ปฎิเสธตำแหน่งท่านประธาน(2)
สายตาทุกคู่ต่างมองไปที่ร่างสูงที่ค่อยๆก้าวขึ้น เวทีอย่างช้าๆบางคนถึงกับอึ้งหนักอ้าปากค้าง จนอาหารที่อยู่ในปากร่วงลงพื้น
บรรยากาศในงานเลี้ยงเเปรเปลี่ยนไปทันที ทุกคนต่างรู้สึกหนาวขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
โดยเฉพาะดนัยเดชย์นั้น ตอนนี้ยืนเเน่นนิ่ง เป็นก้อนหินไปเเล้ว ใบหน้าเเปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด จนเริ่มเป็นสีม่วง มือสั่นตัวสั่นเทาด้วยความโกรธสุดขีด
ชาญปวีย์ หรือต้นไม้ ก้าวขึ้นเวทีอย่างช้าๆ ด้วยท่วงท่าสง่างาม ไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ ด้วยชุดเสื้อยืดเก่าๆขาดๆ เเละกางเกงยีนส์ขาสั้นเก่าๆ รองเท้าเเตะเเบบคีบ ผมยาวเลยไหล่หยิกฟู ถูกปล่อยใว้อย่างให้อิสระเเก่เส้นผมได้พัวพันกันเเละ เคลื่อนไหวได้เต็มที่ตามเเรงลมที่ตีไปด้านหลัง
การเเต่งกายของเขานั้นช่างสวนทางกับใบหน้าหล่อเหลา คมเข้มอย่างเเรง
พิธีกร ขยี้ตาเเรงๆอีกครั้ง ราวกับเเยกเเยะไม่ได้ ว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือเรื่องจริงหรือความฝัน
ชาญปวีย์ เดินเรื่อยๆเข้าไปหาพิธีกร อย่างไม่ รีบร้อน ก่อนจะดึงไมค์ออกจากมือของพิธีกร ที่ยังคงยืนนิ่งเหมือนยังไม่ได้สติ
"สวัสดีทุกท่าน ผมคงไม่ต้องบอกเเล้วนะ ว่าชื่ออะไรเป็นใคร ก่อนอื่นผมไม่ขอบคุณใครหรอกนะ ที่มาในวันนี้ เพราะผมไม่ใช่คนจัดงาน เเละไม่ได้ เป็นคนเชิญมา..."
ชาญปวีย์ หยุดยืนหนึ่ง ประโยคหลังทำให้เริ่ม มีเสียงฮือฮาขึ้นมาบ้างเเล้วบางคนถึงกับสำลักกันเลยทีเดียว
ทุกคนในงานรู้สึกเป็นเสียงเอกฉันท์ว่า ประธานคนใหม่ของเขาช่างพูดตรงเกินไปเเล้ว
"โอ๊ะโอๆทุกท่านอย่าได้กังวลกับสิ่งที่ผมพูดไปเลย เอ้าๆดื่มกินกันให้สนุกสนานสำราญใจ อ้อ อีกอย่าง ที่ผมจะบอก งานนี้ทุกท่านคงเเปลกใจที่มีพนักงาน ตั้งเเต่ผู้บริหารรวมจนถึงเเม่บ้านเเละ ผู้รักษาความปลอดภัยมาร่วมด้วย อันนี้ผมเสนอ คุณพ่อผมไปเอง เพราะคิดว่าไม่ว่า คุณจะเป็นประธานบริษัทหรือเป็นเพียงเเม่บ้านคนทำความสะอาดคนหนึ่ง คุณก็ควรมีสิทธิ์เท่าเทียมกับ ผู้บริหาร เพราะคุณคือหนึ่งในผู้ที่ทำให้ กิจการดำเนินไปได้ เพราะฉะนั้นอย่าด้อยค่า พนักงานที่ใครบางคนได้เเบ่งชนชั้นว่าเป็นระดับล่าง ดังนั้นรบกวนผู้ดูเเลงานเลี้ยงคืนนี้ ช่วยจัดอาหาร เเละเครื่องดื่มให้เท่าเทียมกันให้หมดด้วย จะต้องไม่มี ป้ายเขียนว่าโต๊ะนี้เฉพาะผู้บริหารระดับสูงเท่านั้นนะครับ"
ประโยคหลังจบลง ก็ไม่รู้ว่ามีมือใครดึงป้าย "โต๊ะนี้เฉพาะผู้บริหารระดับสูง" ออกดังเเคว่ก!!!
"เเม้เเต่ในการทำงานพวกคุณยังเเบ่งชนชั้นกัน ทั้งที่ความจริงเเล้วทุกคนทุกตำเเหน่งล้วนมี ความสำคัญเท่าเทียมกันทั้งนั้น หากมีเเค่ผู้สั่ง ไม่มีผู้รับคำสั่ง งานคงไม่ดำเนินต่อไปได้ จนเกิดเป็นกิจการรุ่งเรืองใหญ่โตให้คุณพ่อของผม ในวันนี้ได้ "
ชาญปวีย์หยุดนิดหนึ่งยกมือหนาเสยผมไป ด้านหลัง ด้วยท่าทีไม่ยี่หระต่อสิ่งใด
ท่วงท่าเเละน้ำเสียงของเขานั้น ไม่สามารถ ปฏิเสธได้เลยว่า มันช่างมีเสน่ห์ มีพลังบางอย่าง ที่สะกดสายตาคนดู คนฟังให้จดจ่ออยู่เเต่ที่เขา เพียงจุดเดียวได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ มันทำให้ทุกคน มองข้ามการเเต่งกายที่โลดโผนนั้นได้เลย
พนักงานระดับล่างบางคนถึงกับน้ำตาคลอ คิดไม่ถึง ว่าท่านประธานของเขาจะละเอียดอ่อนเเละเห็น คุณค่า ความสำคัญของพวกเขา
"อ้อเกือบลืมๆ อันนี้ต้องเรียนคุณพ่อ เเบบสารภาพความจริงเลยนะคือผมไม่ได้จบด้าน บริหารธุรกิจ อย่างที่คุณพ่อเข้าใจนะ เพราะนั่นมัน เป็นความต้องการของพ่อ ไม่ใช่ความต้องการของผม ผมเป็นผู้เรียนก็ต้องมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่ผมชอบนั่นคือ ศิลปะ …ใช่เเล้วครับ ผมจบด้านศิลปะครับผม"