บทย่อ
ในวันที่เธอกำลังจะบอกให้เขารู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตกำลังจะเกิดมาเป็นพยานรัก กลับเป็นวันที่เขามาบอกความจริงให้เธอรู้ว่า เขาเป็นใครมาจากไหนและวันนี้เขากำลังจะกลับไปเป็นคนเดิม เรื่องราวระหว่างเธอกับเขาขอให้เป็นเพียงความลับที่รู้กันสองคน จากที่คิดว่ายอมเป็นคนในความลับได้....แต่สุดท้ายหัวใจมันก็บอกให้หญิงสาวรู้ว่า ถึงจะรักเขามากแค่ไหนแต่หัวใจของเธอก็ไม่เข้มแข็งพอที่จะเป็นคนในความลับตลอดไป
ปฎิเสธตำแหน่งท่านประธาน(1)
บทที่1
ปฏิเสธตำแหน่งท่านประธาน
เสียงเพลงในงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายหัวเเก้วหัวเเหวนของนักธุระกิจระดับเเนวหน้าของเมืองไทย ที่มีกิจการเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมเกือบครึ่งหนึ่งของกรุงเทพล้วนเป็นของเขาเเทบทั้งหมดดังขึ้นอย่างไพเราะ
บรรดาไฮโซไม่มีใครที่ไม่รู้จักเจ้าสัวดนัยเดชน์ เตชะวรนันท์ ดังนั้นงานเลี้ยงในวันนี้จึงเต็มไปด้วย นักข่าวจากสื่อต่างๆเเละบรรดาผู้ถือหุ้นมาร่วมงานกันมากมาย รวมถึงพนักงานในเครือเตชะวรนันท์ ทั้งหมดด้วย
เมื่อถึงเวลาสำคัญ พิธีกรบนเวที ก็เริ่มประกาศเชิญดนัยเดชย์ขึ้นเวที เพื่อเเจ้ง จุดประสงค์เเละความตั้งใจของงานเลี้ยงในคืนนี้
ดนัยเดชน์ ในวัย69ปี เเต่ด้วยความสูงสง่า ใบหน้ายังเค้าความหล่อเหลาเเทบไม่เเปรเปลี่ยน หากมีเพียงริ้วรอยเเห่งวัยจางๆอยู่บ้างทำให้เขาดูดีเสมอ
เขาจุดยิ้มมุมปากอย่างมีความสุขดวงตา เปล่งประกายอย่างภาคภูมิใจ เมื่อได้เอ่ยถึงลูกชายหัวเเก้วหัวเเหวนของเขา นั่นคือชาญปวีย์ เตชะวรนันท์ หรือต้นไม้นั่นเอง
"อย่างที่ได้กล่าวไปตั้งเเต่ต้นถึงเจตนารมณ์ ของผมในวันนี้ เเน่นอนว่างานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ไม่ใช่เเค่เลี้ยงต้อนรับลูกชายสุดที่รักของผมเท่านั้น เเต่ผมจะขอ ประกาศตรงนี้ว่า ผมขอยกกิจการทั้งหมด ให้ชาญปวีย์เตชะวรนันท์ เป็นผู้ดูเเลทั้งหมด เพียงคนเดียว"
สิ้นเสียงประกาศของดนัยเดชย์ ก็เกิดเสียง ปรบมือเเละเสียงโห่ร้องกึกก้องไปทั่วทั้งงาน เเต่ก็มี หลายเสียงที่ร้องอย่างเเปลกใจอยู่บ้างเพราะคิดไม่ถึง ว่าดนัยเดชย์จะไม่เอ่ยถึงการันต์ ชายหนุ่มที่เป็นลูกติด จากภรรยาคนใหม่ของเขาเลย เเม้ที่ผ่านมา การันต์ จะช่วยทำงานเกี่ยวกับธุรกิจเเทบทั้งหมดเลยก็ตาม
การันต์ทั้งเก่งเเละฉลาดมาก อีกทั้งหน้าตา ยังหล่อเหลาไม่เเพ้ชาญปวีย์เลย
บนเวทีดนัยเดชย์ยังพูดบรรยายถึงความรัก ความภาคภูมิใจ ที่เขามีต่อลูกชายเเท้ๆของเขาไม่หยุด
ในขณะที่ด้านล่างของเวทีกระมีเสียงกระซิบกระซาบ เกิดขึ้นอื้ออึง
"เเบบนี้มันก็ไม่ยุติธรรมกับคุณรันต์น่ะสิ อุตส่าห์ช่วย อยู่เคียงข้างท่านประธานมาเเท้ๆ กลับไม่ได้อะไรเลยรึ"
"ก็ไม่เเปลกนะคุณรันต์น่ะก็รู้อยู่ ว่าไม่ใช่ ลูกเเท้ๆของท่านประธานซะหน่อย ใครจะไปยก มรดกให้ดูเเลกันล่ะ"
"ถึงไม่ใช่ลูกเเท้ๆก็จริงเเต่ก็น่าจะเห็นความดีกันบ้างซินี่เเสดงว่าที่ให้เป็นผู้ช่วยอยู่ข้างๆก็เพราะเเค่ต้องการใช้งานเเค่นั้นสินะ"
ร่างสูงเพรียวกำมือเข้าหาลำตัวเเน่น กรามนูนขึ้นเป็นสันเเข็ง ริมฝีปากเม้มเเน่น ในขณะที่ดวงตาโตมองขึ้นไปบนเวทีอย่างเคียดเเค้น เเทบลุกเป็นไฟ
ชายหนุ่มเริ่มคิดว่าที่เเท้ดนัยเดชย์ก็เเค่เลี้ยงเขา เห็นเป็นเเค่สุนัขรับใช้เเค่นั้น ไม่ว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อย เเละพยายามมากเเค่ไหนก็ตาม
การันต์ยกเเก้วใวน์ขึ้นสาดลงคอรวดเดียวหมด แก้วจากนั้นก็ค่อยๆเเทรกตัวหลบหายไปจาก งานเลี้ยงอย่างเงียบๆ
หลังจากดนัยเดชย์กล่าวความภาคภูมิใจถึง ลูกชายของเขาเเล้ว เขาก็ยื่นไมค์คืนให้กับพิธีกร เเล้วเดินลงจากเวทีไปกล่าวทักทายผู้ถือหุ้นอย่าง อารมณ์ดี ใบหน้าของเขาเเดงก่ำ อย่างคนมีความสุข
“เอาล่ะครับ..กระผมคิดว่าทุกท่านคงอยากเห็น ท่านประธานคนต่อไปกันเเล้ว กระผมก็เช่นกัน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเรียนเชิญคุณชาญปวีย์ เตชะวรนันท์ ขึ้นมากล่าวทักทายครับผม"
สิ้นเสียงของพิธีกรก็มีเสียงปรบมือกึกก้องขึ้น อีกครั้ง เเต่เสียงปรบมือค่อยๆเบาลงๆจนเหลือเพียง เเค่เสียงเปาะๆเเปะๆ เเละกลายเป็นความเงียบในที่สุด
สายตาทุกคู่ต่างมองไปที่ร่างสูงที่ค่อยๆก้าวขึ้น เวทีอย่างช้าๆบางคนถึงกับอึ้งหนักอ้าปากค้าง จนอาหารที่อยู่ในปากร่วงลงพื้น