บทที่ 8 บาง Bar'r บาร์ของคนดวงซวย .4
"ขอบคุณสำหรับเค้กอร่อย ๆ นะครับส่วนเสื้อคุณไม่ต้องกังวลไปนะครับ ผมคงได้มีโอกาสมาร้านนี้อีกนี่นามบัตรผมนะครับ" ตุลากรถือโอกาสยื่นนามบัตรที่เตรียมไว้ส่งให้หญิงสาว เธอหยิบไปก่อนจะตาโตมองมาที่เขาพร้อมด้วยใบหน้าตกใจ
"คุณตุลากร จิรวราพงศ์" ตัวจริงเสียงจริงอย่างที่เด็ก ๆ ในร้านพากันเมาส์และชงเธอแต่จะบ้าเหรอใครจะกล้าคิดฝันไปไกลกันเล่าก็ผู้ชายคนนี้นอกจะจากเป็นเจ้าของบริษัทฝั่งตรงข้ามยังเป็นถึงลูกหลานไฮโซดูจากนามสกุลที่ไม่มีใครไม่รู้จักหลังจากอ่านชื่อนามสกุลผู้ชายตรงหน้าก็ต้องส่งยิ้มกลับด้วยใบหน้าจืดสนิทพลางคิดว่าสูทตัวที่เธอกำลังถืออยู่นี้ราคามันต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ คิดถึงเรื่องที่ต้องเสียเงินในใจก็เกิดอยากจะวูบอีกครั้ง
ตุลากรเอ่ยขอบคุณสาวน้อยน่ารักก่อนจะส่งยิ้มให้อีกครั้งเพราะเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกชะตาใครได้ขนาดนี้หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เดินออกจากร้านและเดินข้ามถนนไปยังบริษัทที่เป็นบริษัทในเครือลูกส่วนบริษัทใหญ่นั้นอยู่อีกฟากหนึ่งของเมืองและที่ลงมาเอ้อระเหยก็เพราะว่าอยากจะระบายความเครียดที่สะสมจากการประชุมเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าจะมาเจอกับคาเฟ่น่ารักและพนักงานอัธยาศัยดีแถมยังถูกชะตาขนาดนี้แต่เขาก็ไม่ได้คิดเกินเลยไปกว่านั้นเพราะเขามีคนในใจอยู่แล้ว
ส่วนใยไหมก็แค่เป็นคนเฟรนลี่ตามประสาเพื่อลูกค้าจะได้เข้ามาใช้บริการที่ร้านอีกครั้ง เพราะในสมองของเธอตอนนี้ยังหวั่นวิตกเรื่องของผู้ชายคนนั้นทุกลมหายใจเข้าออก สติไม่อยู่กับร่องกับรอยยิ่งเมื่อคืนยิ่งนอนไม่หลับแต่พอได้หลับเท่านั้นแหละ...สาย!!!! ตื่นมาก็ลากสังขารของตัวเองมาที่ร้านอย่างซอมบี้ไม่ต้องพูดถึงเบ้าตาเพราะตอนนี้มันดำคล้ำเป็นโหลลึกจนเธอเองยังตกใจ
"พี่ไหม..กรี๊ดเห็นไหมหนูบอกแล้วว่าคุณเข้าสนใจพี่ไหม"
"เค้าจีบพี่ไหมเชื่อหนู"
สาว ๆ ที่เดินเข้ามาเลียบ ๆ เคียง ๆ แอบมองเจ้าของร้านกับหนุ่มลูกหลานไฮโซที่ต้องการชงให้นายสาวถึงกับพากันอุดปากร้องกรี๊ดเพราะเจ้าของร้านถือนามบัตรเอาไว้ แค่นี้ก็ทำเอาสาว ๆ เคลิ้มเพราะไม่ใช่ว่าใครจะได้มาง่าย ๆ นะ นามบัตรสีทองใบหรูนี่เพราะทุกอย่างมันเป็นข้อมูลส่วนตัวหมดทั้งเบอร์โทรศัพท์ช่องทางการติดต่อทุกอย่างเหลือก็แต่เลขที่บ้านแล้วล่ะที่ไม่มี
"น้อย ๆ หน่อยไปทำงานจ้า" เจ้าของร้านที่ไม่ได้หลงเพ้อไปกับสาว ๆ ก็เอ็ดเล็กน้อยยังดีที่ตอนนี้ลูกค้าบางเบาไม่ได้ยินสิ่งที่สาว ๆ พูด
"ค่า" สามสาวรับคำก่อนจะกระจายตัวเพราะเกรงว่าเจ้าของร้านจะแปลงร่างถึงแม้จะเป็นคนใจดีแต่ถ้าเป็นเรื่องงานเธอก็จริงจังมาก
ใยไหมเอ็ดเด็ก ๆ ในร้านแล้วก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายพร้อมกับหย่อนนามบัตรลงกระเป๋าดวงตาคู่สวยมองสูทในมือก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งมือบางยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเจ้าของร้านซักรีดที่ตนเองใช้บริการพร้อมกับเรียกรถให้มารับเสื้อสูทไปซักส่วนเรื่องราคาเธอยังไม่ได้สอบถามเพราะเกรงว่าจะเป็นลมไปเสียก่อน ซึ่งตอนนี้ก็เครียดมากพอแล้ว
ร้านบาง Bar'r
[ใยไหม]
18.00 น.
แปะ แปะ
เสียงปรบมือของผู้จัดการร้านเป็นการส่งสัญญาณว่าตอนนี้พร้อมที่จะประชุม พนักงานที่กำลังเตรียมตัวหรือทำงานในส่วนของตัวเองรอระหว่างเรียกรวมก็เดินเข้ามานั่งรวมกลางร้านตรงจุดเดิมสำหรับประชุมพูดคุย ถึงแม้จะมีการประชุมทุกสองอาทิตย์แต่นั่นเป็นเรื่องงาน แต่นี่เป็นการแจ้งเจ้าของใหม่ทำให้แต่ละคนพากันตื่นเต้น รวมถึงฉันที่นั่งแอบอยู่ด้านหลังพนักงานซึ่งผิดวิสัยเพราะปกตินั้นจะจองที่นั่งด้านหน้าสุดเพราะจะถูกรุมล้อมด้วยหนุ่ม ๆ แต่วันนี้ฉันต้องหยุดความหื่นของตัวเองไว้ก่อนไม่อย่างนั้นฉันอาจจะไม่มีโอกาสอีกเลยก็ได้
ตอนนี้ที่นั่งที่ดีที่สุดของฉันคืออยู่ด้านหลังสุดและยังเป็นด้านหลังโซฟาตัวใหญ่ถ้าใครไม่สังเกตก็อาจจะไม่เห็นแต่เพราะว่าเธอลงชื่อเข้างานเรียบร้อยแล้วและทุกคนก็เห็นฉันแล้วเพราะฉะนั้นไม่มีใครตามแน่นอนส่วนเจ้แพทตี้นั้นฉันก็เข้าไปทักทายพร้อมกับนำเค้กและกาแฟที่นางสั่งไปวางบนโต๊ะให้แล้ว ถึงจะแปลกใจเมนูที่เห็นสั่งก็ตามเพราะปกติเจ้จะสั่งพวกกาแฟใส่นมแต่นี่ดันเป็นอเริกาโน่ที่เจ้บอกว่าไม่ชอบ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ทำตามออเดอร์ที่เจ้สั่งพร้อมกับเค้กที่ไม่ใช่ของโปรดเพราะนอกจากลาเต้ที่เป็นเมนูที่ชื่นชอบของเจ้กับคุกกี้เจ้ก็ไม่เคยสั่งพวกเค้กอะไรนี่
ถ้าถามว่าเจ้แกรู้ไหมว่าร้านที่เจ้แกฝากสั่งกาแฟหิ้วมานั้นเป็นร้านของฉัน ขอบอกเอาไว้ให้ชัด ๆ ตรงนี้เลยว่าไม่รู้..เพราะฉันก็ไม่เคยบอกแล้วเจ้ก็ไม่เคยถามและคิดว่าฉันเป็นพนักงานคนหนึ่งในร้านนั้นเหมือนคนอื่น ๆ เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ไปที่ร้านฉันก็มักจะเห็นฉันทำงานงก ๆ หัวฟูทุกครั้งทั้งเก็บแก้วเก็บจานเช็ดโต๊ะรวมถึงการล้างทำความสะอาด พวกเด็ก ๆ พนักงานที่นี่ก็ไปเจอฉันที่ร้านนั้นบ่อยส่วนหนุ่ม ๆ ก็ไปเหมือนกันและก็คิดไม่ต่างจากคนอื่นว่าฉันเป็นพนักงานตัวเล็ก ๆ ที่ดิ้นรนทำงานสองที่บางคนก็มองมาที่ฉันด้วยความสงสารและเห็นใจในความสู้ชีวิตแต่ใครจะรู้ว่าฉันนี่แหละเจ้าของร้านตัวจริงจ้า
"มากันครบละนะ แต่เอ๊ะเหมือนอะไรหายไป" เสียงเจ้แพทตี้ถามด้วยความสงสัยพร้อมกับสายตามองสอดส่ายไปมาแต่ไม่นานเสียงจ้อกแจ้กจอแจของผู้คนที่นั่งคุยนั่งเล่นก็หายไปเหลือแต่เพียงความเงียบวังเวงพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ ส่วนฉันที่นั่งหลบอยู่บนโซฟาหลังเพื่อนพนักงานก็พยายามที่จะแอบอย่างสุดฤทธิ์เพราะลางสังหรณ์ของฉันนั้นแม่นยำยิ่งกว่าอะไรและคนที่ไม่ต้องให้เดาว่าเป็นใครที่มาเป็นคนดูแลร้านแทนเจ้เพลงพิณที่กำลังท้องแก่เพราะผู้ชายคนนั้นมาปรากฏตัวทำเอาฉันช็อกไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว