บท
ตั้งค่า

ความสัมพันธ์พี่น้อง

นางเอกจะต้องหาทางกลับบ้านแต่แป๋มกลับต้องมานั่งปลูกนั่งเก็บผักปลูกผัก จูจิ้น หยิบเอาเมล็ดผักบุ้ง ไปหยอดเป็นแถวยาวตามขว้างของแนวแปลงผักบุ้ง

“เมื่อไหร่จึงจะงอก”ถามลองภูมิเจ้าน้องชาย

“ไม่เกินสามวัน ผักบุ้งสาม แตงกวาหนึ่งวัน มะระห้าวัน กว้างตุ้งสองวันตระกูลผักกาด สองถึงสามวัน มะเขือและพริกห้าถึงเจ็ดวัน”

โอ้โห้เจ้าน้องบ้านี่ ทำไมรู้มากขนาดนี้ แป๋มเสียอีกไม่เคยรู้อะไรเลย หยิบเมล็ดผักบุ้งโรยเป็นแถวตามแบบจูจิ้นที่แคล่วคล่อง ปัดไม่ปัดมือเสร็จเสียที

“จูเจี่ยไปช่วยพ่อของเจ้าเก็บมันเทศใส่ลงไปในหลัว อีกสองชั่วยามคนของวังหลวงจะมารับไป”

แป๋มยิ้ม มันเทศมันเทศของโปรด วิ่งแจ๋นไปทันทีจูจิ้นวิ่งตามไปติดๆ เสี่ยวซงหันมายิ้มเมื่อเห็นว่ามีคนมาช่วยตัวเขาเองปาดเหงื่อที่ใบหน้าสองวันมานี้ เสี่ยวซง คล้ำลงเล็กน้อย แม้แสงแดดที่ส่งลงมาจะเพียงบางเบาเพราะอากาศหนาวทำให้ฟ้าหลัว แต่ก็จัดว่าผิวขาวอยู่ดีจะขาวกว่าแป๋มด้วยซ้ำไป แป๋มเองกับมี ผิวขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแก้มสองข้างแดงเป็นลูกตำลึงสุกเพราะ อากาศเย็น

มันเทศเปลือกสีม่วง ถูกขุดขึ้นมาวางระเกะระกะ ข้างแปลงปลูกเครือมันเทศเหี่ยวเฉา

เสี่ยวซง หอบเอา มันเทศใส่ไว้ในหลัว อย่างขะมักเขม้น ผิวขาวเหมือนผู้หญิงร่างสูงที่หอบเอา หัวมันเทศช่างน่ามองแป๋มคิดถึงกล้องโทรศัพท์หากเป็นตอนนี้คงจะเอาที่จะเก็บภาพ สวยงามนี้ไว้ไม่ได้เหมือนนายแบบหนุ่มที่กำลังโพสน์ท่าทาง ออกมาให้เป็นธรรมชาติ ผิดกันทีเสี่ยวซงไม่ต้องปรุงแต่งเขาดูเป็นธรรมชาติน่ามอง

จูจิ้นถลาเข้าไปเก็บหัวมันไว้ในอ้อมแขนบ้าง เจ้าเด็กนี่มองไปมองมาก็น่ารักไม่น้อยหาก ไม่ฉลาดเกินเด็กไปหน่อย

มันเทศหัวใหญ่ สีสวยแป๋มสูดลมหายใจเข้ายิ้มกว้าง เย็นนี้ต้องมีเมนูมันเทศแน่ๆ

“ท่านพ่อ เรากินมันเทศเหล่านี้ได้ไหม”อดที่จะถามไม่ได้

“แน่นอน วันนี้เรามีงานแค่เพียงเก็บมันเทศ เมื่อมีคนมารับเอาพ่อจะพาพวกเจ้าไปจับกุ้งแม่น้ำ ไว้ไปแกงรวมกันกับมันเทศ รสชาติดีทีเดียวแม่เจ้าทำอาหารพวกนี้ได้รสดียิ่งนัก”

แป๋มยิ้มกว้าง กุ้งๆๆๆๆ แล้วก็มันเทศ อ่าชีวิต ของโปรดดดดด

แม้จะปาดเหงื่อทว่าเพื่อกุ้งกับมันเทศ

ฮูหยินเฉินตะโกนเรียกดังๆ มาจากเถียงนา มันเทศเต็มหลัวไปหลายใบแล้วเสี่ยวซงยกหลัวมาเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียบ

“กินข้าวกันได้แล้ว”

จูจิ้นดึงมือเสี่ยวซงให้วิ่งตาม หันมายิ้มยียวนให้แป๋ม

“จูเจี่ยข้า ถือครองพี่เสี่ยวซง เป็นพี่ชายต่อจากนี้”แป๋มส่ายหน้า

“ดีแล้ว ต่อไปเสี่ยวซงจะได้รู้ว่ามีน้องอย่างเจ้า นรกชัดๆ ”เสี่ยวซงยิ้มเห็นเขี้ยว แป๋มอ้าปากค้าง คนอะไรยิ้มสวยเป็นบ้าเลย

“จูเจี่ย คราวหลังห้ามถามที่ปลดทุกข์กับข้า ถ้าจะพูดเช่นนี้ข้าจะปล่อยให้ท่านจุกตายไปเสีย”

“เจ้าเด็กบ้า มาให้เขกหัวเสียทีหนึ่ง”กระโดดเข้าใส่จูจิ้นที่ดึงมือเสี่ยวซงให้วิ่งตามพร้อมกับหัวเราะเสียงใส

วิ่งวนรอบตัวเสี่ยวซงที่สูงชะลูด ไปมา แป๋มลืมตัวลืมตาย วิ่งวนรอบตัวเสี่ยวซงเช่นกันเจ้าจูจิ้น หลบอยู่ด้านหลังชะโงกหน้ามาแลบลิ้น แป๋มถลาเข้าด้านหน้าเสี่ยวซง เอื้อมมือหมายจะฟาดไปที่เจ้าเด็กบ้านั่นแต่ทว่ากลับเสียหลัก ชนเข้ากับเสี่ยวซง ร่างผอมบางอย่างไรจะทานน้ำหนักตัว เกือบแปดสิบกิโลของแป๋มไหว ร่างอ้วนเตี้ยของแป๋มล้มลงไปทับเสี่ยวซงเต็มตัวใบหน้าซุกอยู่กับอกอุ่นของเขา เสี่ยวซง ยกมือขึ้นกอดรวบแป๋มไว้ทันทีกลัวว่าแป๋มจะเจ็บตัวไปกว่าที่อยู่บนอกเขา จูจิ้นปิดตา ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือหัวเราะร่วน

“จูจิ้นดึงพี่เขาขึ้นมา เสี่ยวซงคงจะเจ้บตัวแน่ๆ พี่สาวเจ้าน้ำหนักตัวเยอะเพียงนั้น”หานี่ท่านพ่อผู้ใจดีก็หยิกกัดเป็นเหมือนเจ้าน้องจูจิ้นด้วยหรือ ไม่น่าแปลกใจว่าเจ้าจูจิ้นได้นิสัยใครมาคงบวกๆ กันระหว่างพ่อกับแม่ เสี่ยวซงเห็นตัวผอมบางทว่ากับ แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อแม้จะเขินจนหน้าแดงเขากลับจับเอวหนาของ แป๋ม ดันตัวแป๋มลุกขึ้น อย่างอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่”

แป๋มหน้าเง้า แต่เสี่ยวซงกับปัดเนื้อปัดตัวให้แป๋มเสีย อย่างกับว่าตัวเองเป็นคนล้มทับ สุภาพบุรุษอะไรขนาดนั้น

แป๋มก้มหน้าหลบตาคม จูจิ้นอมยิ้ม ก่อนจะหันหลังเดินตามท่านเจ้าบ้านเฉินไปที่เถียงนา เสี่ยวซงหันหลังเดินตามไปติดๆ แป๋มจึงจำเป็นต้องก้าวตามทั้งๆ ที่เขินแทบตาย

ข้าวกลางวันวันนั้น

แป๋มจึงกินได้น้อยเพราะเอาแต่เขินอยู่อย่างนั้น จูจิ้นคีบเอาเนื้อปลาที่ฮูหยินเฉินย่างก่อนหน้านั้นเตรียมไว้สำหรับอาหารกลางวัน วางนถ้วยข้าวให้ แป๋ม

“จูเจี่ย เนื้อปลากุ้ย พี่กินเยอะๆ จะได้กระฉับกระเฉงว่องไวไม่ไปล้มทับใครเขาอีก”

“เกือบดีละเกือบดีละ”แป๋มพึมพำเบาๆ

“นอกจากหน้าตาจะเหมือนปลากุ้ย (ปลากุ้ยฟันล่างยื่นออกมา555) แล้วยังชอบออกหากินเวลากลางคืนอีกด้วย”

จูจิ้นยังไม่เลิกกัด แต่แป๋มกับไม่รู้สึกอะไรเพราะไม่รู้จักปลากุ้ย ปลาอร่อยของจีน

“จูจิ้น เลิกทะเลาะกับพี่เขาได้แล้ว อยากจะให้เขากินของอร่อยแต่ชอบไปพูดให้เขาโมโหเสียก่อน”ฮูหยินดุจูจิ้น

หนึ่ง ปลาเป็นสัญลักษณ์ของความมีชีวิตชีวา กระฉับกระเฉง ว่องไว ชาวจีนโดยทั่วไปจึงเชื่อกันว่า การกินปลา จะช่วยให้ฉลาด มีไหวพริบดี

สอง ปลามีไข่มาก แพร่พันธุ์ได้มากและรวดเร็ว ชาวจีนจึงเชื่อกันว่า การกินปลาช่วยให้มีลูกได้ มีลูกมากก็มีบุญมาก ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง

สาม ในภาษาจีน (เสียงจีนกลาง) มีคำสองคำที่ออกเสียงพ้องกัน คือ หวี (鱼) ที่แปลว่าปลา กับหวี (余) ที่แปลว่า (มีมากจนเหลือ) เหลือเฟือ ล้นเหลือ ซึ่งฟังดูมีนัยที่เป็นมงคล ชาวจีนจึงให้นิยามใหม่กับปลา ให้มีความหมายที่เป็นมงคลตามคำนี้ด้วย เพื่อเป็นคำอวยพร

เสี่ยวซงคีบเนื้อปลาวางบนถ้วยข้าวให้แป๋มเนื้อปลาสีขาว สะอาดตา แป๋มคีบมันใส่ปาดรสหวานในครั้งแรกตามมาด้วยยุ่นนุ่มของเนื้อปลาเพราะสดใหม่

“ท่านลุงปลากุ้ย หาได้จากที่ไหน”เสี่ยวซงถามเพื่อช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น

“ปลากุ้ยอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำทั่วไปที่มีรากไม้หนาแน่นออกหากินเวลากลางคืน เหมือนที่จูจิ้นบอก”

“นอกจากอยู่ในแหล่งน้ำปลากุ้ยยังอยู่ในแจกันและกระเบื้องลายครามในวังหลวงด้วย”

เสี่ยวซงอมยิ้ม แต่แป๋มขมวดคิ้ว ว่าจะไม่พูดด้วยยันลูกบวชแต่เพราะความอยากรู้

“ไปอยู่อะไรในนั้น”

เสี่ยวซง หันหน้าไปแอบขำคำถามของแป๋ม เจ้าน้องชายทำสีหน้า เหมือนนักปราชญ์

“ก็เขาวาดมันไว้ ปลากุ้ยเป็นสัตว์มงคล จึงเหมาะที่จะนำไปประดับบนลายครามในราชสำนัก”

“พูดอย่างกับตัวเองเคยเข้าไปในราชสำนัก”เสี่ยวซงอมยิ้มมองสองพี่น้อง ด้วยแววตาที่เต้มเปี่ยมไปด้วยเอ็นดู

“พี่ก็ไม่เคยเขาไปน่า อย่างน้อยข้าก็เคยได้ยินเขาเล่ามาจูเจี่ย เสียอีกไม่รู้ว่าทำไมปลาถึงเข้าไปอยู่บนลายคราม”

“พอๆๆๆ รีบกินได้แล้วอากาศกำลังดี พ่อจะพาไปจับกุ้งแม่น้ำหากว่าช้าจะหนาวจนลงไปจับกุ้งไม่ได้”

ท่านเจ้าบ้านเฉินตัดบท แป๋มแลบลิ้นให้จูจิ้น เผลอมองสบตาเสี่ยวซงที่ยิ้มๆ เพราะขำกับความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel