนอยู่ตามลำพัง

“แม่นางชินอี้ วันนี้จางหลิ่งจือบุตรชายของใต้เท้าจาง อยากจะพบแม่นางชินอี้เพื่อจะได้รู้จักมักจี่กันไว้” หยุดกึกอยู่ตรงนั้นในท่าทีของนักย่องเบา 0^0 เวรแล้ว!

“ไม่เป็นไร ข้ายังไม่อยากพบเขา” Q_Q

“เขาเดินทางทาเกือบจะถึงแล้ว คาดว่าในยามจี๋ (9.00น) ก็คงจะถึงแล้ว” วรากรถอนใจหมดเรี่ยวแรง หลวนคุนอมยิ้ม

“ก็ได้” เสียงอ่อยๆ

“ข้ากับแม่นางอิงหลิวจะไปที่สนามยิงธนูหากแม่นางชินอี้หมดธุระแล้วตามเราไปที่นั่นก็ได้”

วรากรกลับเข้าไปในห้องเลือกชุด สีทึมๆ ให้เหมือนคนมาจากต่างแคว้นแต่ไม่มี จำใจต้องใส่สีฟ้าลองสวมดูวันนี้ไม่เลวเข้ารูป ต่างจากเมื่อวานลิบลับ หันซ้ายหันขวาผมหลุดหลุย ทำไมต้องรวบผมด้วยทำไมต้องเกล้าด้วย วรากรปล่อยผมให้ยาวอยู่อย่างนั้นมองตัวเองในกระจก แม้จะไม่สวยหวานแต่เมื่ออยู่ในเสื้อผ้าแบบนี้ วรากรก็ดูดีไม่น้อย อย่างน้อยก็ดีกว่าเมื่อวานนิดหนึ่งละ เดินออกมานั่งรอ จางลิงหรือหลินจือ อ้าวหลินจือมันเห็ดนี่หว่า อะไรวะนึกชื่อไม่ออกประมาณนี้แหละ ชื่อเรียกยากจริง

“แม่นาง” วรากรหันไปในแบบสโลว์โมชั่น ผมยาวสลวยสะบัดพลิ้วไหวตามแรงหมุนตัว จางหลิ่งจือตกตะลึงจังงัง

“ข้า...ข้าน้อย ข้าจางหลิ่งจือยินดีที่ได้พบ แม่นางเรารู้จักกันหรือไม่” วรากรตาโต ก็คนตรงหน้าหล่อช้างล้มควายตาย ความหล่อไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าหลวนคุนเลย เพียงแต่หล่อแบบหวานๆ ในแบบที่สาวๆ ในยุคของวรากรชอบ หลวนคุนหล่อคมเข้มตาดุ

“จางชินอี้ เรียกข้าว่าชินอี้” สายตาหวานเยิ้มมองมาที่วรากร เวรทำตัวไม่ถูก นี่มันบทพระรองของนิยายนี่หว่าทำไมมาตกที่นางรองอย่าง วรากรล่ะไม่ได้การละ

“หลวนคุน อยู่ลานธนูเชิญท่านที่ลานธนู”

“ข้ายังอยากคุยกับแม่นาง”

“ไม่ด้ายย ที่ลานธนูมีบางอย่างข้าอยากให้ท่านได้เห็น” ดันหลังหลิ่งจือให้เดินไปข้างหน้า

ที่ลานธนูอย่างที่วรากรคิด หลวนคุนโอบอิงหลิวสอนนางยิงธนูอย่างแนบชิดอิงแอบมองไปก็ฟินไม่น้อย

“หนึ่งสองสาม ปล่อย” อิงหลิวปล่อยลูกดอกออกตามคำสั่ง ลูกดอกพุ่งเข้าสู้เป้าหมายเปะ ไม่มีหลุดกรอบ วรากรปรบมือเสียงดัง หลวนคุนหันมามองวรากรมีอะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้น แววตาเหมือนจะบอกอะไร วรากรก้มหน้ามองพื้น หลิ่งจือ มองทั้งหลวนคุนและอิงหลิวแต่ไม่มีปฏิกิริยาใดใด อ้าวเฮ้ยผิดบท หลิ่งจือยังตัวติดกับวรากรแจ

“แม่นางชินอี้ถ้าไม่รังเกียจ เชิญพำนักที่บ้านของท่านพ่อข้า”

“นางพำนักที่นี่ดีแล้ว ข้าดูแลนางเอง” อ้าวเฮ้ยแย่งกันความหึง หรือวะก็มาด้วย@^@

“ท่านพ่อนับว่าเป็นขุนนางระดับสูงหากจะปล่อยให้คนแซ่เดียวกัน ระเหเร่ร่อนก็ไม่เหมาะนัก” ไปกันใหญ่

“พี่สาวอย่าไปเลยนะ อิงหลิวไร้ญาติขาดมิตรเห็นพี่สาวเป็น ญาติเพียงคนเดียวในตอนนี้” จริง จะช่วยให้พระเอกนางสมหวังจะหนีไปอย่างไง

“เห็นแก่อิงหลิว ข้าไว้หาโอกาสไปเยี่ยมใต้เท้าจาง จะดีกว่าตอนนี้ไม่อาจรบกวน” หลิ่งจือทำหน้าสลด

“เช่นนั้น ข้าขอเป็นแขกประจำที่บ้านของท่านจะได้ไหม” ประโยคสุดท้ายหันไปทางหลวนคุน

“ไม่ได้” วรากรรีบตอบแทน

“ได้ข่าวว่าแม่นางตามหาพี่ชายไว้ข้าช่วยสืบอีกทาง”

วรากรถอนหายใจ

หลวนคุนอยู่บนโต๊ะหลังสือที่มีม้วนหนังสือมากมาย เขากำลังหาเบาะแสเกี่ยวกับคดีต่างๆ ในอดีตเขาจำได้ว่าเคยมีอยู่คดีหนึ่งที่เขาเคยได้ไปสืบหาความจริงกับอาจารย์เกี่ยวกับการตายของผู้คนในเมือง

ดงไผ่หนาทึบหมอกครึ้มจนมองไม่เห็นเส้นทาง คนผู้หนึ่งนอนตายนิ่ง หญิงสาวนางหนึ่งค่อมอยู่บนร่างในมือเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด กำลังคว้กหัวใจของเหยื่ออยู่

หลังจากเหตุการณ์ที่อาจารย์และเขาไล่ล่านางปีศาจ ก็ไม่เคยมีใครถูกควักหัวใจอีกเลยจนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา

ตามบันทึกบอกไว้ว่าช่วงเวลานั้น มีผู้คนร่ำลือเรื่องจิ้งจอกเก้าหาง บัดนี้ผ่านมาห้าปีแล้ว เรื่องคดีนั้นถูกปิดลงไปเพราะเขากับอาจารย์ไม่สามารถจับคนร้ายได้ แต่ก็ไม่วายได้รับคำชื่นชมจากฮ่องเต้ เพราะอาจารย์ลงมาสืบคดีนี้เองเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ชาวบ้านและก็ไม่มีการตายเกิดขึ้นอีก มันจึงเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel