ดำดิ่งจมลึกไปกับสิ่งใดกัน
รู้สึกภูมิใจอย่างไรไม่รู้จะได้เป็นกามเทพช่วยให้คนรักกัน^_^
“องค์รัชทายาท นั่น กลับไปแล้ว หลิ่งจือมายืนดักรอพบวรากร
“ชินอี้ เจ้าหลบหน้าข้าเช่นนั้นหรือ” @_@จะบ้าตายใครหลบหน้าแค่ไม่อยากเจอ ถอนหายใจ
“ข้ามีบางอย่างมอบให้เจ้าชินอี้” ล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบปิ่นปักผมแสนสวยมาให้
“วันนั้นข้าพบเจ้า ปล่อยผมไม่ได้เก็บเกล้าดูสวยไปอีกแบบแต่ หากจะเกล้าผม อยากให้นึกถึงปิ่นปักผมอันนี้” &_&
“ได้ได้” รับมาถือไว้ หลิ่งจือยิ้ม
มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่าหรือว่า อ๋อจริงสิตอนนี้วรากรอาจเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่หายไป 555นึกออกแล้ว นางรอง (หรือตัวโกงวะ เรื่องนี้ไม่ยักกะมีตัวโกง) ในเมื่อเคยคิดไว้แค่พล็อตเขียนไปไม่กี่บรรทัดแค่ตอนที่นางเอกพบกับพระเอกที่ป่าไผ่ ต่อจากนั้นยังไม่ได้คิดต่อไป พระเอกเคยช่วยนางเอกไว้ ว่าแต่ก็สมบูรณ์แบบแล้วนี่ หลวนคุนช่วยอิงหลิวแล้วพระรองกับนางรอง ยังไม่ได้คิดว่าต้องเป็นใครอย่างไร แต่ตามบทพระรองต้องซัพพอตนางเอกนี่
หลวนคุนยืนกอดอกมองอยู่ห่างๆ
“ชินอี้อีกอย่างข้าอยากชวนเจ้าไปพบท่านพ่อ ...ข้าเล่าเรื่องของเจ้าให้ท่านพ่อฟังท่านพ่ออยากพบเจ้ามาก” ซวยแล้ว แซ่จางอะนี่ก็กุขึ้นมา
“คือๆๆ ไว้ เจอกันวันเทศกาลไหว้พระจันทร์เลยทีเดียวดีกว่า” หลิ่งจือยิ้มบริสุทธิ์
“แล้วแต่เจ้าเลย แค่เจ้า ยอม ไปตำหนัก องค์รัชทายาทพร้อมข้าก็ดีใจแล้ว” หาทึกทักเอาเองใครจะไปพร้อมแกเห็ดหลินจือ
“นางเป็นคนของบ้านข้า เช่นนั้นต้องไปพร้อมข้าถึงจะถูก” มาอีกคน เฮ้อ#_#เวงๆๆ ทำอย่างไรดีอุปาทานหมู่หณือเปล่าสงสัยต้องลดบทบาทตัวเองลงบ้าง
“คือข้าไม่สบาย เป็นลมดีกว่า หลิ่งจือรับร่างบางไว้ทัน สบตา หวานเยิ้ม โอ้มายก๊อด วรากรหลับตาปี้ “ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย
หลวนคุน ถือวิสาสะซ้อนร่างของวรากรไว้ในอ้อมแขน
ไข้าดูแลนางเองเจ้ากลับได้แล้วหลิ่งจือหลิ่งจือหน้าเปลี่ยนสีเหมือนจะ เกรงใจหลวนคุนอยู่ไม่น้อย
“อย่าเพิ่งแกล้งเป็นลมข้ามีเรื่องคุยกับเจ้าแม่นางชินอี้” @_@รู้ทัน วรากรแอบลืมตาข้างซ้ายมองคนอุ้ม ร่างบางแนบชิดอกกว้างอุ้มเดินลิ่วเหมือนกับตัววรากรเบาเหลือเกินวางลงบนเก้าอี้
“ไม่มีใครแล้ว ข้ามีเรื่องจะถาม” จะมีตบจูบไหมหากตอบอะไรแล้วทำเขาโมโห ไม่ไม่ๆๆ อย่ามโนไปเองเราเป็นแค่คนเขียนนิยายเท่านั้นไม่มีบทเลิฟซีนหรือบท ฟินๆ ให้
“เชิญว่ามา”
“หมา ขนปุยสีขาว เจ้าเจอมันที่ไหน”
“อ๋อมันหายไปหรือ ท่านก็ตามหามันหรือ ข้าเจอมันที่หน้าห้องพักของข้า”
“จิ้งจอกเก้าหาง”
“หมาจิ้งจอก ข้าเห็นมันมีหางเดียว” หลวนคุนกำลังคิด
“ไม่ใช่หมา จิ้งจอกเก้าหางแล้วที่เจ้าเห็นมันมีหางเดียวเพราะ ตะบะยังไม่แก่กล้า” ภาพความทรงจำในอดีต เมื่อตามสืบคดีกับอาจารย์ในป่าไผ่แห่งนั้นหลวนคุนให้การช่วยเหลือลูกจิ้งจอกสีขาวขนปุกปุย ที่บาดเจ็บที่ขาโดยการฉีกเสื้อพันแผลให้มัน แล้วซ่อนมันไว้ไม่ให้อาจารย์มาพบเข้า หรือว่าเป็นเขาที่ผิดพลาดตอนนี้จิ้งจอกตัวนั้นเติบโตตะบะแก่กล้า ออกควักหัวใจผู้คนให้ล้มตายเพื่อเพิ่มตะบะให้ตัวเอง แปลงร่างกลายเป็นคนถาวรยากในการติดตามเหมือนที่อาจารย์เคยกล่าวไว้
“เจ้าระหว่างนี้ ห้ามออกไปไหนก่อนได้รับอนุญาตแม่นางชินอี้”
“ทำไม”
“เจ้ายิ่งไปแหวกหญ้าให้งุตื่น ข้าต้องการจับ จิ้งจอกเก้าหาง”
“ท่านมโนหรือเปล่าจิ้งจอกเก้าหางอะไรสุนัขพันธ์ุเจแปนนิส สปิตซ์ (japanese spitz) ข้าจะจับมันมาพิสูจนืให้ท่านดู” หลวนคุนขมวดคิ้ว ส่ายหน้า
“เชื่อข้าแม่นางชินอี้แม้แม่นางจดูเข้มแข็งแต่ทว่าเรื่องราว แบบนี้ปล่อยให้ ข้าหลวนคุนจัดการแทน” เหมือนจะเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ก็ได้ แต่จิงๆ นะ หมาตัวนั้นน่ารักมากทีเดียวข้าอยากกอดมัน ขนนุ่มปุกปุยน่ารักที่ซู้ดด” ^_^หลวนคุนยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางของ วรากรที่เหมือนจะชอบสัตว์เลี้ยง
“ข้าสัญญาหาก ข้าจับมันได้และมันไม่ใช่จิ้งจอกเก้าหางข้ายินดีมอบมัน ให้เจ้าชินอี้” วรากรยิ้มตาหยีหลวนคุนเอื้อมมือเหมือนจะมาลูบหัวแต่กลับหดมือกลับ ใช้มือเกาหัวแก้เก้อ
“ข้าสัญญากับ อิงหลิวว่าจะพานางไปพายเรือที่สระบัว เจ้าไปด้วยไหม”
“ไม่ไม่ไม่ ดีเลย ท่านทั้งสองไปเถอะบรรยากาศดีสระบัว” *_*
หลวนคุนก้มหน้าใช้เท้าเขี่ยพื้นดินไปมาเหมือนกำลังเขินเมื่อเอ่ยถึงอิงหลิวหากวรากรมองไม่ผิด
ยิ้มมุมปาก555
“ท่าน ชอบอิงหลิวใช่หรือไม่” หลวนคุนเบิกตากว้าง”
“บอกมาเถอะไม่ต้องอาย ข้าช่วยให้ท่านสมหวัง”
“เช่นไร”
“ก็เดี๋ยวให้ข้านอนคิดสักวันสองวัน แต่ตอนนี้ ไปชวนนางพายเรือก่อน” หลวนคุน ยิ้มบางๆ ก่อนจะปลีกตัวออกไปวรากรคิดหนักก่อนจะ ตะโกนตามหลัง
“ให้ข้าไปพายเรือด้วยได้ไหม” หลวนคุนยิ้มเก๋เดินถอยหลังจากไป
วรากรนั่งรอ อิงหลิวกับหลวนคุนที่ท่าน้ำบนศาลา หลวนคุนมาถึงก่อน
ลงไปในเรือไม่พูดไม่จา วรากรมองหลวนคุนวิดน้ำออกจากเรือไม้มองเลยไปยังฝักบัว น่ากินพิลึก อิงหลิวในชุดสีเหลืองส่วางสดใสบางเบา ช่างเหมาะกับเสื้อผ้าแบบนี้เสียจริงเหมือนหญิงงามในภาพวาดพู่กันจีนไม่มีผิดเพี้ยน หลวนคุนมองอิงหลิว ก่อนจะเชื้อเชิญ
“แม่นางทั้งสองเชิญ” หลวนคุนนั่งท้ายเรืออิงหลิวนั่งกลางหันหน้าให้หลวนคุนวรากรนั่งข้างหลังองหลิวหันหน้าไปทางเดียวกัน มองเห็นหน้าหลวนคุนได้ชัดเจนหลวนคุนสบตา อิงหลิว ส่งสายตาหวาน วรากรเสมองทางอื่น
เมื่อเรือถูกพายโดยหลวนคุนมาจนถึง กลางสระน้ำบทสนทนาของคนทั้งสามแทบไม่มี วรากร ลุกขึ้นชี้มือไปที่ฝักบัวฝักใหญ่ เรือเริ่มโคลงเคลง
“แม่นางชินอี้นั่งลง” หลวนคุนส่งเสียงเตือน
“ข้าอยากได้ฝักบัว” เอื้อมือคว้าฝักบัวที่อยู่ไกลเกินเอื้อม
“นั่งลง ๆ” หลวนคุนตะโกนลั่น อิงหลิวหน้าเสียจับขอบเรือไว้ด้วยมือทั้งสองวรากร จงใจเหยียบเรือข้างเรือให้เอียงก่อนที่เรือจะคว่ำ คนทั้งสามร่วงลงสู่พื้นน้ำที่เย็นเฉียบ หลวนอิงปล่อยไม้พายมองหาสองสาว วรากรกระหยิ่มใจใจเดี๋ยวต้องไปช่วยอิงหลิวตามแผน วรากรพยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง อิงหลิวว่ายน้ำไวมากจนถึงฝั่งไปแล้ว แต่วรากร ….กรรมดันเป็นตะคริวที่ขาเพราะน้ำเย็นจัด จมลงสู่พื้นน้ำ
พยายาม ที่จะโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำแต่ยิ่งดำดิ่งลงไปเกือบจะหมดลมหายใจ ภาพ ที่ตัวเองตกบันไดลงไปจากชั้นสอง ข้างล่างนั้นน้องชาย เขย่า ร่างที่ไม่ไหวติง ด้วยแรงทั้งหมดกิริยาของน้องชายคือตะโกนเสียงดังลั่น แต่วรากรไม่ได้ยินเสียงแม้แต่น้อยมารดากับพ่อ ที่พากันวิ่งมาดู วรากรอยู่ๆ น้ำตาก็ไหล เกือบจะ หมดลมนั่นเองหลวนคุน ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ใบหน้า รางเลือนในน้ำนั่น พยายามจะเข้ามาหาวรากร สติดับวูบลงไปทันทีกลืนน้ำเข้าไปเต็มกระเพาะ