สวัสดี...ความรัก!! บทที่1.หนุ่มแปลกหน้าที่เข้ามาพร้อมกับความโชคดี 2/5
“ไอ้ผู้ชายใจหมาแบบนั้น... ไม่ต้องไปเสียดายหรอกฟิน!! ฉันเจอมันที่ไรเห็นแล้วสมเพชแทน...ยอมเป็นเบ้ให้ยัยคุณหนูนั่น เดินตามต้อยๆ เหมือนลูกหมา มันทิ้งแกไปน่ะดีแล้ว ดีกว่าตกลงปลงใจกันแล้วลายมาออกทีหลัง มันจะเจ็บหนักกว่านี้อีก”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ...นับว่ายังโชคดีไม่ได้เออออไปตอนนั้น ไม่อย่างนั้นฉันคงเจ็บหนักกว่านี้แน่ๆ”
“ว่าก็ว่านะฟิน...ฉันว่าแกไม่ได้รักปริญหร๊อก!! ฉันไม่เห็นแกร้องไห้สักเอะ...คนอกหักน่ะมันต้องฟูมฟายเป็นเหมือนคนบ้า แต่แกกลับเงียบเฉย” พราวฟ้าวิเคราะห์จากสิ่งที่เห็น เธอคาดว่าวันวาดไม่ได้รักไอ้ผู้ชายคนนั้นในฐานะคนรัก เพียงแต่ผูกพันเพราะคบกันมานาน เธอคิดว่าเพื่อนของเธอยังไม่รู้จักหรอก...ไอ้ความรู้สึกรักนี่น่ะ...
“มันก็วูบไปบ้าง เสียเซลฟ์นิดๆ แต่ไม่ได้เจ็บหนักอะไรมากนี่ ฉันบอกแกแล้วนี่นาว่าฉันคิดกับปริญแค่เพื่อน พวกแกยุกันดีนักฉันก็เลยตกลงไปงั้นเอง”
สมัยเรียนกลุ่มเพื่อนยุให้เธอรับปริญเป็นแฟน เพราะต้องการตัดรำคาญและไม่ต้องการให้ผู้ชายคนใหม่เข้ามาเกาะแกะ เพราะอยากตั้งใจเรียน ปริญจึงเป็นกันชนชั้นดี จนเธอหลงลืมไปเลยว่าความรู้สึกวูบวาบ เนื้อตัวเต้นเวลาเจอคนที่ถูกใจเป็นอย่างไรเพราะชินกับการที่มีปริญอยู่ข้างๆ
“ฉันล่ะอยากรู้จังเล๊ย!! ว่าคนที่ทำให้นางพญาหิมะอย่างแกหลงรักได้ จะเป็นคนแบบไหน เจ้าชายผู้แสนดี หรือว่ามหาโจรสุดหล่อ”
พราวฟ้าพูดประชด เธออยากให้วันวาดมีใครสักคนอยู่ข้างๆ เพื่อนจะได้ไม่อ้างว้างและโดดเดี่ยวแบบทุกวันนี้
“ไม่รู้สิ!! ถึงเวลามันก็มาเองมั้ง แม่ฉันบอกไว้นะแก ‘บทจะมามันก็มาเอง ไม่ต้องไปวิ่งไล่หรอก’ คำพูดมารดาลอยเข้ามาในหัว ในวันหนึ่งตอนที่เริ่มเป็นสาว เธอถามมารดาเรื่องนี้ และคำตอบที่มารดาอธิบายให้ฟังนั้นชี้ชัดจนเธอเข้าใจแจ่มแจ๋ว จึงได้แต่รอ...แต่ก็ยังไม่เคยพบผู้ชายคนไหนที่ทำให้เธอหัวใจเต้นสักคน...เธออาจจะเป็นปิศาจหิมะเหมือนที่พราวฟ้าบอกก็ได้...เพราะหัวใจตัวเองเย็นชากับเพศตรงข้าม ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน เธอไม่เคยหวั่นไหวเลยสักครั้ง
“แปปนะแก ฉันไปสั่งกาแฟกินก่อน เอาป่ะ เพื่อโชคดีได้เบอร์โทรฯ บาเรตต้าหล่อๆ มาสักคนสองคน”
พราวฟ้ากระเด้งตัวลุกขึ้นยืน เธอพูดเสียงขี้เล่น แต่วันวาดคิดว่าเจ้าหล่อนเอาจริง เมื่อดวงตาที่เคยขี้เล่นกลับจริงจังจนน่าตกใจ
“เอาจริงอะ!!”
“เอาป่ะเดี๋ยวหิ้วมาเผื่อ กาแฟนะยะหล่อน บาเรตต้าน่ะแกต้องไปสอยเอง”
“เอสเปรสโซ่เย็นเผื่อแก้วก็ได้...ฉันกำลังอยากเหมือนกัน” หญิงสาวฉีกยิ้ม มองตามหลังเพื่อนสาวที่เดินลิ่วๆ ไปอย่างเร็ว จนอดคิดไม่ได้ว่า วันไหนมีเวลาว่างๆ จะต้องออกไปส่องร้านกาแฟร้านนั้นดูบ้าง เธอเคยเห็นแต่ตอนที่มันปิดแล้ว เพราะกว่าจะเคลียร์ร้าน ทำความสะอาดพื้นเสร็จ ไฟฟ้าตามร้านรวงก็ปิดเกือบหมด มีร้านเธอร้านเดียวที่เลิกดึกสุด เพราะหญิงสาวสาละวนทำงานเพลินเกินไป
กรุ๊งกริ๊ง!!
เสียงกระพรวนดอกไม้เหนือประตูหน้าร้านสั่นดังกราวใหญ่!! พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของผู้ชายผิวขาว สวมแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใบหน้าเขาชวนมองเชียวแหละ เพราะมันกระจ่างใส แถมริมฝีปากสีสดยังมีรอยยิ้ม จนเธออดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไปด้วย
“รับอะไรดีคะ ขนมอบใหม่ๆ ทำออกมาร้อนๆ เลยค่ะ ไม่ทราบจะรับอะไรดีเอ่ย มีคิดไว้บ้างหรือเปล่าคะ ฟินจะได้แนะนำให้” งานขายต้องมาก่อนเมื่อมีลูกค้าเข้ามาเยือน เธอส่งยิ้มให้แล้วจึงชี้ชวนให้คุณลูกค้าดูสินค้าที่มีวางจำหน่าย
มกรานิ่งอึ้ง ทุกอย่างรอบตัวเหมือนภาพสโลโมชั่น แค่เพียงผู้หญิงตรงหน้ายิ้มสดใสให้ กว่าที่เขาจะควานหาคำพูดตัวเองเจอ เวลาก็เคลื่อนผ่านไปหลายนาที
“ไม่ทราบว่าคุณเป็นเจ้าของร้านเองหรือเปล่าครับ?”
เสียงทุ้มๆ นุ่มสั่นพร่าเอ่ยถาม เขามองหน้าเธอและคงรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ค่ะใช่ค่ะ... มีอะไรหรือเปล่าคะ”