บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 23 ฉันเลี้ยงคุณได้

จางซิ่วอิงและสามีมาถึงสำนักงานที่ดินก่อนเวลาปิดทำการครึ่งชั่วโมงพอดี หญิงสาวเข็นรถพาสามีเข้าไปด้านในสำนัหงานด้วยกัน ซึ่งเธอเดินเข้าไปติดต่อซื้อบ้านกับพนักงานคนเดิมที่แนะนำให้เธอในวันนั้น เพราะเธอมั่นใจว่ายุคนี้น่าจะมีการให้เปอร์เซ็นต์การขายกับพนักงานไม่ต่างจากยุคที่เธอจากมาแน่นอน

ในเมื่อพนักงานคนนี้ไม่ได้รังเกียจสภาพมอมแมมราวกับขอทานของเธอในวันนั้น แถมยังบริการอย่างเต็มใจ มีหรือคนอย่างจางซิ่วอิงจะไม่ตอบแทน

และเมื่อหญิงสาวยืนยันว่าต้องการซื้อบ้านราคาสองพันหยวน พนักงานสาวก็มีท่าทีดีใจเป็นอย่างมาก หลังตกลงทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมกับเอกสารซื้อขายและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว พนักงานแจ้งว่าอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์จะได้เอกสารแสดงสิทธิ์ ซึ่งยังแจ้งอีกว่าเจ้าของคนใหม่สามารถย้ายเข้าอยู่ก่อนได้เลย

แต่จางซิ่วอิงทำเพียงแค่ตอบรับและบอกว่าในวันที่เอกสารมาถึงเธอจะมารับอีกครั้งด้วยตนเอง แล้วค่อยย้ายเข้าอยู่จะสบายใจมากกว่า ซึ่งพนักงานสาวก็ยิ้มรับอย่างเข้าใจ

ซึ่งเธอเข้าใจดีว่าในยุคนี้เอกสารสิทธิ์ต่าง ๆ ล้วนต้องใช้เวลาพอสมควร อีกทั้งระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ตกลงกันก็ถือว่าเร็วมากแล้วสำหรับยุคที่บ้านเมืองที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูเช่นนี้

ระหว่างทางกลับบ้านหยางซีห่าวขอให้ภรรยาเล่าเรื่องการค้าของเธอให้เขาฟังบ้าง ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ขัดข้อง เสียงใสเจื้อยแจ้วเกี่ยวกับการติดต่อค้าขายตลอดหลายวันที่ผ่านมาอย่างลื่นไหล โดยเลี่ยงเรื่องมิติเอาไว้ให้รู้กันเพียงแค่สองคนเท่านั้น ซึ่งหยางซีห่าวก็ตั้งใจฟังสิ่งที่ภรรยากำลังเล่าอย่างดีตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจก็นึกทึ่งในความคิดก้าวหน้าของภรรยาที่เขาเองยังคิดไม่ถึงด้วยซ้ำ และก็อดขำกับความเจ้าคิดเจ้าแค้นที่เธอมีต่อผู้จัดการร้านผ้าคนนั้นไม่ได้

“ตอนนั้นฉันโมโหมากจริง ๆ นะคะ คุณยังจะขำอยู่อีก”ใบหน้าเรียวเล็กงอง้ำแสร้งไม่พอใจกับท่าทางขบขันของสามี ทว่าตลอดเวลาที่เล่าเรื่องเหล่านั้นออกไปเธอล้วนภูมิใจกับเม็ดเงินที่แลกมาด้วยหนึ่งสมองและสองมือไม่น้อย ดังนั้นรอยยิ้มเล็ก ๆ จึงปรากฎตามมาในตอนท้าย

“อย่าไปมีเรื่องกับใครอีกนะครับ ตัวคุณก็แค่นี้เอง ผมเป็นห่วง”ไม่เพียงแค่พูดด้วยน้ำเสียงที่เจือความห่วงใยอย่างเต็มเปี่ยม ภรรยาเขาตัวเล็กทั้งยังบอบบางขนาดนี้ แม้จะเคยเห็นตอนที่เธอจับหัวของป้าสะไภ้โขกเสามาแล้ว แต่หากอีกฝ่ายลงมือหนักกว่านั้นมีหวังผิวขาว ๆ คงมีรอยช้ำให้ได้เห็นบ้างล่ะ คิดมาถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็รู้สึกปวดใจไม่น้อย

ทว่ามือหนายื่นไปลูบผมนิ่มของภรรยาอยู่หลายครั้ง ก่อนจะสบกับเข้าแววตาเปล่งประกายสดใสที่เจือความซุกซนอยู่ไม่น้อย

“งั้นก็รีบรักษาตัวให้หายไว ๆ นะคะ เพราะหากฉันมีเรื่องกับใครอีกฉันจะวิ่งมาฟ้องคุณคนแรกเลย”ดวงตาคู่เรียวมองสามีอย่างออดอ้อน เปลือกตาสีไข่กระพริบขึ้นลงถี่รัว

การแสดงความรักเพียงเล็กน้อยเพื่อกลั่นแกล้งสามีนั้นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากจริง ๆ ยิ่งเห็นร่างหนาแสร้งกระแอมกระไอกลบเกลื่อนอาการขัดเขินเธอยิ่งรู้สึกอารมณ์ดีมากขึ้นเป็นกอง

“ผมจะเชื่อฟังภรรยาทุกคำเลยล่ะครับ”เพื่อให้แผลที่ขาดีวันดีคืน เขาจะทำตามคำแนะนำของภรรยาทุกคำเชียวล่ะ

ใบหน้าเรียวคลี่ยิ้มพึงพอใจกับท่าทางตั้งอกตั้งใจของสามีหุ่นล่ำ

“คุณเล่าเรื่องตอนที่ไปทำงานให้ฉันฟังบ้างสิคะ”

เมื่อเห็นอาการกระอักกระอ่วนของสามีหญิงสาวจึงโพล่งประโยคต่อมาในทันที “เล่าแค่ที่เล่าได้ก็พอค่ะฉันอยากฟัง นะคะ”

มือเรียวเกอะกุมท่อนแขนแกร่งพลางออกแรงเขย่าเบา ๆ น้ำเสียงออดอ้อนแกมขอร้องในที่สุดก็ทำให้สามียอมจำนวนจนได้

“ได้สิครับ!!”เสียงทุ้มตอบรับแทบจะทันที เขาพึ่งรู้ตัวก็วันนี้ว่าตนเองนั้นแพ้ท่าทางขี้อ้อนของภรรยาอย่างราบคาบ พลันคว้ามือเรียวที่เล็กกว่ามือของเขามากมากุมเอาไว้ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เขาตัดสินใจเข้าไปสมัครเป็นทหาร การทดสอบร่างกาย รวมถึงการฝึกฝนทุกแขนง ตลอดจนภารกิจต่าง ๆ ที่เสร็จสิ้นไปแล้ว โดยเว้นการพูดถึงภารกิจในปัจจุบันที่ยังไม่สำเร็จและภารกิจลับที่ไม่สามารถนำออกมาพูดภายนอกได้

จางซิ่วอิงตั้งใจฟังเรื่องเล่าของสามีด้วยท่าทีตื่นเต้น แววตาที่มองชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยการยกย่องชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง

“คุณมีแผลเพิ่มมาอีกกี่แผลกันคะรอบนี้?”

หยางซีห่าวรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงของภรรยาจึงตอบออกไปอ้อม ๆ เพื่อไม่ให้ร่างบางเป็นกังวล ทั้งที่จริงแล้วนอกจากแผลที่ขา ตรงกลางหลังก็พึ่งจะตกสะเก็ดเมื่อไม่กี่วันนี้เอง “ไม่มากครับ”

“แต่ก็เจ็บมากอยู่ดี”น้ำเสียงและแววตานั้นแสดงถึงความเป็นห่วงและสงสารเขาอยู่ลึก ๆ ในชาติก่อนพี่ซีห่าวเป็นนักธุรกิจที่ใช้สมองทำงานเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็หาเงินได้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แต่ชาตินี้เขาต้องสละร่างกาย หรือในอนาคตอาจจะต้องสละชีวิตก็ไม่อาจรู้ได้

เธอคิดว่าชาติก่อนเขาทำเพื่อเธอมากแล้ว แต่ก็เทียบกับชาตินี้ไม่ได้เลย

“ผมเต็มใจ และภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่นี้”หยางซีห่าวยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พลางลูบลงบนหลังมือเรียวเล็กให้เธอคลายกังวล

หญิงสาวเปลี่ยนสีหน้าให้ดูจริงจังขึ้น ก่อนจะบีบมือใหญ่ของสามีเอาไว้อย่างหมายมั่น “ฉันภูมิใจในตัวคุณนะคะ แต่ถ้าหากวันหนึ่งคุณไม่อยากเป็นทหารแล้ว จำคำของฉันไว้นะคะ…”

“อะไรหรือครับ?”ท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทำให้ชายหนุ่มงุนงงไม่น้อย ทว่าประโยคถัดมาของภรรยานั้นทำให้เขาถึงกับหลุดขำออกมาเสียงดัง

“คุณเป็นสามีคนเดียวของฉัน ฉะนั้นฉันเลี้ยงคุณได้ค่ะ”จางซิ่วอิ่งระบายยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวครบทุกซี่ ช่างเป็นรอยยิ้มไร้เดียงสาสำหรับคนมองเสียจริง

“คุณน่ารักเกินไปแล้วนะครับ!!”เขาหมั่นเขี้ยวภรรยาจนอยากคว้าร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอดแรง ๆ แต่ก็คงไม่เหมาะ เอาไว้ถึงบ้านก่อนค่อยทำตามใจก็แล้วกัน

“สามี ฉันไม่ได้พูดเล่นนะคะ”

“เชื่อแล้วครับ ภรรยาผมเก่งที่สุด”

ใบหน้างอง้ำพร้อมกับสองแขนเรียวที่ยกขึ้นมากอดอก ขณะที่แก้มที่เริ่มมีเนื้อขึ้นมาเล็กน้อยกำลังพองลมนั้นทำให้ภรรยาของเขาน่ารักมากทีเดียว

ทว่าการกระทำกลับไวกว่าความคิด เพราะรู้ตัวอีกทีสันจมูกโด่งก็ฝังลงบนแก้มป่อง ๆ นั้นเสียฟอดใหญ่

“คุณ!”จางซิ่วอิงตาโตจนแทบหลุดออกมาจากเบ้า เธอไม่คิดว่าชายหนุ่มยุคโบราณจะกล้าแสดงความรักนอกบ้านเช่นนี้

“คุณน่ารักเกินไป ผมอดใจไม่ไหว”หยางซีห่าวอธิบายหน้านิ่งราวกับไม่รู้สึกรู้สากับการกระทำเมื่อครู่ แต่จริง ๆ ตรงนี้เป็นทางเข้าหมู่บ้านซึ่งสองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยป่ารกร้างไร้ผู้คน ส่วนคุณลุงที่ขับเกวียนก็กำลังมองทางข้างหน้า ฉะนั้นเรื่องนี้จึงมีเพียงเขากับภรรยาเท่านั้นที่รู้เห็น

จางซิ่วอิงที่ได้ยินคำตอบของสามีก็อ้าปากค้าง นี่เขาหอมเธอหน้าตาเฉย ทั้งที่ตัวเธอเองหัวใจแทบจะวายอยู่รอมร่อ นี่มันไม่ยุติธรรมสักนิด

ชายหนุ่มนั่งมองใบหน้าของภรรยาที่กำลังแดงซ่านเพราะความขัดเขินก็รู้สึกอารมณ์ดี ริมฝีปากหยักยิ้มกริ่มไปตลอดทาง จนผ่านไปราวสิบนาทีเกวียนก็เคลื่อนมาหยุดอยู่บ้านหลังสุดท้ายของหมู่บ้านในเวลาเย็นย่ำ

“ขอบคุณนะคะคุณลุง”ก่อนเข้าบ้านหญิงสาวไม่ลืมกล่าวขอบคุณคุณลุงคนขับเกวียนอย่างคนมารยาทดี ซึ่งเรียกรอยยิ้มเบาบางบนใบหน้าเหี่ยวกร้านแดดได้เป็นอย่างดี

“ไม่เป็นไร ๆ ลุงไปล่ะ ขอบใจมาก”ชายวัยกลางคนโบกมือไปมา ก่อนจะขับเกวียนกลับบ้านไปด้วยรอยยิ้ม เพราะค่าจ้างที่ได้รับวันนี้นั้นมากพอ ๆ กับค่าจ้างประมาณสามวันเห็นจะได้ ผู้ว่าจ้างใจกว้างเช่นนี้มีหรือคนรับจ้างจะไม่พอใจ

“วันนี้คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ?”เธอทำอาหารตามใจตัวเองมาหลายมื้อแล้ว จึงอยากถามสามีดูบ้างเผื่อเขาอยากทานอะไรนอกเหนือจากที่เธอเคยทำ แม้จะรู้ว่าคนอย่างหยางซีห่าวนั้นทานง่ายที่สุดแล้ว

“ผมกินอะไรก็ได้ครับ คุณทำมาเถอะ”ชายหนุ่มตอบกลับไปอย่างไม่เรื่องมาก ชายชาติทหารเลือกกินได้หรือ ในเมื่อมีให้กินก็ดีมากแล้วแถมยังวันละสามมื้อนี่ไม่ใช่ว่าภรรยาเขาร่ำรวยเทียบเท่าครอบครัวหมื่นหยวนไปแล้วล่ะ

“งั้นกินฉันแล้วกันนะคะ”คนเป็นภรรยาไม่ลืมกล่าวหยอกเย้าสามี ก่อนจะเดินมายืนตรงหน้าของชายหนุ่มและยื่นหน้ามาใกล้เขาอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ

หยางซีห่าวนั้นมีหรือจะปล่อยให้โอกาสเสียเปล่า เขารั้งแขนเรียวเล็กให้เข้ามาใกล้ขึ้น ก่อนจะประคองท้ายทอยของภรรยา บดจูบริมฝีปากอิ่มน้ำ สอดลิ้นเข้าไปช่วงชิงลมหายใจ ตักตวงความหวานในโพรงปากเล็กอยู่เนิ่นนาน

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มหายใจไม่ทันจึงถอนจูบออกอย่างเชื่องช้า โดยไม่ลืมตอบกลับภรรยาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าจนคนฟังใจสั่น

“คุณพูดแล้วนะ…ภรรยา”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel