บท
ตั้งค่า

๑.๓ รอย(รัก)สีหม่น

“ไม่ต้องการเหรอ” ปราณต์เงยหน้าขึ้นจากการมองหน้าอกอวบคู่นั้น แล้วแนบใบหน้าลงมาจนปากเกือบชิดกัน จึงกลายเป็นว่าเขากระซิบอยู่ใกล้เรียวปากนุ่มแค่เส้นด้ายกั้น กลิ่นแอลกอฮอล์โชยคลุ้งมากับลมหายใจของเขา ทว่านัสรินกลับไม่นึกรังเกียจเลยแม้แต่นิด ตรงกันข้ามกลิ่นนั้นกลับแล่นเข้าไปกระตุ้นเร้าให้หัวใจของเธอเต้นแรง ราวกับกำลังจะทะลุออกมานอกอก

“ไม่ต้องการค่ะ” เธอปฏิเสธและเบือนหน้าหนีสายตาของเขา แค่ถูกกอดถูกจูบเธอยังสั่นไปหมด แต่ตอนนี้เธอกำลังถูกปราณต์นอนทับ สัดส่วนแทบจะทุกสัดส่วนแนบชิดกัน มีเพียงอาภรณ์ขวางกั้น แถมตอนนี้สายตาของเขาที่มองเธออย่างโกรธกรุ่นในตอนแรก ก็เปลี่ยนเป็นมองอย่างลุ่มลึกทว่าเจือไว้ด้วยไฟปรารถนาบางอย่าง คงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเลือดเขานั่นเอง อารมณ์เขาถึงได้เปลี่ยนอย่างรวดเร็วขนาดนี้

“แต่ผมว่าคุณต้องการ”

ปราณต์ใช้มือข้างที่ว่างจับปลายคางมนบังคับให้หันหน้ามาตรงๆ เขาค่อยๆ โน้มหน้าลงมา ทำเอาเธอแทบจะลืมหายใจไปชั่วขณะ จนในที่สุดปากหยักได้รูปก็แนบประกบจูบไปบนเรียวปากของเธอ และฉกลิ้นเข้าไปกระหวัดพันลิ้นนุ่มของเธออย่างดูดดื่ม ทำเอานัสรินตัวสั่นสะท้านไปหมด

“อย่าค่ะ...คุณปราณต์...อย่า...นัสขอร้อง...”

เสียงหวานเอ่ยอย่างสั่นระริก เมื่อปราณต์ละปากไปที่พวงแก้ม รสชาติพิษจุมพิตเมื่อครู่นี้ยังกรุ่นอยู่แท้ๆ เธอจำได้ดีว่ามันทำให้เธอหมดเรี่ยวแรงไปมากแค่ไหน หากเขาทำเช่นนั้นอีกเธอต้องขาดใจตายแน่ๆ

“อย่าห้ามผม ผมมีสิทธิ์”

ปราณต์เงยหน้าขึ้นสบตาพร้อมกับประกาศสิทธิ์ของตัวเอง ก่อนจะก้มลงใหม่ ซุกใบหน้าจูบไซ้ไปตามซอกคอขาวละมุน มือข้างหนึ่งยังตรึงข้อมือเธอไว้ ทว่ามืออีกข้างกลับขยี้ขยำไปบนทรวงอกอย่างเมามัน เธอพยายามขอร้องวิงวอนให้เขาหยุด ทว่าเสียงนั้นกระท่อนกระแท่นและเบาลงๆ พร้อมกับที่สติซึ่งจะครองตัวไม่ให้หลุดเข้าไปในห้วงของความวาบหวามนั้นแทบจะไม่เหลือหรอ

นัสรินจำไม่ได้ว่าชุดนอนหลุดจากร่างไปตอนไหน แต่ที่จำได้ชัดก็คือความรู้สึกอันอุ่นซ่านวาบหวามตอนที่ปากและลิ้นสากหนาแตะต้องขบเม้มลงบนทรวงสาวอวบหยุ่น เธอรู้สึกเหมือนเลือดในกายไหลเวียนและเร่าร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างระทดระทวย ไร้ซึ่งความคิดที่จะขัดขืนใดๆ อีกต่อไป

เขาละมือข้างที่ตรึงข้อมือเธอออก แล้วขยับลงไปช่วยกันอีกข้าง เล่นงานอย่างหนักหน่วง เธอยกมือที่เป็นอิสระขึ้นมาวางบนไหล่หนา ตั้งใจว่าจะผลักให้ออกห่าง แต่กลับกลายเป็นกอดและกดเขาลงหานวลเนื้อนุ่มนิ่มของตนโดยไม่รู้ตัว

เสียงที่หลุดจากปากเธอหลังจากนั้น มันไม่ใช่เสียงห้าม หากกลับกลายเป็นเสียงหอบหายใจกระเส่าที่ราวกับเหน็ดเหนื่อย ทว่านัสรินรู้ดีว่านั่นไม่ใช่ มันเกิดจากความร้อนรุ่มวาบหวามจนเธอไม่อาจเปล่งเสียงอย่างอื่นได้ต่างหาก ถ้าจะมีเสียงอย่างอื่นที่ไม่ใช่เสียงหอบหายใจนั้น ก็คือเสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บแน่นอึดอัดในตอนที่ปราณต์ล่วงล้ำเข้ามาในกายเธอเป็นครั้งแรก แต่มันก็เงียบไปแทบจะทันที เพราะปากถูกปราณต์ประกบจูบ ขณะที่ร่างกายส่วนอื่นๆ ของเขายังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

และหลังจากนั้นเมื่อปราณต์ปล่อยให้ปากอิ่มเต็มเป็นอิสระ เสียงที่หลุดออกมาก็กลับกลายเป็นเสียงครวญครางอันสุดเร่าร้อน จนนัสรินแทบไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเสียงของตัวเอง

คลื่นแห่งความสุขสมระลอกแรกผ่านไป และปราณต์ก็ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เขายังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเหมือนกับเหนื่อยไม่เป็น ร่างใหญ่เคลื่อนไหวอยู่เหนือร่างของเธอด้วยความ ‘อึดทน’ อย่างที่เขาว่า มันเป็นการเสียสาวครั้งแรกแต่ไม่ใช่ครั้งเดียว นัสรินจำไม่ได้ว่าตัวเองได้รับรู้รสชาติความสุขสมอันท่วมท้นและหลากหลายนั้นกี่ครั้ง แต่ละครั้งล้วนรู้สึกเหมือนจะขาดใจ แต่ร่างกายกลับรับได้และโลดทะยานตามเขาไปทุกครั้งแม้จะบอบช้ำสุดๆ ก็ตาม

ความรู้สึกเสียดายตอนนั้นไม่มีแม้แต่นิด เพราะอย่างน้อยเธอก็ได้มอบสิ่งหวงแหนนี้ให้กับผู้ชายที่ตัวเองรัก แม้เขาจะไม่เคยรักหรือแม้จะมองเธอด้วยท่าทีอ่อนโยนเลยก็ตาม

ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลงในตอนเกือบรุ่งสาง ปราณต์ลุกขึ้นแต่งตัวเช่นเดียวกับเธอ จากนั้นต่างคนต่างขึ้นห้องนอนของตัวเองไปเงียบๆ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไป ถ้าจะมีก็มีเพียงร่างกายของเธอเท่านั้นที่ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เธอก็ไม่ใช่สาวพรหมจารีอีกต่อไป เธอกับปราณต์ไปหย่ากันในตอนบ่าย และหลังจากที่เขากับเธอจรดปากกาลงบนกระดาษที่เรียกว่า ‘ใบหย่า’ เธอก็ตกอยู่ในสถานะการเป็นแม่หม้ายอย่างสมบูรณ์ทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel