3 ธงรบหลงทาง
ชายหนุ่มหงุดหงิด ทำอะไรไม่ถูก หลังจากรู้ว่าไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้ เมื่อมองไปรอบๆ สองข้างทางของหมู่บ้าน ไม่เห็นแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีแต่ความมืดทะมึน เหมือนอยู่ในเมืองร้าง
เขาลดกระจกลงไป สัมผัสถึงความหนาวที่กรูเข้ามา เย็นสะท้านเหมือนอยู่ในตู้เย็น ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะหนาวเย็นผิดปกติ
“มีใครอยู่บ้างครับ”
ธงรบตัดสินใจตะโกนถามออกไป หวังว่าจะมีคนได้ยินและออกมาพูดคุย แต่ทุกอย่างเหมือนเดิม คือ มีแต่ความเงียบและความมืด เขาเปิดประตูรถลงไปก็ยืนห่อตัว ความเย็นทำให้ฟันกระทบกันดังกึกๆ
“ช่วยด้วยครับ ผมหลงทาง”
เขาต้องพูดแบบนี้ เผื่อว่าจะมีคนสงสาร เขาไม่กล้าก้าวเดินเพราะไม่แน่ใจในความปลอดภัย กระทั่งได้ยินเสียงดังกรอบแกรบเหมือนคนเหยียบใบไม้แห้ง เมื่อหันกลับไปมองถึงกับสะดุ้งโหยง ใจแทบตกลงไปที่ตาตุ่ม ใครบางคนในชุดคลุมสีดำ ยืนอยู่ด้านหลัง ร่างนั้นไม่ไหวติง เหมือนกับรูปปั้น แต่เห็นดวงตาวาวๆ คล้ายเรืองแสง
“เอ่อ ผมหลงทางครับ”
“คุณจะไปที่ไหนล่ะ”
“บ้านเวียงสนธยา”
“นี่คือหมู่บ้านเวียงสนธยา คุณมาถูกแล้ว หึ หึ หึ”
เสียงหัวเราะนั้นบาดลึกเข้าไปในความรู้สึก ชายหนุ่มเสียววาบไปทั่วทั้งตัว ทำไมช่างน่ากลัวขนาดนี้ ทั้งหมู่บ้านและผู้คน คิดถูกหรือผิดที่มาอยู่ที่นี่ แต่เวลานี้ไม่มีทางเลือก ทั้งหนาวและหิว เขาจะต้องเข้าไปพักในบ้านให้ได้
“ถ้าอย่างนั้นพอจะรู้ไหมครับ ว่าบ้านหลังไหนที่คุณธานีซื้อต่อจากมิชชันนารี”
“บ้านฝรั่งน่ะหรือ”
“ครับ บ้านฝรั่ง”
ธงรบใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง เมื่อคนๆ นี้รู้จักว่าบ้านของบิดาที่ซื้อต่อจากมิชชันนารีคือบ้านฝรั่ง ชายหนุ่มคิดว่าคนที่นี่คงเรียกบ้านหลังนั้นแบบนี้
“อยู่ท้ายหมู่บ้าน ติดกับชายป่า”
“ผมไปไม่ถูกหรอกครับ กรุณา ช่วยพาไปได้ไหม”
“คุณขับรถไปเถอะ ผมจะเดินนำทางให้”
“เดินก็ช้าสิครับ ขึ้นรถมาด้วยกันดีกว่า”
“อย่าเลย เราชอบเดินมากกว่า ตามให้ทันก็แล้วกัน หึ หึ”
ชายในชุดคลุมสีดำกล่าวจบ ตามด้วยเสียงหัวเราะน่ากลัว เขาเดินนำไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ธงรบขึ้นรถแล้วขับตาม จริงอย่างที่ชายคนนั้นพูด ทำไมถึงเดินเร็วอย่างนั้นก็ไม่รู้ เขาตามเกือบไม่ทัน อาจจะเป็นเพราะว่าพื้นถนนไม่ค่อยดี ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง
จู่ๆ ชายในชุดดำหยุดเดินแล้วหันมามอง ธงรบจอดรถทันที
“มีอะไรหรือครับ”
“นั่นไง บ้านฝรั่ง”
“ขอบคุณครับ ไม่รู้ว่าคนเฝ้าจะอยู่หรือเปล่า”
“อยู่ นั่นไง เดินมาแล้ว ผมขอตัว”
“ดะ เดี๋ยวก่อนครับ ว้า ไปเร็วจังเลย”
ธงรบแปลกใจที่ชายในชุดดำหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับล่องหนหายตัวได้ แต่คิดว่าชายคนนั้นคงแอบหลังต้นไม้เพื่อดูเขาก็ได้ ทำให้ต้องระวังตัวมากกว่าเดิม ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาผู้หญิงรูปร่างผอมบาง แม้ว่ามีชุดคลุมสีดำห่อหุ้มร่างกาย
แต่รู้ว่าเธอผอมมาก เหมือนโครงกระดูกเดินได้
“สวัสดีครับ ผมชื่อธงรบ”
“รู้แล้ว ลูกชายคุณท่าน”
เสียงที่ตอบโต้มานั้นฟังแทบไม่รู้เรื่อง ครืดคราดเหมือนคนให้ออกซิเจน ไม่รู้ว่าจะสื่อสารกันได้แค่ไหน เท่าที่ทราบคนๆ นี้คือชาวกะเหรี่ยง
“ผมจะมาอยู่ที่นี่”
“ขึ้นไปพักได้ ฉันทำความสะอาดแล้ว”
“ขอบคุณครับ แต่ผมยังไม่ได้กินอาหารเลย”
“ฉันเตรียมเอาไว้แล้วเป็นอาหารพื้นเมือง”
หญิงคนนั้นพูดจบเดินนำหน้าไปที่ตัวบ้าน โดยไม่ช่วยถือของลงจากรถ ธงรบเริ่มไม่พอใจที่เจอคนไม่มีมารยาท
เขาจะทำอย่างไรที่จะบอกให้เธอช่วย แต่เวลานี้หิวจนไส้แทบขาด คงต้องรับประทานอาหารก่อน เมื่อเข้ามายืนใต้ชายคาบ้าน แปลกใจต่อแสงไฟมัวๆ มองรอบๆ ตัวไม่ชัด
“เธอชื่ออะไร”
“มะแม”
“มะแม ทำไมไฟไม่สว่างเลยล่ะ”
“มันเก่ามากแล้วและที่นี่ก็ไม่มีคนอยู่”
“พรุ่งนี้ผมจะซื้อมาเปลี่ยน มะแมช่วยยกของลงจากรถให้ด้วย ผมมีค่าจ้าง นี่ครับ”
ส่งเงินให้ห้าร้อยบาท มะแมผู้มีใบหน้าตอบจนข้างแก้มทั้งสองข้างเป็นแอ่งเว้าลงไป เธอเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมาก ถ้าไม่ใช่คนดูแลบ้านเขาคงไม่กล้ามอง
“เก็บเงินไว้เถอะ ที่นี่ไม่มีความหมาย”
‘อะไรวะ ให้เงินดันไม่เอา ช่างเถอะ กินก่อนดีกว่า’
ชายหนุ่มเห็นจานอาหารวางอยู่บนโต๊ะ ไม่รอช้าที่จะตักกินด้วยความหิวโหย อาหารรสชาติแปลกๆ บางอย่างผสมด้วยเลือดสัตว์ มีกลิ่นคาวนิดๆ แต่เขาฝืนกินแม้ว่ากระอักกระอ่วนจนเกือบอาเจียน สุดท้ายรับประทานข้าวเปล่ากับน้ำปลา เมื่อมองไปที่ประตูหน้าบ้านเห็นกล่องทั้งหมดถูกขนมาวางเรียบร้อยแล้ว แต่มะแมหายไป เหลือเขาอยู่ในบ้านที่วังเวงเพียงคนเดียว