สับสน
ริมฝีปากรับรู้ถึงการถูกสัมผัส ลมหายใจอุ่นๆ ถูกส่งผ่านมายังริมฝีปาก หลวนคุนกอดึงร่างขึ้นสู่ผิวน้ำเย็นยะเยือก สะดุ้งสุดตัว รู้สึกแน่นท้องกินน้ำจนอิ่ม พยายามจะอ้วกแต่ไม่มีอะไรออกมา อิงหลิวลูบหลังลูบไหล หลวนคุนยืนออกมอง ผ้าห่มผืนหนาถูกห่มเข้ากับตัว วรากรรู้สึกเศร้าอย่างประหลาดภาพน้องชายแม่และพ่อ ยังติดตาคิดถึงทุกคนเหมือนจะไม่ได้พบกันอีก น้ำตาไหลออกจากตาทั้ง ๆ ที่หยดน้ำยังเกาะพร่างพราว สะอื้นดัง ๆ อิงหลิวกอดปลอบ
“ไม่เป็นไรแล้วพี่สาว ปลอดภัยแล้ว” ดวงหน้าเศร้าของวรากร ผิดไปจากที่ทุกคนเคยเห็นเช่นนั้นบรรยากาศจึงดูเศร้าสร้อย
หลวนคุนคิดว่าวรากร โกรธที่ตัวเองสัมผัสริมฝีปาก อิงหลิวกลับคิดว่าวรากร เสียใจที่ตัวเองเป็นตนเหตุให้เรื่อล่ม
“พี่สาว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะอิงหลิวดูแลพี่สาวเอง” อิงหลิวซึ่งบัดนี้ก็เปียกปอนกลับกลายเป็นคนที่คอยปลอบวรากรที่อ่อนแอขึ้นมาได้อย่างดี
“แม่นางชินอี้ ข้าขอโทษหากไม่ทำอย่างนั้นเจ้าจะหมดลมหายใจ เดี๋ยวข้าให้คนรับใช้หาอะไรร้อนๆ ให้และเชิญท่านหมอตรวจดูสักหน่อย” วรากรกลายเป็นคนพูดน้อย เดินเหมือนร่างไร้วิญญาณยังห้องพัก
“อิงหลิวไม่พูดอะไรเป็นการรบกวน ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้วรากรจนเป็นที่เรียบร้อยพาขึ้นไปนั่งบนแท่นนอน
“พี่สาว ท่านเจ้าบ้าน ขอโทษอะไรพี่สาว” วรากรเริ่มได้สติ
“เปล่าคือ ไม่มีอะไร ข้าแค่คิดถึงพ่อแม่และน้องชายทางบ้าน ตอนจมน้ำเหมือนจะเห้นพวกเขา” เลือกที่จะเฉไฉไปอีกทางแต่ก็ไม่โกหก เขาว่าคนใกล้ตายมักจะคิดถึงคนที่รัก อดไม่ได้จะยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว
หลวนคุน เดินเข้าพร้อมกับข้าวต้ม และท่านหมอ
“ข้าวต้มร้อนๆ ใช้ช้อนคน ไปคนมา ปากก็เป่าไอร้อนลอยวน วรากรก้มหน้าไม่สบตาทั้งรู้สึกผิดและอาย
ท่านหมอนั่งลงข้าง ๆ จับชีพจร พลิกข้อมือไปมาเหมือนกับไม่เจออะไร ลองใช้มือมาคลำที่คอ สีหน้ากังวลขมวดคิ้วจน หลวนคุนสงสัย
“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”
“ท่านเจ้าบ้านข้าขอคุยกับท่าน เชิญด้านนอก” อิงหลิวเหลือบตามอง แต่ก้รับชามข้าวต้มมาป้อนวรากร
“เช่นไรท่านหมอแม่นางชินอี้นางเป็นอย่างไรบ้าง”
“แปลก มากตั้งแต่ข้าเป็นหมอมา ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ นางเหมือนกับปกติทุกอย่างทว่าจับชีพจรไม่เจอนางเหมือนคนที่...ไม่มีชีวิต ไม่ได้มีอะไรบ่งบอกว่าเจ็บป่วย แต่ก็ไม่มีอะไรบ่งบอกว่ายังสบายดี” หลวนคุนขมวดคิ้ว
“ท่านหมอแน่ใจหรือตรวจดูดีแล้วหรือ”
“ข้าอาจต้องไปพลิกดูในตำราพันปีเสียใหม่ว่าเคยมีใครป่วยไข้เช่นนี้ไหมแต่จากที่ดูนางแล้ว นางก็ไม่ได้เป้นอะไร ข้าจะจัดยาให้สักเทียบ บำรุงร่างกายนาง”
“เช่นนั้นรบกวนท่านหมอ เด็กส่งท่านหมอและรับเทียบยากลับมา” คนรับใช้วิ่งเยาะๆ ไปตามคำสั่ง หลวนคุนขมวดคิ้ว ใจหายอย่างประหลาด หรือว่า นางจะเป็นจิ้งจอกเก้าหางตัวนั้นเสียเอง ไม่ได้เป้นมนุษย์ หลวนคุนส่ายหัวสะลัดความคิดวุ่นวายออกไปไม่สิวันนั้นที่เขาตาม คนร้ายที่ควักหัวใจไปนางยังอยู่ในห้องไม่ได้หายไปไหน
กลับเข้าไปข้างใน วรากรยังไม่กล้าคุยกับเขานางคงโกรธเขาจริง ๆ ที่ล่วงเกินนางขนาดนั้น วรากรกลายเป็นคนพูดน้อย แลหลบหน้าหลวนคุน
เทศกาลไหว้พระจันทร์มาถึงแล้วในคืน หลิ่งจือในชุดสีขาว เรียบสบายตา ยืนรีรออยู่ด้านหน้า บ้านหลังใหญ่ของหลวนคุนด้วยท่าทีกระสับกระส่าย
วรากร ยืนถักผมให้อิงหลิวอย่างดงามเสียบปิ่นที่แอบออกไปซื้อที่ตลาดมากันสองคน อิงหลิวใส่สีแดง
“หลวนคุนเป็นคนมอบให้ข้า” อิงหลิวจึงใส่มันให้เข้ากับบรรยากาศที่มีโคมไฟสีแดงประดับทั่วเมือง นางงดงามที่สุดเท่าทีวารกรเคยเห้นผู้หญิงคนใดมา เรื่องการถูกควักหัวใจของเสี่ยวเอินค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมกับกาลเวลาผู้คนล้วนเตรียมตัวขอพรและเฉลิมฉลองวรากรยังไม่แต่งตัวยืนนิ่งไม่อยากไปไหนรู้สึก อยากกลับบ้านเป็นที่สุด และคิดว่าตัวเองถึงแต่งออกมาได้ก็ไม่สวย
“พี่สาวสี โอโรสขับผิวพี่สาว หรือว่าสีแดงเหมือนข้าดี สี เหลืองไหมรับรอง หนุ่มๆ มองกันจตาไม่กระพริบ”
“555มองเพราะสมเพช นะสิคงคิดว่าทำไมขี้เหร่ขนาดนี้”
“ไม่นะ อย่างน้อยตอนนี้บ่าวก้บอกว่าหลิ่งจือมายืนรอพี่สาวหน้าบ้าน” วรากรยิ้มจางๆ
หลวนคุนยืนอยู่ ข้างนอกนั้น พร้อมกับกล้องไม้ใบใหญ่ ยืนเคาะประตูทั้งๆ ที่มันเปิดอยู่วรากร เพียงแค่เหลือบตามองก่อนจะแกล้งเดิน ไปหาเลือกชุด
“ข้าให้เจ้าแม่นางชินอี้สวมมันเสียวังหลวงหาใช่ที่จะแต่งกายตามใจ” อิงหลิว เดินมารับ หลวนคุนหันหลังกลับทันที อิงหลิวถือวิสาสะเปิดกล่องออกดู เสื้อสี ชมพูปนขาว บางเบางดงาม อิงหลิวทำตาโต
"พี่สาว สวยจริง ๆ ท่านหลวนคุนมีน้ำใจกับเราสองคนเหลือเกิน” วรากรยิ้ม^_^
ไม่มีบทฮาๆ ในเมื่อเข้าหน้าเขาไม่ติดอิงหลิวเดินมาถอดชุดของ วรากรออกสวมชุดใหม่ให้ทันที
ใครอีกคนในกระจก ใบหน้าสวยใส ริมฝีปากสีเดียวกับชุด ผมถูกกล้าครึ่งหัวปล่อย ด้านหลังยาวสลวย อิงหลิวค่อยๆ ปักปิ่นหยกสีแดงให้ หันตัววรากรไปมา
“พี่สาวสวยที่สุด เลยคืนนี้ข้าน้อยขอคารวะ” วรากรยิ้ม
“สู้เจ้าได้หรือน้องสาว ประเมินข้าสูงไปแล้ว”
“หากความกังวลในใบหน้าหายไปพี่สาวจะกลายเป็นหญิงงามที่สุดแม้แต่ข้ายังไม่อาจเทียบเคียง”
“เราจะสวยไปด้วยกัน” วรากรฝืนพูดติดตลก อิงหลิวหัวเราะเสียงดังคิกคัก
“ไปกันเถอะพี่สาว ไปทำให้ หนุ่ม ๆ ในวังหลวงหัวใจสั่นไหวกันดีกว่า” สองคนหัวเราะประสานเสียงกัน หลวนคุนยืนพิง กำแพงไม่ไกลนักอมยิ้ม รุ้สึกโล่งอกที่วรากรหัวเราะได้
ข้างนอกห้อง พัก ประดับด้วยโคมไฟสีแดงสีเหลืองสวยงาม ต้นเหมย มี กระดาษเขียนคำอวยพรให้กับญาติพี่น้องและคนรัก ห้อยระย้าสวยงามวรากรตื่นตาตื่นใจ ลืมเรื่องราวที่รบกวนจิตใจไปจนสิ้น
หลวนคุนเผลอมองวรากรเสียจนลืมตัว วรากรแกล้งดึงเชือกรัด ชายกระโปรงให้หลวม ไม่ให้เห็นเอวคอดกิ่วเหมือนอิงหลิว พยายามทำให้ตัวเองน่าเกลียด (เพื่ออะไร)
“แม่นางชินอี้ เจ้างดงามเหลือเกินในคำคืนนี้” หลิ่งจือกล่าวทักทาย อิงหลิวใช้ศอกกระทุ้งวรากรที่ยื่นนิ่ง ผิดไปกับวรากรคนเดิม
“ท่านชม อิงหลิว บ้างสิข้าเป้นคนแต่งตัวให้นาง”
“แม่นางอิงหลิวก็งดงามไม่แพ้กัน” ชมเหมือนจะเอาใจวรากร
“หลวนคุนกระแอมเบาๆ
“ไปเถอะใกล้เวลาแล้ว วันนี้ฝ่าบาทเสด็จ บนหอ จ้านเทียนเหมินพร้อมกับฮองเอาและองค์รัชทายาท เพื่อโปรยเหรียญทอง เป็นของขวัญแก่ราษฎร จากนั้นองค์รัชทายาทเชิญพวกเราที่ตำหนักของพระองค์ ร่วมงานฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ร่วมกัน” วรากรรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยจะได้เห็นฮ่องเต้ตัวเป็นๆ จะต่างกับองค์รัชทายาทคนนั้นไหมที่เดินดุ่มๆ เหมือนคนปกติไร้ผู้ติดตาม
สองข้างทางมีการละเล่นมากมากผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใสบ้างก้หัวร่อต่อกระซิก หนุ่มสาวควงคุ่ เด็กน้อยเกาะเกี่ยวมือแม่ ขนม สีสรรแปลกตา และในอย่างที่วรากรไม่เคยเห้น หลิ่งจือซื้อน้ำตาลปั้นมาส่งให้วรากรกับ อิงหลิวคนละอัน พยายามจะเดินเคียงคู่กับวรากรให้ได้หลวนคุน เดินเอามือไพล่หลัง เดินตามอิงหลิวชี้ชวนให้วรากรดุนั้นนี่พอให้ได้สำราญใจ
เดินมาได้สักพักเสียงเปล่งร้องแสดงความสรรเสริญดังระงมวรากรเร่งฝีเท้าจูงมืออิงหลิวไปด้วยกันหลิ่งจือวิ่งตามไปติดๆ ฮ่องเต้สูงวัยที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนที่ทรงอำนาจด้วยท่าทีที่ไม่ธรรมดา ใบหน้าละม้ายองค์รัชทายาทที่วรากรเคยเจอ ข้างๆ ฮองเฮาที่ยังสาวและสวยอย่างประหลาด วรากรเดาอายุคงยังไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำไป ยืนโปรยเหรียญเงินเหรียญทองลงสู่พื้น ราษฎรเรือนร้อยก้มลงเก็บเหรียญวรากร ก็ไม่วายไปเก็บกับเขาด้วยวิ่งแย่งเขาไปมาไม่ได้สักเหรียญ นึกสนุกขึ้นมา ดึงชายกระโปรงขึ้นให้รองรับเหรียญ อิงหลิวก้ตามาเก็บด้วยหลวนคุนกับหลิ่งจือมอง อย่างตกตะลึงกับสิ่งที่วรากรทำ แต่สุดท้ายแล้วทั้งสองก็อดขำไม่ได้ องค์รัชทายาทกำเหรียญทองไว้ในมือ กำลังจะโปรยลงมามองเห็นวรากรพอดี โค้งคำนับฮ่องเต้ก่อนจะ รวบเอาเหรียญใส่ไว้ในมือเต็มกำมือเดินลงบันได
วรากร หันหน้าหันหลังชนเข้ากับ ผู้ชายร่างใหญ่เซแวดๆๆ กำลังจะล้มเพราะมัวแต่ห่วงเหรียญที่ชายกระโปรง หลิ่งจือกับหลวนคุนถลาเข้าไปรับพร้อมกัน กลายเป้น รวบร่างบางไว้ทั้งคู่ วรากร ทรงตัวลุกขึ้นยินไม่มองสบตาใครให้ใจสั่นไหวอีกแล้วT_T
ข้างหน้านั่นองค์รัชทายาทยืน อยุ่ ดึงมือวรากรลุกขึ้นยืนคว้ามือบางเทเหรียญทองใส่ไว้ในกำมือเล็กเหรียญทำท่าจะร่วงเขาจึงกำรวบทั้งมือทั้งเหรียญไว้ในมือเขา ความอบอุ่นจากมือใหญ่แผ่ซ่านจนถึงหัวใจวรากรหน้าแดง