บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 20 รายได้เป็นกอบเป็นกำ

จางซิ่วอิงกลับมาพร้อมกับเครื่องประดับผมถุงใหญ่ และถุงเสื้อโค้ดกันหนาวอีกหนึ่งถุงใหญ่ ร่างเล็กหอบเอาถุงสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาในร้านอย่างทุลักทุเลจนเยว่ผิงอันอดสงสารไม่ได้จึงให้ลูกจ้างในร้านไปช่วยถือ

“เสื้อโค้ดบุนวมเหรอ?”เถ้าแก่เนี๊ยรุ่นเยาว์เอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ การจะขายชุดกันหนาวในตอนนี้นับว่าสาวน้อยตรงหน้านั้นมองการณ์ไกลไว้มากทีเดียว ทั้งที่ยังเด็กแต่การเลือกของมาทำการค้าของเธอนั้นเรียกได้ว่าฉลาดเลือกไม่เบา

“ถุงนี้ฉันอยากจะฝากพี่ขายที่ร้านได้ไหมคะ? พอดีฉันไม่ค่อยมีเวลาปล่อยของเลย” หญิงสาวรุ่นน้องพูดจบก็แสดงสีหน้ายุ่งยากออกมาในทันที

ต้องยอมรับว่าเสื้อกันหนาวพวกนี้เป็นที่ต้องการของลูกค้ามาก แต่การขายออกไปแต่ละตัวต้องใช้เวลา เพราะลูกค้าต้องลองสวมและราคาก็นับว่าสูง อีกอย่างเธอจะต้องรีบขายให้เสร็จเพื่อกลับไปให้ทันขึ้นเกวียนก่อนเที่ยงเพราะมีสามีรออยู่ที่บ้าน ฉะนั้นพี่สาวเยว่ที่ขายเสื้อผ้าอยู่แล้ว หากจะขอฝากขายสักหน่อยก็นับเป็นตัวเลือกที่ดีพอสมควร

“เธอจะให้พี่ขายเท่าไหร่ล่ะ?”เยว่ผิงอันถามกลับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

“เสื้อโค้ดพวกนี้รูปแบบทันสมัยมาก กันลม กันน้ำ และที่สำคัญใส่ลุยหิมะได้สบาย แถมยังอุ่นมากเลยล่ะค่ะ เสื้อตัวสั้นฉันขายที่ 300 หยวนค่ะ ส่วนตัวยาวฉันขาย 500 หยวน ถ้าฉันให้ส่วนแบ่งพี่ตัวละ 50 หยวนพี่พอไหวหรือเปล่าคะ?”

“ไม่มีปัญหา พี่ขายให้เฉย ๆ ก็ยังได้เลย”เจ้าของร้านสาวตอบรับคู่ค้าด้วยท่าทีสบาย ๆ เพราะเธอคิดอย่างที่พูดจริง ๆ เพราะเพียงแค่กิ๊บติดผมที่ทำสัญญากันไปครั้งก่อนก็ทำเงินให้ร้านมากมายแล้วภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน

“ฉันไม่กล้าใช้พี่ขายเฉย ๆ หรอกค่ะ ขอบคุณนะคะพี่สาวคนสวย”เสียงใสตอบกลับไปอย่างเกรงใจ โดยไม่ลืมกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย ในขณะที่มือก็รื้อค้นของในถุงใบใหญ่ออกมานับด้วย

ครั้งนี้เธอเอาของออกมาจำนวนมากในเวลารวดเร็วจึงไม่มีเวลาได้นับ ของทุกชิ้นจึงถูกหญิงสาวสองคนนับสินค้าราวเกือบสิบนาทีจึงแล้วเสร็จ ด้วยจำนวนเครื่องประดับที่มากกว่ารอบที่แล้วเป็นสองเท่า ทำให้เถ้าแก่เนี๊ยสาวพึงพอใจเป็นอย่างมาก

หลังจากนับของรอบใหม่เรียบร้อยแล้ว เยว่ผิงอันจึงเดินไปยังโต๊ะทำงาน ก่อนจะเปิดลิ้นชักนำซองเงินของสินค้ารอบก่อนออกมาให้คู่ค้าคนสำคัญ แต่สิ่งที่ทำให้เยว่ผิงอันรู้สึกดีกับเด็กสาวรุ่นน้องมากขึ้นคือ จางซิ่วอิงรับซองเงินไปและเก็บเข้ากระเป๋าทันทีโดยไม่ตรวจนับ เมื่อเอ่ยท้วงเด็กคนนี้ก็ทำแค่เพียงยิ้มกว้างเท่านั้น

เมื่อเก็บเงินและร่ำลาเถ้าแก่เนี๊ยของร้านพร้อมกับนัดส่งสินค้าวันต่อไปเรียบร้อย พลันเท้าเล็กที่เตรียมจะก้าวออกจากร้านก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน “อ่า! เกือบลืม ฉันจะมาซื้อเสื้อผ้านี่นา แหะ ๆ”

จางซิ่วอิงยิ้มเจื่อน เธอลืมไปเสียสนิทเลยว่าตั้งใจมาซื้อชุดใหม่ให้ตัวเองและสามี คิดได้ดังนั้นจึงเดินกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง

“เธอนี่นะพอคุยเรื่องการค้าก็ลืมทุกสิ่งจริง ๆ เลือกเลยเดี๋ยวพี่ลดให้พิเศษ”หญิงสาวกล่าวขึ้นอย่างใจกว้าง ยอมรับว่ารอยยิ้มเจื่อนบนใบหน้าของหญิงรุ่นน้องนั้นเรียกสายตาเอ็นดูจากเยว่ผิงอันได้ไม่ยาก

“จะดีเหรอคะ?”เธอค่อนข้างเกรงใจไม่น้อย ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าขายไม่ค่อยดีหรอกเหรอ เธอเห็นพี่สาวเยว่พึ่งจะขายดีได้แค่วันสองวันก็ไม่อยากเอาเปรียบ อีกอย่างตอนนี้เธอมีเงินในกระเป๋ามากพอที่จะใช้อย่างไม่ขัดสน จึงไม่ได้หวังสิทธิพิเศษใด ๆ สักนิด

“ถือเป็นคำขอบคุณ สินค้าและวิธีการของเธอช่วยร้านพี่ได้มากจริง ๆ”ยิ่งเด็กสาวตรงหน้าเกรงใจเยว่ผิงอันก็รู้สึกยิ่งอยากจะให้เพื่อตอบแทนในสิ่งที่ผ่านมา เพราะหากไม่ได้การช่วยเหลือจากจางซิ่วอิงคนนี้ เธอก็ยังไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่อย่างไร

“อย่างนั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะคะ ขอบคุณค่ะพี่สาวคนสวย”ใบหน้าเล็กผุดรอยยิ้มกว้างจนตาหยี ก่อนจะโค้งตัวขอบคุณแล้วเดินไปเลือกชุดที่ต้องการ

ครั้งนี้เธอเลือกดูผ้าฝ้ายอย่างดีที่เนื้อค่อนข้างนุ่มละเอียด โดยชุดผู้หญิงสีอ่อนสามชุด และสีเข้มสำหรับสามีอีกสามชุด ซึ่งพี่สาวเยว่ลดให้เธอพิเศษจริง ๆ จนเธอเองนึกเกรงใจอีกฝ่าย ก่อนออกจากร้านจึงกล่าวขอบคุณพี่สาวคนนี้อยู่หลายครั้งกว่าจะเดินออกมาได้

“สามีขา ภรรยากลับมาแล้วววว”เสียงใสตะโกนออกมาตั้งแต่ยังไม่เปิดรั้วบ้านด้วยซ้ำ เมื่อนึกถึงใบหน้าสามีที่หล่อเหลาระดับพระเอกแนวหน้าในยุคที่เธอจากมาก็รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมา

หญิงสาวเปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอนที่มีสามีกำลังนั่งรอเธออยู่ที่เดิม ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างเขาและวางกระเป๋าผ้าลงบนเตียง

“ภรรยา! คุณไม่เขินบ้างเหรอครับ?”ในที่สุดสิ่งที่เขาคิดมาตลอดก็ถูกถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ในขณะที่คนฟังอย่างเขานั้นเขินอายจนทำตัวไม่ถูก แต่คนพูดกลับยิ้มกริ่มราวกับพอใจที่เห็นเขาขัดเขินทุกครั้งไป

“ไม่ค่ะ! คุณเขินเหรอคะ?”ไม่พูดเปล่าหญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างยื่นหน้าเข้าไปใกล้สามีจนเหลือระยะห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น

“อะแฮ่มมม!!”หยางซีห่าวแสร้งกระแอมออกมาเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อนอาการผิดปกติของตนเอง ใบหน้าหล่อเหลาเบือนหนีไปอีกทาง โดยไม่รู้เลยว่าใบหูที่ขึ้นสีแดงก่ำกำลังสร้างความพึงพอใจให้ภรรยาขี้แกล้ง

คนเป็นภรรยาได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางขัดเขินของชายหนุ่มในยุคนี้ เธอไม่คิดว่าสิ่งที่เธอถามจะทำให้เขาเป็นได้ขนาดนี้ “สามีของฉันน่ารักจัง จุ๊บบบ!”

ด้วยความเอ็นดูสามีหุ่นล่ำใบหน้าเล็กจึงยื่นเข้าไปใกล้กว่าเดิม ก่อนจะลวนลามสามีด้วยการประทับจูบลงบนแก้มสาก ทว่าหยางซีห่าวไม่ปล่อยให้โอกาสเอาคืนภรรยาหลุดลอยไป เขาหันหน้ามาพอดีจึงทำให้ริมฝีปากหยักสัมผัสกับกลีบปากบางอย่างพอดิบพอดี

มือใหญ่จับประคองที่ศีรษะทุยของภรรยา ก่อนจะบดเบียดริมฝีปากแนบชิด ลิ้นร้อนค่อย ๆ ละเลียดลิ้มชิมรสกลีบปากล่างนิ่มหยุ่นอย่างเชื่องช้า จนในที่สุดภรรยาก็เปิดช่องโหว่ให้เขาสอดแทรกลิ้นร้อนลวกเข้าไปตักตวงความหอมหวาน

“อื้อออ!!”คนขี้แกล้งเมื่อถูกลุกล้ำเข้ามาในโพรงปากถึงกับนิ่งงัน ริมฝีปากอ้าเผยอปล่อยให้ลิ้นร้อนสอดเข้ามาสำรวจกวาดต้อนลิ้นเล็กได้อย่างง่ายดาย มือเรียวเล็กที่วางอยู่บนอกแกร่งเผลอกำเสื้อของเขาจนเนื้อผ้ายับย่น

“อืมมม ถ้าผมหายดี รับรองว่าผมจะไม่หยุดแค่นี้แน่นอน จุ๊บบ!”หยางซีห่าวพูดเสียงพร่า ก่อนจะจูบหนัก ๆ ย้ำลงบนกลีบปากอิ่มน้ำอยู่หลายครั้งจึงปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระ

ดวงตาคู่เรียวเผลอมองริมฝีปากของสามีอย่างเหม่อลอย กว่าจะได้สติก็เป็นตอนที่เขาเชยคางเธอขึ้นให้สบกับดวงตาคู่คมของเขา

พลันใบหน้าเล็กซบลงบนอกกว้างของสามีแล้วถูไถไปมาอย่างขัดเขิน

“คุณ! งื้ออออ! ฉันเขินจะตายอยู่แล้ว”หัวใจเธอเต้นรัวจนแทบเด้งออกมานอกอก เขากำลังจะทำให้เธอหัวใจวายตาย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! คุณพูดตรงเกินไปนะภรรยา”เสียงทุ้มหัวเราะขึ้นอย่างอารมณ์ดี พลางลูบผมนิ่มของภรรยาที่เอาแต่ถูไถไปมาบนอกของเขาเนิ่นนานไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากันอีกครั้ง

ผ่านไปนานนับสิบนาทีกว่าจางซิ่วอิงจะกล้าเงยหน้าขึ้นมา หลังจากนั้นจึงพาสามีไปเข้าห้องน้ำในมิติก่อนจะกลับออกมาทำอาหารมื้อเที่ยง

จางซิ่วอิงจัดเรียงอาหารมื้อเที่ยงที่เต็มไปด้วยจานเนื้อขึ้นโต๊ะอย่างใส่ใจ โดยไม่ลืมคีบเนื้อชิ้นแรกวางให้สามีแล้วลงมือทานส่วนของตนเองไป ระหว่างทานมีเสียงพูดคุยระหว่างทั้งคู่อยู่บ้าง แต่คนที่ติดใจรสมือของภรรยานั้นกลับเอาแต่โกยอาหารเข้าปากอย่างรวดเร็ว

หลังจากมื้อเที่ยงจบลง หยางซีห่าวกินยาหลังอาหารอย่างเช่นทุกวัน โดยถ้วยชามบนโต๊ะถูกภรรยาเก็บกวาด ชายหนุ่มมองคนเป็นภรรยาที่ทำทุกอย่างให้เขาอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ปริปากบ่นหรือตำหนิที่เขาเป็นแบบนี้สักคำ

“คุณเหนื่อยไหมครับ?”เสียงทุ้มถามภรรยาด้วยน้ำเสียงเจือความเป็นห่วง ตัวก็เล็กแค่นี้แต่เธอกลับทำทุกอย่างตั้งแต่เช้าตรู่ จนอาทิตย์ตกดินจึงได้พัก เห็นอย่างนั้นเขายิ่งรู้สึกปวดใจ

“ก็เหนื่อยนะคะ แต่พอเห็นเงินฉันก็หายเหนื่อยแล้วล่ะค่ะ อ้อ! จริงสิ ฉันลืมนับเงินไปเลย”หญิงสาวตอบคำถามสามีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเงินตั้งแต่เมื่อวานรวมถึงวันนี้เธอยังไม่ได้นับมันเลย คิดได้ดังนั้นจึงแบมือในอากาศแล้วเรียกเงินทั้งหมดในมิติออกมานับ

หยางซีห่าวมองเงินบนโต๊ะอย่างตื่นตะลึง เขาไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้มาก่อน ธนบัตรปึกหนาวางเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบเช่นนี้เขารู้สึกราวกับกำลังฝันอยู่ “ทั้งหมดนี่ได้มาจากการทำการค้าเหรอครับ?”

“ก็ไม่ทั้งหมดหรอกค่ะ อย่างในกล่องนี่ก็เป็นเงินที่คุณส่งมาทุกเดือน ฉันเก็บรวม ๆ กันหลายเดือนก็ได้ 450 หยวนพอดี ส่วนซองนี้คือเงินชดเชยที่คุณให้ฉันมา และที่เหลือตรงนี้คือเงินที่ฉันออกไปขายของทุกวัน”จางซิ่วอิงเริ่มแจกแจงเงินเก็บแต่ละส่วนให้สามีเข้าใจ จากนั้นจึงเริ่มนับเงินที่ได้มาเมื่อวานและวันนี้ ก่อนจะเรียกเอาสมุดบัญชีขึ้นมาจดรายรับรายจ่าย

หลังจากบวกลบรายรับรายจ่ายเรียบร้อยแล้ว ยอดเงินคงเหลือรวมแล้วราว ๆ สองหมื่นกว่าหยวน ทำเอาหญิงสาวดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจ

“เรามีเงินพอซื้อบ้านได้แล้วนะคะ เดี๋ยวเราไปดูบ้านกัน”เสียงใสพูดกับสามีด้วยความตื่นเต้น จริง ๆ เธอสามารถซื้อบ้านได้ตั้งนานแล้ว แต่ด้วยจำนวนเงินเท่านี้นอกจากจะซื้อบ้านได้แล้ว มันยังเป็นทุนสำรองให้เธอซื้อตึกดี ๆ สักคูหาเพื่อทำการค้าอย่างถูกต้องได้อีกด้วย

“ขอบคุณนะครับ ที่ทำเพื่อครอบครัวของเราขนาดนี้”คนเป็นสามีมองร่างบางตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง พลันกอบกุมมือเรียวเอาไว้แน่น ส่งผ่านความอบอุ่นให้ภรรยา

“ฉันเต็มใจค่ะ”จางซิ่วอิงยิ้มรับคำขอบคุณจากสามี ก่อนจะวางมืออีกข้างลงบนหลังมือของเขาอีกทีหนึ่ง

ชาติก่อนมีแต่คุณที่ทำทุกอย่างเพื่อฉันมาตลอด ชาตินี้ฉันจะทำเพื่อคุณเอง และฉันจะไม่หนีคุณไปไหนอีกแล้วค่ะ…พี่ซีห่าว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel