บทที่ 6 ฝัน
“ลุงแถม จะไปไหนหรือจ๊ะ”
หญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีเดินยิ้มมาหาแถมกับคุง หล่อนนุ่งผ้าซิ่นสีกรมท่า เสื้อสีเดียวกัน ผมยาวม้วนเป็นมวยอยู่ตรงท้ายทอย ใบหน้ากลมมนเกลี้ยงสะอาด รอยยิ้มของหล่อนทำให้คุงจ้องนิ่ง ทำไมหล่อนยิ้มเหมือนจันทร์คนรักของเขา ใบหน้าละม้ายกันด้วย เขาเผลอจ้องมองหล่อนไม่ใช่เพราะความสวยเพียงอย่างเดียวแต่เป็นเพราะรอยยิ้มของหล่อน
“จะพาพ่อหนุ่มไปชมในถ้ำสักหน่อย เอ็งไปไหนมารึสีฟ้า”
“ไปเก็บผักบ้านป้ามาจ้ะ สวัสดีจ้ะพี่ มาจากไหนหรือจ๊ะ”
“เอ่อ...”
คุงตอบไม่ถูก ยังงุนงงกับรอยยิ้มของหญิงสาว หล่อนชื่อสีฟ้า แถมเรียกอย่างนั้น หล่อนยิ้มให้เขา ถามเขาโดยไม่เขินอาย ดวงตาเป็นมิตรฉายแสงเจิดจรัส แถมเป็นคนตอบแทนเขา
“พ่อหนุ่มมาจากอีกภพหนึ่ง เขาชื่อคุง ข้าแนะนำเลยก็แล้วกัน พ่อหนุ่ม นี่นังสีฟ้า เป็นหลานของข้าเอง อยู่บ้านท้ายโน่น นังสีฟ้า พ่อหนุ่มชื่อคุงนะ”
“จ้ะ ฉันยินดีได้รู้จักพี่นะจ๊ะ ฉันไปก่อนนะจ๊ะ”
สีฟ้ายกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างนอบน้อม รอยยิ้มของหล่อนซื่อบริสุทธิ์ ไร้จริตมารยาแฝงไว้เช่นหญิงสาวคอยส่งสายตาเชิญชวนให้เขาส่งยิ้มตอบกลับหล่อนหรือติดใจกับการเชิญชวนนั้น
“ไปเถอะ พ่อหนุ่ม เราก็ไปกันประเดี๋ยวจะหมดเวลา เอ็งต้องรีบกลับออกไปจากหมู่บ้านลัชชีก่อนตะวันตกดิน”
แถมหันกลับเดินตรงไปทางถ้ำทอง คุงก้าวตามไปเงียบๆ ความสงสัยหายไปจากสมองชั่วขณะหนึ่งเมื่อก้าวข้ามปากถ้ำผ่านเข้าไปด้านใน อากาศภายในถ้ำเย็นสบาย แถมบอกว่าเป็นถ้ำทอง ทำไมจึงเรียกถ้ำทอง เขากำลังจะเอ่ยปากถาม แถมก็พูดขึ้น
“ที่เรียกถ้ำทองเพราะด้านในมีก้อนทองทุกที หากเอ็งไม่เชื่อตามข้ามาแต่ห้ามแตะต้อง เอ็งดูได้เพียงตาเท่านั้นนะพ่อหนุ่ม”
“เอ่อ.จ้ะน้า”
แถมอ่านใจเขาออกหรือจึงตอบก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถาม ความข้องใจในตัวแถมเลือนหายไปฉับพลันเมื่อสายตาของคุงพุ่งไปปะทะกับก้อนทองก้อนใหญ่ สีทองทั้งถ้ำจริงๆ ก้อนทองก้อนใหญ่วางอยู่กลางท้องถ้ำที่เขายืนอยู่ แถมพามาถึงท้องถ้ำ
“ตรงนี้เป็นท้องถ้ำ จุดรวมของถ้ำอยู่ที่นี่ ทองก้อนใหญ่เป็นเอกและศักดิ์สิทธิ์มาก ใครก็ตามแพ้เพียงคิดจะขโมยหรือหยิบก้อนทองเล็กๆ ออกจากถ้ำ คนผู้นั้นก้าวพ้นปากถ้ำแค่ก้าวเดียวก็เป็นลมล้มชัก ขาดใจตายอยู่ปากถ้ำ ถ้าเอ็งไม่เชื่อก็ลองดูได้แต่อย่าเอาชีวิตของเอ็งมาทิ้งไว้ที่เมืองคนละภพนี้เลยนะ ชีวิตเอ็งมีความหมายกับพ่อแม่ ญาติพี่น้องของเอ็งทางโน้นมากกว่าจะมาตายเสียที่นี่”
คำพูดทุกคำของแถมเหมือนจะเตือนคุงให้ระลึกถึงสติอยู่เสมอ ไม่ให้ความโลภเข้ามาครอบงำ หากเกิดกิเลสแห่งความโลภเข้ามาคลุมทั่วหัวใจ คุงจะไม่ได้กลับบ้านมะแว้งของเขา ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายสาบสูญไปไหน ร่างของเขาก็จะไม่ปรากฏให้ใครเห็น
“จ้ะน้า ฉันขอแค่จับดูสักนิดได้หรือไม่จ๊ะ”
“ได้ หากเอ็งอยากจับ”
แถมอนุญาต ในขณะเดียวกันผู้สูงวัยอยากทดสอบใจของผู้มาเยือนผู้นี้ว่าจะมีความสัตย์ซื่อมากเพียงใด คุงยกมือพนมเอ่ยออกมา
“ข้าแต่เจ้าที่ในถ้ำทองแห่งนี้ ข้าขอจับต้องก้อนทองดูสักนิดเถิด ข้ามิมีเจตนาทำลายสิ่งอยู่ในถ้ำนี้ ขอโปรดเมตตาด้วยเถิดจ้ะ”
เขาจรดปลายนิ้วตรงหน้าผาก แถมขนลุก พลังบางอย่างจากก้อนทองกลางท้องถ้ำขยับเสี้ยวลมหายใจของแถม
“ได้โปรดเมตตาพ่อหนุ่มด้วยเถิด อย่ารั้งเขาไว้เลย”
แถมขออยู่ในใจ ความหมายของคำขอนั้นสื่อถึงตัวของคุง อะไรจะเกิดขึ้นกับเขา เมื่อเขาออกจากถ้ำทอง เขาจะกลับบ้านทันก่อนตะวันตกดินหรือไม่ แถมเริ่มกังวล คุงไม่ใช่คนเมืองนี้ วิถีชีวิตอาจเหมือนกันแต่...
ผู้ใหญ่สมศักดิ์พาชมกับชไมพรมาแจ้งความคนหาย ตำรวจถามรายละเอียดครู่ใหญ่จึงรับแจ้งความและออกติดตามตัวประทิว ชไมพรเดินตามชมลงบันไดสถานีตำรวจ หล่อนคิดถึงความฝันก่อนสว่าง หล่อนเล่าให้ผู้ใหญ่สมศักดิ์กับตำรวจฟังดีหรือเปล่า การเดินช้าลงของหล่อนทำให้สมศักดิ์หันมามอง
“มีอะไรหรือเปล่าไม บอกพี่ได้นะ”
“ฉัน...”
หล่อนมองหน้าแม่สลับกับหน้าสมศักดิ์ ชมรอฟังลูกสาวพูด ชไมพรอยากบอกอยากพูดอะไรกับแม่กับผู้ใหญ่ ให้หล่อนตัดสินใจเอง
“พูดมาเถอะไม”
“เมื่อคืนฉันฝันจ้ะพี่ แม่ เมื่อคืนฉันฝันว่าตัวเองไปอยู่ในป่ารกที่ไหนไม่รู้ มีโรงนาด้วย เห็นคนนอนบนแคร่ไม้ไผ่ในโรงนา ฉันจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ยังไม่ทันเดินถึงมีคนไล่ฉันกลับ แล้วก็ เสียงเรียกฉัน เจ๊ เสียงเหมือนทิวเลยจ้ะแม่”
“ฝันตอนไหนไม”
ชมจับมือลูกสาวบีบ ความฝันของลูกอาจสื่ออะไรบางอย่างให้ตามหาตัวประทิวได้ง่ายขึ้น คนที่เรียกเจ๊ต้องเป็นประทิว ชมเขย่ามือลูกสาวแรง
“ฝันตอนไหน”
“ค่อนสว่างจ้ะแม่”