ควักหัวใจ
หลวนคุนส่งอิงหลิวขึ้นบนหลังม้า ยืนมือให้วรากรหมายจะส่งวรากรขึ้นบนหลังม้าเช่นกัน
“ไม่ๆ เชิญท่านขึ้นไปเถอะ” ด้วยสปิริตของนักเขียน! กะเพลกต่อไป!
หลวนคุนดทนเห็นวรากรเดินขากะเพลกต่อไปไม่ไหว รวบร่างวรากรเพื่อส่งขึ้นไปบนหลังม้า ส่วนตัวหลวนคุนเดินจูงม้า
จวนหลังใหญ่แม้ไม่ได้ประดับประดาสวยหรูแต่กลับดูดีเรียบง่ายสบายตา แต่ทว่ากลับยิ่งใหญ่สมฐานะ
“ถึงแล้ว” ส่งมือให้วรากรกับอิงหลิวลงมาทีละคน
เด็กรับใช้มารับเอาม้าไปไว้ที่คอก ถึงตอนนี้วรากรเริ่มรู้สึกปวดขาอาจจะเพราะอาการอักเสบ เจ็บจนไม่อยากจะก้าวขาเดิน
“ไหวไหมพี่สาว” วรากรยิ้มแห้งๆ ^_^’ ฝืนเดินต่อไป
ถ้าเป็นนิยายเรื่องอื่นพระเอกต้องอุ้มแล้วแหละปานนี้ แต่รู้ตัวดีว่าเป็นนักเขียนไม่ใช่น่าเอกสักหน่อย
เข้าไปภายในจวนที่กว้างขว้าง วรากรตื่นตาตื่นใจกับสิ่งของประดับรอบๆ จวน อิงหลิวพยุงวรากรนั่งลงแล้วนั่งลงข้างๆ
“นั่งก่อนพี่สาว”
“เรียกข้าว่า...จางเซี้ยะโหย่วไม่ๆ จางปินปิน จางฮั่น จางชินอี้โอเคเอาจางชินอี้ละกัน”
“งั้นข้าสองคนเรียกเจ้าว่า ชินอี้แล้วกัน” หลวนคุนนั่งลงจับดูขาของวรากรที่อักเสบอยู่ จับขาขยับอยู่สองสามทีออกแรงกระตุก วรากรร้องโอ้ยแล้วรู้สึกหายปวดทันที
“ขาแพลง” เก่งแฮะความเป็นพระเอกนี่เก่งทุกอย่างQ_Q
“ข้าให้พวกเขาจัดที่พักให้แม่นางทั้งสอง แม่นางอิงหลิวอยู่ห้องทางซ้าย ส่วนแม่นางชินอี้อยู่ห้องทางขวา” วรากรขัดขึ้นทันที
“ไม่ๆ ข้าอยู่ห้องข้างๆ แม่นางอิงหลิวก็ได้ท่านอยู่ห้องติดกันไปเถอะ” หลวนคุนเลิกคิ้วสูง
“พี่สาว พี่สาวชินอี้เรามานอนห้องเดียวกันไหม” ใบหน้าใสซื่อไม่มีอะไรเคลือบแฝง
“ไม่เป็นไร….ตามบทๆ” ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมา
“อย่างนั้นให้เขาจัดห้องให้แม่นางชินอี้ใหม่ติดกันกับห้องแม่นางอิงหลิวแล้วกัน”
วรากรอาบน้ำ ในอ่างอาบน้ำใบใหญ่ใช้มือลูบคลำไปมามันฟินจริงๆ อ่างอาบน้ำแบบนี้สาวใช้นำเสื้อผ้ามาให้สองชุด
“แม่นาง นายท่านส่งเสื้อผ้าให้ท่าน” O_Oเสื้อผ้าชุดใหญ่รุ่มร่าม แย่ๆ ๆ พระเอกไม่รู้จัก คะเนขนาดตัวผู้หญิงเลย
ใส่เสื้อผ้าที่ตัวใหญ่โคลงออกมา ดูไม่เข้ากับตัวเองอย่างไรไม่รู้ที่หน้าห้อง อิงหลิวในชุดใหม่สวยตระการตาเสื้อผ้าที่สวมใส่ช่างเหมาะเหม็ง เหมือนกับเป็นชุดของนางเองชุดสีชมพูเหลือง บางเบารับกับใบหน้าหวานปานน้ำผึ้ง วรากรก้มมองตัวเอง ชายกระโปรงยาวจนน่าเกลียดเดินหยียบชายกระโปรงจนเลอะดึงชายกระโปรงขึ้นด้านบน อิงหลิวปิดปากกลั้นหัวเราะ เดินมาควานหาเชือก ขยับชุดให้วรากรใหม่รัดจนเอวคอดกิ่ว เข้ารูป เฮ้อค่อยดูได้มาหน่อย
“พี่สาวไม่คุ้นชินการแต่งกายเพียงลำพัง คงเคยกับการมีสาวใช้ข้างกาย อิงหลิวอาสาแต่งกายให้ท่านเอง” เวรกรรมQ_Q
หลวนคุนมอง อิงหลิวด้วยสายตาที่มีแววประหลาด ผสมกันไประหว่างความพึงพอใจ และสายตาหวาน นับว่าวรากรเดาไม่ผิด ใครเห็นก็ต้องชอบ อิงหลิวสวยออกปานนั้น
อาหารเย็นถูกจัดวางจนเต็มโต๊ะ วรากรตื่นตาตื่นใจ เขากินกันแบบนี้ใช่ไหม ของชอบทั้งนั้นอิงหลิวคีบส่งสิ่งของเข้าปากอย่างกับจะดม ไม่ตระกละมูมมาม วรากรเลียนแบบบ้าง แต่ก็ไม่เหมือน หลวนคุนคีบอาหารส่งให้อิงหลิวนางยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่น่ามองที่สุดหลวนคุนเผลอยิ้มตาม
“แม่นางชินอี้ มีอะไรเกี่ยวพันกับใต้เท้าจาง” สายตาคาดคั้น เอาแล้วไง ใต้เท้าจาง อุตส่าห์หาแซ่ที่มีคนใช้เยอะที่สุดในประเทศจีนยังไม่วาย
“คือๆ ๆ ๆ ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวพันหรืออาจจะเกี่ยวพันก็ตั้งแต่ สมัยปู่ย่าตาทวด พ่อชื่อจางเชียะโหยว่ แม่ชื่อจางเหมียน (ดารารุ่นใหญ่ของฮ่องกง) อยู่ห่างเมืองนี้ไปหลายพันลี้” หลวนคุนขมวดคิ้ว
“แล้วทำไมถึงมาถึงที่นี่ได้”
“ข้าหลงมา ..หา….คนบางคน…. ใช่ๆ ๆ พี่ชายขัา... หายตัวไปเราพลัดหลงกัน ข้าจึง... ออกตามหาเขา”
“มิน่าการเดินทางฝึกฝนคน แม่นางจึงสามารถขว้างหินแม่นอย่างกับจับวางใส่มือสังหารที่ลอบสังหารข้าได้ นับว่าแม่นางฝีมือไม่เลว ข้าน้อยหลวนคุนขอคารวะ” วรากรยิ้มตาหยี*_*
“ไม่เท่าไหร่ ไม่เท่าไหร่แค่บังเอิญ”
“ไว้ พี่สาวสอนอิงหลิว ขว้างหินบ้าง”
“ข้าชอบยิงธนู ชำนาญด้านการแม่นธนู แม่นางอิงหลิวสนใจเรียน ยิงธนูหรือไม่” หลวนคุนหันไปถามอิงหลิว
“สนๆ ๆ ไปเลยอิงหลิวเรียนยิงธนู”
“เช่นนั้นข้าถือว่าแม่นางชินอี้รับปากแทนแม่นางอิงหลิวแล้ว”
อากาศสดชื่นเย็นสบาย วรากรถอดเสื้อชุดร่มร่ามออกเหลือเพียงชุดสีขาวกับกางเกงนอนด้านในทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนที่นอนคิดว่าเขียนนิยายย้อนยุคมาต้้งหลายเรื่อง นางเอกกลับไปได้ไหมหนอ หากกลับไปไม่ได้จะทำอย่างไรดี แต่ถ้ากลับไปได้ส่วนมากจะจบแบบดราม่า วรากรได้เปรียบก็ในเมื่อรู้ว่า หากไม่ถึงเวลาไม่มีทางที่จะกลับไปได้การที่เข้ามาในนี้แสดงว่าเป็นพรหมลิขิตหรือมีเงื่อนไขหรือว่าต้องให้วรากรมาแก้ไขอะไรบ้างอย่างมันไม่ใช่แค่นิยายแต่ สัมผัสได้จริงๆ เผลอคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนดึก เสียงกุกกักในห้องของอิงหลิววรากร บทจะเผือกก็ชอบเผือกอดไม่ได้ หรือว่า555 พระเอกแอบเข้ามาหานางเอกตามบทหรือเปล่าว้าแบบว่านอนไม่หลับ นึกเห็นภาพใบหน้าของนางเอกจนต้องหาเรื่องไปบอกลานางก่อนนอน หรือแอบไปแตะนิดแตะหน่อยอ่อยๆ กันไป
เจาะรู ห้องกระดาษใช้สายตาที่เหมือนเหยี่ยวของตัวเอง (ประเมินตัวเองสูงไปหรือเปล่า) มองลอดช่องเข้าไป อิงหลิวยื่นหันหลังเหมือนกำลังคุยกับใครอยู่ วรากรหน้าแดงถอยออกจากข้างฝาวิ่งไปทิ้งตัวลงนอนบนที่นอน นึกวาดภาพความฟินระหว่างหลวนคุนกับอิงหลิวจะมี แบบโหดๆ ดึงกันไปมาล้มทับกันหรือเปล่าหนอหรือว่าQ_Q จูบกันไปแล้ว555 หลับไหลในนิทรารมณ์อากาศเย็นเหมือนกับมีเครื่องปรับอากาศ
เสียงเคาะประตูรัว ๆ วรากรเปิดประตูออกไป หลวนคุนโผล่พรวดเข้ามา ศีรษะกระแทกวรากรอย่างจังหงายหลังแต่หลวนคุนก็คว้า เอวไว้ทันล้มทับกัน ใบหน้าคมใกล้แค่ปลายนิ้ว วรากรอึ้งแต่ไม่ทันได้สบตาคมเหมือนในนิยาย หลวนคุณลุกพรวดพราดวิ่งไล่ตามเงาอะไรบ้างอย่างที่อยู่ในห้องของวรากร ทะยานขึ้นหลังคาตามเงาดำนั้นไป เสียงอื้ออึงความโกลาหลเริ่มบังเกิดขึ้น
แสงไฟจากคบไฟสว่างไสว เสียงคนพูดบ้างก็เสียงวิ่ง วรากรออกจากห้องไปพบกับ สาวใช้คนที่นำเสื้อผ้ามาให้พอดี
“เกิดอะไรขึ้น”
“แม่นาง เสี่ยวเอิน ถูกฆ่าตาย” วรารเบิกตาโพลง รีบวิ่งตามทางที่หลายคนกำลังเดินไป #_#เรื่องเผือกขอให้บอก
เสี่ยวเอิน นอนตัวแข็งทื่อคว่ำหน้าอยู่ตรงนั้น หลวนคุนทะยานลงมาจากหลังคาพลิกร่างเสี่ยวเอิน ให้หงายหน้าเลือดไหลนอง เต็มอกหัวใจถูกควักออกไป หลวนคุนขมวดคิ้ว วรากรเพิ่งรู้สึกตัวเองคราวนี้เองว่ากลัวจริงๆ จนเกือบจะเป็นลมก็ในเมื่อกลิ่นคาวเลือดคละคุ้งจนน่าคลื่นเหียน!_!
อิงหลิวประคอง วรากรไว้ในเมื่อวรากรเซไปด้านหลัง อย่างไม่ทันระวังตัว
“คนร้าย ลงมือโหดเหี้ยมฆ่าแล้วยังควักหัวใจ ข้าตามมันไปแต่ไม่ทันหายไปอย่างกับล่องหนได้” หลวนคุนบอกกับทุกคน