ตอนที่ 21 พาสามีไปหาหมอ
เสียงไก่ขันในยามเช้าตรู่ที่มีเพียงแสงอาทิตย์เพียงรำไรช่วยปลุกร่างบอบบางตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนแกร่งของสามี ใบหน้าเล็กซุกซบหาความอบอุ่นจากอกกว้าง พลางกอดกระชับแขนเล็กกับเอวสอบไว้หลวม ๆ
อากาศเช้านี้ดีมากจริง ๆ เธอเริ่มคุ้นชินกับการถูกโอบกอดเช่นนี้เสียแล้ว
ชายหนุ่มที่ถูกใบหน้าเล็กถูไปมาบริเวณอกกว้างพลันตื่นขึ้นมาในทันที ก่อนมือหนาจะกดศีรษะภรรยาเข้ากับอกเพื่อให้เธอหยุดถูไถเสียที เพราะเกรงว่าบางสิ่งที่หลับอยู่ก็คงจะตื่นขึ้นมาในไม่ช้านี้
“นอนต่ออีกหน่อยเถอะภรรยา”เสียงทุ้มงัวเงียกล่าวขึ้น พลางลูบลงบนผมนิ่มของร่างในอ้อมแขนแผ่วเบา
“ฉันต้องไปขายของนะคะ”หญิงสาวตอบกลับอย่างเป็นกังวล พลันเงยหน้าขึ้นมองปลายคางของสามีด้วยสายตาเว้าวอน เธออยากออกไปทำงาน อยากได้เงินเยอะ ๆ แต่อากาศวันนี้มันดีเกินไปเสียจนทำให้คนขยันอย่างเธออยู่ ๆ ก็รู้สึกขี้เกียจขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ซึ่งหญิงสาวไม่ได้รู้เลยว่าแววตาเช่นนี้ของเธอ และความนุ่มหยุ่นที่เบียดเสียดอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่นั้นราวกับกำลังทดสอบความอดทนของคนเป็นสามีอย่างไรอย่างนั้น หยางซีห่าวข่มกลั้นความรู้สึกบางอย่าง ก่อนจะพยายามพูดคุยกับภรรยาด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด
“คุณเหนื่อยมาหลายวันแล้ว หากไม่พักเลยจะป่วยเอานะครับ”น้ำเสียงทุ้มละมุนบอกกับภรรยาในอ้อมกอด ฝ่ามืออุ่นลบลงบนผมนิ่มแผ่วเบา กลับกันส่วนกลางกายนั้นพองขยายอย่างรวดเร็วจนน่าโมโห
เพียงถูกกลิ่นหอมและความนุ่มหยุ่นบดเบียดเข้าหาเพียงเท่านี้ก็พร้อมใช้งานเสียแล้ว แต่อุปสรรคสำคัญคือขาที่ยังคงมีแผลเหวอะหวะอยู่ คิดมาถึงตรงนี้ก็นึกขัดใจกับร่างกายตัวเองนัก
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยที่ออกมาจากปากสามีเล่นเอาจิตใจคนฟังอ่อนยวบยาบ และยอมหยุดทำงานในที่สุด
ใบหน้าเล็กซุกซบลงบนอกกว้างดังเดิม กอดรัดเอวสอบของสามีให้แน่นขึ้น โดยมีมือใหญ่คอยลูบหลังไปมาเพียงไม่นานเปลือกตาสีไข่ก็ปิดลงอีกครั้งด้วยความง่วงงุนและความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดหลายวัน
หยางซีห่าวเหลือบมองภรรยาที่นอนหลับตาพริ้มในอ้อมแขนอย่างนึกเอ็นดู เห็นทีหากเขาไม่บอกให้เธอพักบ้างไม่แน่ว่ามือเล็ก ๆ คู่นี้ก็หยิบจับหาอะไรทำไปเรื่อยไม่หยุดหย่อน เขาไม่ได้ชักจูงให้เธอเหลวไหล เพียงแต่เงินที่มีนั้นมากพอแล้ว หากเธอจะทำตัวขี้เกียจสักวันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
หลังจากที่ภรรยาหลับไปเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มที่ยังไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ก็พยายามปรับลมหายใจให้นิ่งที่สุด และข่มกลั้นความรู้สึกบางอย่างอยู่นานกว่าจะสงบลงได้ก็ใช้เวลานานทีเดียวก่อนจะหลับตามคนในอ้อมแขนไป
สองสามีภรรยาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสายของวัน จางซิ่วอิงทำอาหารง่าย ๆ สองอย่างพร้อมข้าวขาวและไข่ไก่ต้มสามฟองเช่นเดิม เพียงไม่นานอาหารเช้าก็ถูกทั้งคู่ทานจนเกลี้ยง
จางซิ่วอิงจึงพาสามีออกมานั่งรับลมข้างบ้าน ไหน ๆ วันนี้เธอก็ว่างทั้งวันแล้ว ถือโอกาสใช้ช่วงเวลาดี ๆ กับสามีสักหน่อยหวังว่าคงจะไม่มีมารมาขัดขวางอย่างที่ผ่านมาหรอกนะ
“คุณอยากทำอะไรต่อหลังจากนี้เหรอคะ?”เสียงใสถามขึ้นขณะที่ดวงตาคู่เรียวทอดมองไปยังพื้นที่ด้านหลังบ้านที่ติดกับเขาหลายลูกทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
พลันเมื่อชายหนุ่มได้ยินคำถามจากภรรยา ใบหน้าหล่อเหลาเกิดเคร่งเครียดขึ้นมาในฉับพลัน คิ้วหนาขมวดเข้าหากันก่อนจะตอบออกไปอย่างไม่มั่นใจ “ผมยังไม่แน่ใจ แต่ถ้าผมไม่ได้เป็นทหารแล้วล่ะครับ”
จางซิ่วอิงสบตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของสามีพลางส่งยิ้มบาง
“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่คะ เพราะอนาคตฉันตั้งใจจะเปิดร้านค้าเล็ก ๆ สักร้านอยู่แล้ว เรามาช่วยกันดูแลร้านนั้นกันนะคะ”ชาตินี้เธอเลือกเขาแล้วนี่นะ ต่อให้อนาคตเขาจะเป็นหรือทำอะไรเธอล้วนสนับสนุนเขาอยู่แล้ว และอีกอย่างบอกตามตรงว่าเธอค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวสามีมากทีเดียว ว่าเขาจะไม่ทำให้เธอผิดหวังอย่างแน่นอน หยางซีห่าวย่อมมีแผนอยู่ในใจ เพียงแต่เขายังไม่มั่นใจเธอเชื่อแบบนั้น
“ครับ”เสียงทุ้มตอบรับเพียงสั้น ๆ ทว่าความกังวลบนใบหน้าก็ยังไม่เบาบางลงแต่อย่างใด จนตอนนี้เกิดความกลัวขึ้นมาในหัวใจแกร่งบ้างแล้ว ทั้งที่ตั้งใจไว้แต่แรก ทว่าตอนนี้เขากลับลังเลขึ้นมาว่าจะบอกความลับนี้ให้กับภรรยาฟังดีหรือไม่
“พร้อมเมื่อไหร่เราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งก็ได้ค่ะ”จางซิ่วอิงพูดกับสามีด้วยน้ำเสียงเบาสบาย สีหน้าเป็นกังวลของเขามีหรือที่เธอจะไม่เห็น แต่เมื่อเขายังไม่พร้อมจะพูดในตอนนี้ เธอเองก็ไม่อยากคาดคั้นให้สามีอึดอัด
“คุณเชื่อใจผมได้เลยครับ มันไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่ผมแค่ยังบอกคุณตอนนี้ไม่ได้จริง ๆ”เพราะเขาต้องรักษาความลับนี้จนกว่าทุกอย่างจะสำเร็จลุล่วง คนที่ไม่เคยเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างเขา ในตอนนี้กลับภาวนาในใจเพื่อให้ภรรยาเข้าใจในสิ่งที่เขาบอกเธอในตอนนี้ไม่ได้
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจคุณ”จางซิ่วอิงยิ้มบาง มองสบกับนัยน์ตาคมของสามีอย่างเชื่อมั่น
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่นับตั้งแต่ได้พูดคุยกัน กว่าจะรู้ตัวก็รู้สึกได้ถึงพระอาทิตย์ที่เคลื่อนตัวมาเกือบตรงกับศีรษะอีกครั้ง จางซิ่วอิงจึงพาสามีเข้าไปในบ้านส่วนตนเองก็เข้าไปทำอาหารมื้อกลางวันเช่นเคย
หลังจบมื้ออาหารเธอพาสามีเข้าไปพักผ่อนในห้องนอน ร่างกายของเขาต้องได้รับอาหารและการพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อฟื้นฟูส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ส่วนตนเองออกจากบ้านมาเพื่อติดต่อเหมาเกวียนสำหรับเช้าวันพรุ่งนี้ เพื่อความสะดวกสบายของสามีจางซิ่วอิงควักเงินจ่ายไปถึงสามหยวนเพื่อให้เกวียนนั้นพาเธอและสามีไปดูบ้านสองหลังที่ประกาศขายด้วย ซึ่งอาจจะใช้เวลาทั้งวัน
เช้าวันต่อมาหญิงสาวตื่นก่อนสามี เธอเข้าครัวทำอาหารง่าย ๆ อย่างเช่นข้าวต้มหมูสับใส่เห็ดหอม จากนั้นจึงเข้าไปอาบน้ำในมิติ ก่อนจะกลับออกมาพาสามีเข้าไปอาบบ้าง แล้วมานั่งทานมื้อเช้าด้วยกันเช่นเคย
จางซิ่วอิงเลือกนัดเกวียนให้มารับถึงหน้าบ้านเพื่อไม่ให้สามีต้องเจอกับสายตาพิจารณาของชาวบ้านแถบนี้ โดยใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ เกวียนก็พาเธอมาส่งถึงหน้าโรงพยาบาลในอำเภอ หญิงสาวให้เงินคุณลุงคนขับเกวียนไปอีกหนึ่งหยวนเพื่อให้เขาไปหาอาหารทานระหว่างรอ ซึ่งแม้คุณลุงจะปฎิเสธในครั้งแรก แต่เมื่อถูกหญิงสาวรุ่นลูกคะยั้นคะยอมากเข้าหน่อยก็ยอมรับไป
“คุณหยางซีห่าวเชิญพบคุณหมอค่ะ”เสียงพยาบาลประกาศเรียกชื่อของชายหนุ่มบนรถเข็นหลังจากนั่งรออยู่ราวสิบห้านาที
ต้องขอบคุณภรรยาที่พาเขามารอคิวตั้งแต่เช้าจึงได้คิวตรวจเป็นคิวแรกของวันเลยก็ว่าได้
“เป็นอย่างไรบ้างคะคุณหมอ? ขาของสามีฉันจะหายใช่ไหมคะ?”หญิงสาวถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล แม้จะมั่นใจว่าตลอดเวลาเธอดูแลสามีอย่างดี แต่ก็อยากได้ฟังคำยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญอยู่ดี
“ดูจากบาดแผลแล้วนั้นมีเพียงบาดแผลแค่ภายนอกนะครับ กระดูกไม่หัก เส้นเอ็นหรือแม้แต่กล้ามเนื้อไม่ได้ฉีกขาดเสียหาย แผลได้รับการทำความสะอาดอย่างดีจนเกือบจะแห้งสนิทแล้ว อย่างไรทานยาให้ตรงเวลาแล้วหมั่นดูแลบาดแผล หมอว่าไม่เกินสองเดือนสามีคุณก็น่าจะกลับมาเดินได้ปกติอีกครั้ง”คุณหมอหนุ่มตอบกลับภรรยาของคนไข้ด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“ดีจริง ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
“ขอบคุณครับ”
สองสามีภรรยากล่าวขอบคุณคุณหมอ ก่อนจะออกมาด้านนอกห้องตรวจ จางซิ่วอิงให้สามีนั่งรออยู่ที่มุมหนึ่งของห้องโถง ส่วนตนเองเดินไปติดต่อห้องการเงินและรอรับยา ผ่านไปราวสามสิบนาทีทุกอย่างจึงเรียบร้อย
ทว่าระหว่างที่กำลังจะเดินออกจากตัวอาคาร สองสามีภรรยาเดินผ่านแผนกสูตินรีเวชพอดี จางซิ่วอิงพลันนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงอยากจะเข้าไปตรวจดูสักหน่อย แต่วันนี้เธอพาสามีมาด้วยคงไม่เหมาะ เธอไม่อยากให้เขาต้องรอนาน
“ลองไปตรวจดูสักหน่อยเถอะครับ จะได้สบายใจ”หยางซีห่าวพูดขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงรถเข็นที่หยุดชะงัก เมื่อมองไปที่ใบหน้าของภรรยาก็เห็นเธอมองเข้าไปยังป้ายแผนกพร้อมกับคิ้วคู่เรียวที่ขมวดเข้าหากัน สีหน้าแววตาที่เป็นกังวล เขาแต่งงานกับเธอมาร่วมปีก็คิดว่าคงเดาออกอยู่บ้าง
“แต่ถ้ารอนานคุณจะ…”
“ผมรอได้ครับ ไม่ต้องห่วงผม คุณไปหาหมอเถอะ”ชายหนุ่มยิ้มบางเพื่อให้คนเป็นภรรยาสบายใจ
“อย่างนั้นเดี๋ยวฉันรีบมานะคะ”
“ครับ”เสียงทุ้มตอบรับเพียงสั้น ๆ หลังจากร่างบางเดินออกไปเขาก็มองตามแผ่นหลังเล็กนั่นจนลับสายตา เขารู้ดีว่าเธอกังวลอะไรอยู่ แต่ชีวิตเขาเมื่อมาอยู่จุดนี้ต่อให้ต้องอยู่กันสองสามีภรรยาจนแก่เฒ่าเขาก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นปัญหาอะไร และไม่เคยคิดโทษจางซิ่วอิงสักครั้ง แต่คงไม่ใช่สำหรับเธอ เพราะด้วยสีหน้าของเธอก่อนเข้าไปในแผนกสูตินั้น ได้บ่งบอกความคิดของเธอออกมาจนหมดแล้ว แต่ไม่ว่าผลตรวจจะเป็นอย่างไร จางซิ่วอิงจะเป็นภรรยาเพียงคนเดียวของเขา…ตลอดไป
