ตอนที่ 19 ผมชอบคุณตอนนี้ที่สุด
สบู่เหลวที่ภรรยาเตรียมไว้ให้เมื่อฟอกลงบนผิวกายจนเกิดฟองสีขาว กลิ่นหอมนี้เขาจำได้ว่าเป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นกายของภรรยา พลันมุมปากปรากฎรอยยิ้มจาง ๆ จากนั้นจึงอาบน้ำชำระร่างกายส่วนต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ภรรยารอนานเกินไป ยังดีที่ภรรยาพันแผลด้วยแผ่นใสบาง ๆ ให้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าน้ำจะเข้าแผลจนทำให้อับชื้น
“เสร็จแล้วครับ”เสียงทุ้มบอกภรรยาที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำทันทีที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
จางซิ่วอิงเปิดประตูเข้ามาพอดีกับที่สามีกำลังมองมาที่ประตูพอดี สองสายตาสบประสานกันอย่างพอดิบพอดี ราวกับบรรยากาศโดยรอบหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก้อนเนื้อในอกพลันเต้นระรัวเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคู่นั้นของเขา แม้จะชอบหยอกล้อให้เขาต้องเขินอายอยู่บ่อย ๆ แต่พอมาสบตากันตรง ๆ เช่นนี้กลับเป็นเธอเองที่รู้สึกขัดเขินจนใบหน้าร้อนผ่าว
ด้านสามีเองก็มีท่าทีขัดเขินไม่ต่างกัน ใบหน้าเล็กที่ยื่นเข้ามาก่อนตัวนั้น ไม่ได้ซูบตอบอย่างเช่นที่ผ่านมา ผิวพรรณที่นวลเนียนขึ้นกว่าแต่ก่อน และผมยาวสลวยที่พลิ้วไหวระไปกับข้างแก้มที่ขึ้นสีแดงเลือดฝาด เขารู้สึกว่าภรรยาเขาสวยขึ้นกว่าแต่ก่อนมากเสียจนหัวใจแกร่งนั้นสั่นไหวนับครั้งไม่ถ้วนที่ใกล้ชิดกัน
หญิงสาวที่ได้สติก่อนจึงเดินตรงเข้าไปช่วยพยุงร่างหนาให้นั่งบนรถเข็นได้สะดวก เธอสังเกตเห็นผมของเขาที่ยังมีหยดน้ำเกาะอยู่จึงหยิบผ้าผืนเล็กมาเช็ดให้จนแห้ง หยางซีห่าวเองก็นั่งนิ่งตัวแข็งทื่อให้ภรรยาเช็ดผมให้โดยไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา จนกระทั่งผมแห้งสนิทดีแล้ว
“ฉันว่าจะอาบน้ำที่นี่เลย คุณจะรอที่เตียงก่อนไหมคะ?”ไหน ๆ ห้องนี้ก็มีอุปกรณ์อาบน้ำพร้อมแล้ว แถมยังสะดวกกว่าห้องน้ำด้านนอกอีก คิดว่าต่อไปอาบน้ำที่นี่ก็ไม่เลว
“คุณอาบเถอะครับ ผมรอกลับพร้อมคุณได้”
“ค่ะ เดี๋ยวฉันจะรีบอาบ”ได้ยินดังนั้นจางซิ่วอิงจึงเข็นสามีให้ออกมานั่งรอไม่ไกลจากห้องน้ำมากนัก จากนั้นจึงเข้าไปอาบน้ำชำระสิ่งสกปรกบ้าง แม้ในห้องนี้ไม่มีน้ำอุ่น แต่อากาศที่นี่ก็ถือว่าคงที่ ไม่หนาวหรือร้อนเกินไป ทำให้ร่างบางอาบน้ำอย่างมีความสุข ทั้งห้องน้ำที่ปิดมิดชิดเช่นนี้ เรียกได้ว่าหมดกังวลเลยก็ว่าได้
สองสามีภรรยาออกจากมิติในเวลาต่อมา หยางซีห่าวถูกพาขึ้นมานอนบนเตียงเรียบร้อยแล้ว โดยมีภรรยาค่อย ๆ แกะแผ่นฟิล์มที่พันขาให้อย่างเบามือ จากนั้นตะเกียงดวงสุดท้ายก็ถูกดับ จางซิ่วอิงปีนขึ้นมานอนบนเตียงเคียงข้างสามีอย่างเช่นที่เคยทำ
บ้านหลังนี้ไม่มีเตียงเตา มีเพียงเตียงเก่าสภาพผุพังหลังนี้เท่านั้น ซึ่งอากาศยามค่ำคืนก็เริ่มหนาวขึ้นเรื่อย ๆ ร่างบางจึงขยับเข้าสู่อ้อมกอดของสามี โดยหยางซีห่าวเองก็โอบกอดภรรยาเอาไว้ในอ้อมแขนเช่นกัน
“ฝันดีนะคะ สามี”ไม่พูดเปล่า ทว่าศีรษะเล็กกลับถูไถไปบนแผงอกกำยำอย่างออดอ้อน พร้อมหัวเราะคิกคักราวกับถูกอกถูกใจมากทีเดียว
หยางซีห่าวมองการกระทำของภรรยาในอ้อมแขนผ่านความมืดอย่างจนใจ แต่ก็ตอบกลับไปอย่างไม่อิดออด และไม่ลืมเป็นฝ่ายแสดงความรักกับภรรยาบ้าง “ฝันดีเช่นกันครับ จุ๊บบบ!!”
คนโดนสามีจูบกลางหน้าผากถึงกับใบหน้าเห่อร้อน ตอนที่เธอแกล้งเขาชายหนุ่มคงรู้สึกแบบนี้เองสินะ เธอรู้สึกเขินอายจนอยากจะกรีดร้องออกมา แต่ติดที่ตอนนี้กำลังถูกคนเป็นสามีโอบกอดอยู่ จึงได้แต่ข่มกลั้นความเขินอายจนปวดแก้ม หลังจากนั้นความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันก็ช่วงชิงสติของเธอให้หลับไหลในอ้อมกอดอบอุ่นในเวลาเพียงไม่นาน
หยางซีห่าวที่ได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของภรรยาก็เข้าใจว่าเธอคงหลับไปแล้ว “ผมชอบคุณตอนนี้ที่สุด…ซิ่วอิง”
เสียงทุ้มแผ่วเบาดังขึ้นท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน ริมฝีปากหยักประทับลงบนหน้าผากมนอีกครั้ง ฝ่ามือใหญ่ลูบแผ่นหลังบางของภรรยาอยู่เพียงไม่นานก่อนจะหลับตามเธอไปในที่สุด
เช้าวันต่อมาหญิงสาวตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของสามีเช่นเดิม ร่างบางค่อย ๆ ขยับลงจากเตียง เธอเลือกเข้าไปทำอาหารในครัวก่อน วันนี้หญิงสาวเลือกทำข้าวต้มปลาหอมกรุ่น โดยไม่ลืมต้มไข่ไก่สามฟองเช่นเดิม
ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำในมิติ อาบน้ำเสร็จออกมาจากมิติสามีก็ตื่นพอดี ร่างบางจึงยกน้ำเข้าไปในห้องให้สามีล้างหน้าล้างตา จากนั้นจึงออกมาทานมื้อเช้าด้วยกัน
“วันนี้ฉันออกไปขายของอีกนะคะ จะรีบกลับมาก่อนเที่ยง”เธอบอกกับเขาขณะที่มือเรียวนั้นกำลังเรียกองุ่นพวงใหญ่สีเขียวสดใสออกมาจากมิติและวางลงบนจานใบใหญ่ ขนมปังสอดไส้ต่าง ๆ อีกสามสี่อย่าง น้ำผลไม้และนมแบบกล่อง ก่อนจะนำไปไว้ในห้องนอนเพื่อให้สามีทานรองท้องเผื่อติดขัดอะไรแล้วกลับช้าเขาจะได้ไม่ต้องทนหิวรอเธอ
“ครับ คุณระวังตัวด้วย”หยางซีห่าวยังคงตื่นตะลึงกับการเรียกสิ่งต่าง ๆ ออกมาจากอากาศของภรรยาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ตกใจอย่างเช่นตอนแรกแล้ว
นัยน์ตาคมกริบมองร่างเล็กที่สะพายกระเป๋าผ้าใบเก่งเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย หากเขาเดินได้ปกติคนแรกที่เขาจะดูแลเป็นอย่างดีคือ ภรรยาอย่างจางซิ่วอิง หยางซีห่าวให้คำมั่นกับตนเองในใจเงียบ ๆ
ตั้งแต่เขากลับมาคนตัวเล็กนั้นวิ่งวุ่นไม่หยุด เธอทั้งออกไปทำการค้า ดูแลสามีเช่นเขา ไหนจะจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างน่าทึ่งโดยที่ปากเล็ก ๆ นั่นไม่ได้ปริปากบ่นออกมาว่าเหน็ดเหนื่อยเลยสักครั้ง เขาอยากให้เธอได้พักบ้าง แต่ตนเองก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้เลย ในตอนนี้จึงพยายามปฏิบัติตัวตามคำสั่งของภรรยาอย่างเคร่งครัดเพื่อให้บาดแผลหายไว้ที่สุด ภรรยาจะได้พักผ่อนอยู่บ้านสักที คิดอะไรเพลิน ๆ ได้ไม่นานพลันฤทธิ์ยาที่ทานไปจะเริ่มออกฤทธิ์ เขาจึงเอนกายนอนพักผ่อนอย่างเช่นทุกวัน
ทางด้านหญิงสาวนั้นเดินออกมาขึ้นเกวียนของหมู่บ้านโดยไม่ได้รับรู้ถึงความคิดสามีแต่อย่างใด วันนี้ดีหน่อยที่บนเกวียนไม่ได้มีมนุษย์ป้าอย่างเช่นที่แล้วมา การเดินทางในเช้านี้หญิงสาวจึงรู้สึกปลอดโปร่งกว่าทุกวัน
วันนี้จางซิ่วอิงเลือกนำเนื้อออกมาขายเช่นเดิม และเน้นหนักไปที่ผักผลไม้สด ๆ เกรดพรีเมี่ยมที่เชื่อว่าหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในตอนนี้ เธอทำสัญญาเนื้อแปรรูปกับร้านค้าตระกูลเฉิงไปแล้ว วันนี้จึงไม่ได้เอาของเหล่านั้นมาขายอีก
ผลไม้สดที่อยู่ในลังยังไม่ทันได้นำออกมาวางเรียงลูกค้าคนแรกก็มาถามซื้อเสียแล้ว หลังจากนั้นไม่นานทั้งลูกค้ารายใหม่และรายเก่าเจ้าประจำก็เข้ามารุมล้อมแผงขายสินค้าของเธออย่างเนืองแน่น เวลาผ่านไปราวชั่วโมงครึ่งตรงหน้าของเธอก็เหลือเพียงผ้าปูเปล่า ๆ สร้างรอยยิ้มกว้างให้กับแม่ค้าตัวน้อย
มือเรียวพับผ้าปูรองอย่างมีความสุข ก่อนจะยัดเข้าไปในกระเป๋าผ้าใบเก่ง จากนั้นจึงเดินออกจากตลาดมืด เธอตั้งใจจะซื้อเสื้อผ้าเพิ่มอีกสักสามสี่ชุดสำหรับตัวเองและสามี เพราะที่มีอยู่มีเพียงแค่คนละสองชุดเท่านั้น
“พี่สาวเยว่ สวัสดีค่ะ”คนอายุน้อยกว่าก้มศีรษะทักทายหญิงสาวรุ่นพี่อย่างนอบน้อม พลางส่งยิ้มให้อย่างเช่นที่ผ่านมา ดวงตาคู่เรียวพยายามมองหาสินค้าที่ตัวเองนำมาฝากขายไว้ครั้งก่อนแต่ก็ไม่พบ
เยว่ผิงอันเห็นท่าทีของคู่ค้าเช่นนั้นก็เข้าใจได้ทันที จึงกล่าวออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ถ้ามองหาของเหล่านั้น พี่ก็คงจะบอกเธอว่ามันหมดไปตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้วล่ะน้องสาว”
จางซิ่วอิงที่ได้ยินดังนั้นก็ตาโตด้วยความตื่นเต้น เธอตั้งราคาไว้ค่อนข้างสูงทีเดียว ไม่คิดว่าคนที่นี่จะมีกำลังซื้อมากขนาดนี้ ทั้งยังเป็นที่นิยมในเวลารวดเร็วอีกต่างหาก “ว๊าวววว! ขายดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
หญิงสาวรุ่นพี่ยิ้มตอบ “พี่ก็ทำตามที่ซิ่วอิงแนะนำน่ะสิ ถึงได้ขายหมด แล้วนี่มีของมาให้พี่ขายอีกหรือเปล่าล่ะ ?”
เป็นเพราะวิธีทำการตลาดของจางซิ่วอิงที่สอนเธอมา สินค้าจึงถูกขายออกไปจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว ตั้งแต่ตอนที่ได้สินค้ามาหญิงสาวก็แกะขึ้นมาใช้และเดินออกนอกร้านไปนั่นนี่ หลายครั้งที่มีหญิงสาวที่ชื่นชอบได้เห็นและสอบถาม เยว่ผิงอันจะตอบกลับอย่างเป็นมิตรว่านี่คือสินค้าใหม่จากร้านของเธอเอง
หลังจากนั้นก็มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาเพื่อซื้อกิ๊บและผ้าผูกผมลวดลายทันสมัยจากร้านเธอไม่ขาดสาย จนกลายเป็นว่าหากหญิงสาวคนไหนที่ต้องการของเหล่านี้ที่มีลวดลายสวยงามทันสมัยก็มาซื้อได้ที่ร้านผ้าของเธอ นั่นยิ่งทำให้สินค้าอื่นในร้านถูกซื้อไปด้วย ยอดขายในร้านจึงพุ่งสูงขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ทำเอาเถ้าแก่เนี๊ยรุ่นเยาว์อย่างเยว่ผิงอันขายของไปยิ้มไปอย่างมีความสุขตลอดเวลา
“มีค่ะ เดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้นะคะ”จางซิ่วอิงพยักหน้าตอบรับในทันที เมื่อนึกถึงเม็ดเงินที่กำลังจะไหลเข้ามาในกระเป๋าทำให้หญิงสาวกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
“จ๊ะ ขอเยอะกว่าเดิมหน่อยนะ”เพราะหลังจากสินค้าชุดเก่าหมด ลูกค้าที่ไม่ทันได้ซื้อก็เข้ามาถามไถ่เป็นจำนวนมาก พอได้รับคำตอบไปว่าหมดก็เดินคอตกออกจากร้านไปตาม ๆ กัน
“ได้เลยค่ะพี่สาว”ร่างบางรีบวิ่งออกจากร้านผ้าเพื่อไปหาที่จัดเตรียมสินค้าจนขาแทบจะพันกันอยู่รอมร่อ พลันคิดถึงบ้านหลังใหญ่ที่อยากได้ยิ่งมีกำลังใจวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ชีวิตที่มีเป้าหมายมันทำให้เรารู้สึกมีไฟเช่นนี้สินะ…
