ตอนที่ 22 ไปดูบ้านพร้อมสามี
“เป็นอย่างไรบ้างครับ?”เสียงทุ่มถามภรรยาทันทีที่เห็นร่างบางเดินตรงเข้ามาหา เขานั่งรออยู่ตรงนี้เกือบชั่วโมงแล้วกว่าภรรยาจะออกมา ทำเอาเขาเป็นห่วงจนกระวนกระวายใจแทบนั่งไม่ติด
“ที่ผ่านมาคงเพราะขาดสารอาหารมานานค่ะ หลังจากนี้คงต้องบำรุงร่างกายให้มากขึ้น”จางซิ่วอิงตอบคำถามด้วยสีหน้าผ่อนคลายลงกว่าตอนเข้าไปมากทีเดียว อาจะเพราะร่างกายนี้ไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอเป็นระยะเวลานาน หากค้นจากความทรงจำก็คงจะตั้งแต่ช่วงที่แม่ของจางซิ่วอิงคนก่อนเสียชีวิต เพราะผู้เป็นพ่อไม่ได้ใส่ใจเธอมากนัก
อาหารแต่ละมื้อนั้นเหมือนกินเพื่อให้อิ่มท้องแต่เพียงเท่านั้น แล้วยิ่งมีแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างสายเลือดเพิ่มเข้ามา ชีวิตจางซิ่วอิงในตอนนั้นไม่เคยได้กินอิ่มท้องด้วยซ้ำ แม้ต่อหน้าพ่อของเธอ แม่เลี้ยงจะทำทีให้เธอได้กินอาหารดี ๆ แต่พอลับหลังลูกติดของแม่เลี้ยงก็จะมายึดอาหารเหล่านั้นคืนไป แต่ละวันร่างนี้จึงได้กินเพียงแค่น้ำข้าวต้มใส ๆ ที่นับเม็ดข้าวได้เพียงเท่านั้น
ที่เข้าไปลองตรวจร่างกายดูนั้นอันที่จริงจะเรียกว่ากังวลก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เอาเป็นว่าเธอแค่สงสัยมากกว่า เพราะที่ผ่านมาตามความทรงจำร่างนี้ทำการบ้านกับสามีอย่างสม่ำเสมอมาแรมปี แต่ก็ยังไม่มีวี่แววเจ้าหัวผักกาดน้อยเกิดขึ้นมา ทั้งที่อายุก็ไม่ได้มากขนาดนั้น
“ครับ หลังจากแผลหายดีผมจะพยายามให้มาก”หยางซีห่าวตอบรับอย่างหนักแน่นด้วยใบหน้าจริงจัง เขาตั้งใจอย่างไรหลังจากแผลหายดีเขาจะต้องมีลูกชายตัวอวบขาวให้ได้ เพื่อให้ภรรยาไม่ต้องถูกดูแคลนอีก
แต่แม้จะบอกว่าการอยู่ด้วยกันเพียงสองคนไม่ได้เป็นปัญหาอะไร แต่ทุกครั้งที่กลับไปทำงานสหายของเขาที่มีลูกกันแล้วพากันโอ้อวดความน่ารักของลูกตนเองทุกครั้งที่มีโอกาส ทำเอาชายหนุ่มอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้
“อ่า”คนเป็นภรรยาก็ตอบรับคำพูดของสามีอย่างไม่คิดมาก ก่อนจะออกแรงเข็นรถเข็นเดินออกมาจากอาคารเรื่อย ๆ ทว่าพอย้อนกลับมาคิดตามประโยคนั้นอีกทีก็ถึงกับใบหน้าเห่อร้อน หัวใจนั้นเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าครู่หนึ่งเพื่อกลบเกลื่อนอาการขัดเขิน ก่อนจะเข็นรถของสามีมาขึ้นเกวียนที่รออยู่โดยไม่สนสายตากรุ้มกริ่มจากสามี
สามีของเธอนับวันยิ่งร้ายกาจ เห็นทีพ่อหนุ่มยุคโบราณอย่างหยางซีห่าวก็คงแพรวพราวไม่แพ้สาวที่มาจากอนาคตอย่างเธอเช่นกัน
จางซิ่วอิงบอกทางคนขับเกวียนให้พาเธอไปดูบ้านหลังที่อยู่ใกล้กับโรงเรียนก่อน เพราะอยู่ห่างจากโรงพยาบาลไปเพียงห้าร้อยเมตรเท่านั้น
“ที่นี่สวยดีนะคะ”เสียงใสกล่าวกับสามีทันทีที่พยุงร่างหนาขึ้นนั่งบนรถเข็นเรียบร้อยแล้ว
บ้านขนาดปานกลางบนเนื้อที่หนึ่งงานเศษ พื้นที่หน้าบ้านค่อนข้างกว้างดูจากดินแล้วน่าจะเหมาะกับการเพาะปลูก ซึ่งในอนาคตจางซิ่วอิงก็อยากลองปลูกผักกินเองดูสักครั้ง อย่างไรก็ต้องลองพึ่งพาตนเองดูบ้าง หากวันหนึ่งมิติหายไปเธอจะได้ไม่ลำบากนัก ในส่วนตัวบ้านสีขาวครีมคล้ายแบบบ้านมินิมอลในยุคอนาคต ข้างบ้านทั้งสองฝั่งเป็นบ้านหลังขนาดไม่ต่างกัน ดูเงียบเชียบราวกับไม่มีคนอยู่
พลันหญิงสาวหันไปเจอคุณป้าที่กำลังยืนกวาดถนนอยู่หน้าบ้านหลังข้างกันพอดีจึงเดินตรงเข้าไปสอบถาม “สวัสดีค่ะ พอดีฉันอยากจะขอไปดูด้านในบ้านหลังนี้สักหน่อย ไม่ทราบว่าพอจะรู้จักเจ้าของบ้านหรือเปล่าคะ?”
จางซิ่วอิงคลี่ยิ้มเบาบางอย่างเป็นมิตร ท่าทางการพูดจาแสดงออกถึงความนอบน้อมต่อผู้อาวุโสอยู่ไม่น้อย
สวีรั่วที่ยืนกวาดพื้นหน้าบ้านอยู่หันมามองตามเสียงใสของเด็กสาว นัยน์ตาของหญิงวัยกลางคนลอบสำรวจอีกฝ่ายเงียบ ๆ ก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมแววตาที่เอ็นดูเด็กสาวมารยาทดีคนนี้ไม่น้อย “หล่อนจะซื้อบ้านสินะ มาสิฉันมีกุญแจ นี่บ้านน้องชายฉันเอง พึ่งย้ายไปอยู่ปักกิ่งเมื่อเดือนก่อน มาสิ! เข้ามา ๆ”
พูดเสร็จก็หยิบกุญแจที่เหน็บไว้ข้างเอวขึ้นมาไขรั้วบ้าน ก่อนจะเชิญเด็กสาวและชายหนุ่มบนรถเข็นเข้ามาในบ้าน
“ขอบคุณครับ”หยางซีห่าวค่อนข้างพอใจกับเพื่อนบ้านคนนี้ ทั้งที่เห็นว่าเขานั่งอยู่บนรถเข็นแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีอยากรู้อยากเห็นหรือดูแคลนแต่อย่างใดซึ่งน้อยมากที่จะพบเจอคนเช่นนี้
เมื่อเข้ามาภายในบ้านเพดานค่อนข้างสูงจึงทำให้บรรยากาศภายในปลอดโปร่ง ทั้งยังมีลมพัดเอื่อยเข้ามาในตัวบ้านตลอดเวลาหากเปิดหน้าต่าง ตัวบ้านมีสองชั้น ด้านบนมีห้องนอนขนาดใหญ่สองห้อง ข้างล่างมีห้องนอนอีกหนึ่งห้อง ถัดไปเป็นห้องน้ำ ลึกเข้าไปด้านหลังเป็นห้องครัวขนาดใหญ่
ในยุคนี้เริ่มมีการใช้เตาแก๊สบ้างแล้ว แถมบ้านในเมืองเช่นนี้ก็มีไฟฟ้าและน้ำประปาเข้าถึงแล้วด้วย โดยรวมแล้วดูสะดวกสบายมากทีเดียว แม้จะเป็นเพียงบ้านเปล่าแต่จางซิ่วอิงคิดว่าโดยรวมแล้วราคาสองพันหยวนนับว่าสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก
หยางซีห่าวสังเกตเห็นสีหน้าพึงพอใจของภรรยาก็เข้าใจได้ทันทีว่าร่างบางคงชอบบ้านหลังนี้เข้าให้แล้ว แต่หากดูอีกหลังหนึ่งคาดว่าเธอคงตัดสินใจได้ในทันที
“ฉันคงต้องไปปรึกษากันก่อนนะคะ แล้วจะติดต่อมาอีกที ขอบคุณมากนะคะคุณป้า”หญิงสาวบอกออกไปด้วยท่าทีเกรงใจ ก่อนจะโค้งขอบคุณอย่างมีมารยาท ในใจของหญิงสาวค่อนข้างชอบบ้านหลังนี้มากจริง ๆ แต่ก็ต้องไปดูบ้านอีกหลังเสียก่อน เผื่อว่าหลังนั้นดีกว่าจะได้ไม่นึกเสียดายทีหลัง
“ไม่เป็นไร ๆ เดินทางดี ๆ ล่ะ”สวีรั่วโบกมือไปมาเป็นเชิงเป็นไร ก่อนจะยิ้มให้สองสามีภรรยาอย่างผู้ใหญ่ที่มีเมตตาต่อเด็ก แล้วมองส่งทั้งคู่จากไป
“คุณชอบบ้านหลังนี้สินะครับ”หยางซีหาวพูดอย่างรู้ใจภรรยา เขาค่อนข้างมั่นใจมากขึ้น เพราะตอนที่เกวียนเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้าน ภรรยาของเขายังคงหันกลับไปมองบ้านหลังนั้นอยู่หลายครั้ง
หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถาม ทว่าริมฝีปากกลับผุดรอยยิ้มหวานแล้วถามสามีกลับไปแทน “แล้วสามีไม่ชอบเหรอคะ?”
หยางซีห่าวมองสบตากับภรรยาที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขาด้วยหัวใจเต้นแรง พลันมือหนายกขึ้นมาวางบนศีระเล็กแล้วดันออกอย่างอ่อนโยน แม้ในใจจะอยากทำมากกว่านี้ แต่พื้นที่สาธารณะเช่นนี้ย่อมไม่ควร
“คุณชอบแล้วผมจะไม่ชอบได้อย่างไรล่ะครับภรรยา”ชายหนุ่มยิ้มตอบโดยที่มือยังคงลงบนผมนิ่มหอมที่ถูกถักเปียเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
จางซิ่วอิงเห็นท่าทีสามีที่กล้าถึงเนื้อถึงตัวกับตนเองมากขึ้นรู้สึกขัดเขินขึ้นมาบ้างแล้ว แต่อีกใจก็ยังอยากรุกสามีต่ออีกสักหน่อย จึงคว้ามือหนาที่ลูบผมเธออยู่มาจับเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยแซวเขากลับไปด้วยใบหน้าทะเล้น
“สามีของฉันก้าวหน้านะคะ เดี๋ยวนี้”
“เพราะอยู่กับคุณมากมั้งครับ” เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างใบหูขาวสะอาดนัยน์ตานุ่มลึกจดจ้องเข้าไปในแววตาขี้เล่นซุกซนของภรรยาจนเธอเขินอายและเป็นฝ่ายหลบตาไปเอง หยางซีห่าวรู้สึกถึงความสำเร็จของตนเองในครั้งนี้ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วมองคนที่เอาแต่เสมองไปทางอื่นอย่างนึกเอ็นดู
หลังจากนั้นราวสิบห้านาทีเกวียนก็พาสองสามีภรรยามาหยุดอยู่ที่บ้านในตรอกเดียวกันกับสำนักงานที่ดิน
บ้านหลังนี้หากกะด้วยสายตาพื้นที่หน้าบ้านมีเพียงแค่แปดตารางเมตรเท่านั้นและมีพื้นที่ข้างบ้านอีกเล็กน้อย เพราะเป็นบ้านชั้นเดียว ตัวบ้านจึงกินเนื้อที่รอบบ้านไปจนเกือบหมด เนื่องจากเจ้าของบ้านยังไม่ย้ายออกไป หญิงสาวจึงขออนุญาตเข้าไปดูด้านใน โดยเจ้าของเล่าว่าจะย้ายไปอยู่เมื่อข้างเคียงเพราะลูกสาวต้องเข้าเรียนมัธยมปลาย เดินทางไปกลับไปไม่สะดวกนัก เพราะยุคนี้ผู้หญิงเดินทางไปไหนคนเดียวค่อนข้างเป็นไปได้ยาก หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
สภาพบ้านหลังนี้ค่อนข้างเก่าแต่ไม่ได้ดูเก่าจนเกินรับได้ โดยเจ้าของบ้านบอกว่าจะแถมเครื่องเรือนทั้งหมดให้โดยไม่คิดเงินเพิ่ม จางซิ่วอิงเพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะขออนุญาตสำรวจห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน
ห้องนอนใหญ่มีเพียงห้องเดียว อีกสองห้องเป็นห้องเล็ก และห้องน้ำก็เล็กทั้งสองห้อง ห้องครัวไม่ได้กว้างมาก แถมก่อนเข้ามาเธอเห็นสายตาของเพื่อนบ้านที่ชะเง้อคอมองอย่างสอดรู้สอดเห็น พยายามเงี่ยหูฟังอยู่ข้างรั้ว เพียงเท่านี้จางซิ่วอิงก็ตัดสินใจได้ในทันที แต่เธอไม่ได้อยู่บ้านเพียงคนเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องถามความคิดเห็นของสามีด้วยเช่นกัน “คุณคิดว่าอย่างไรคะ?”
เสียงหวานถามสามีหลังจากเกวียนเคลื่อนออกมาจากหน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว ในใจแอบคาดหวังว่าหยางซีห่าวจะมีใจตรงกันกับเธอ และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ
“คุณดูไม่ชอบหลังนี้นะครับ”
“คุณรู้ใจฉันจังนะคะ”หญิงสาวแสร้งเอ่ยค่อนแคะสามีเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่คนเป็นสามีใส่ใจสีหน้าท่าทางของเธอมากขนาดนี้
“ผมว่าคุณคงไม่ชอบพวกสอดรู้สอดเห็นใช่ไหมครับ”หยางซีห่าวถามอย่างรู้ทันอีกครั้ง ซึ่งเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก
“ใช่ค่ะ เราไปซื้อบ้านกันเถอะค่ะ”
หลังจากเห็นพ้องต้องกัน หยางซีห่าวจึงเป็นฝ่ายบอกให้คุณลุงคนขับเกวียนพาไปที่สำนักงานที่ดินต่อเพื่อดำเนินการซื้อบ้านหลังแรกในราคาสองพันหยวนทันที ตลอดทางมีเสียงพูดคุยระหว่างสามีภรรยาดังไปตลอดจนถึงสำนักงาน
