บท
ตั้งค่า

๑.๒ รอย(รัก)สีหม่น

เวลาแห่งการรอคอยมันเนิ่นนานเสมอ จากช่วงหัวค่ำเริ่มล่วงเลยสู่ยามดึก จนตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว หากทว่านัสรินยังไม่ได้ยินเสียงรถของปราณต์แล่นมาเช่นทุกวัน ปกติเขากลับบ้านไม่เคยเกินสามทุ่ม แล้วนี่คืนนี้เขาหายไปไหน หรือว่าคนไข้ที่คลินิกเยอะ หรือถูกโรงพยาบาลเรียกตัวฉุกเฉิน

จากที่นั่งรอ ตอนนี้ร่างบางลุกขึ้นและเดินไปชะเง้อมองที่หน้าบ้าน ลมข้างนอกพัดค่อนข้างแรง ฟ้ามืดครึ้มและมีแสงสีเหลืองแลบแปล๊บๆ อยู่ถี่ๆ คล้ายกับว่าอีกไม่นานจะมีฝนเทกระหน่ำลง เมื่อบรรยากาศภายนอกเป็นเช่นนั้น เธอจึงพาตัวเองกลับเข้าไปรอข้างในบ้านเหมือนเดิม ไม่นานฝนก็ตกลงมาเสียงดังพรำๆ พร้อมกับความเย็นฉ่ำชวนให้นึกถึงเตียงนอนนุ่มๆ อุ่นๆ แต่เธอก็ยังฝืนนั่งรอปราณต์ต่อไป จนที่สุดตาก็ปรือปรอยและเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว

เสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงฟ้าร้องดังครืนๆ ทำให้เธอสะดุ้งตื่นอีกครั้ง และอีกไม่กี่นาทีหลังจากนั้น คนที่เธอรอก็เดินเข้ามา

สภาพของปราณต์ทำให้นัสรินแปลกใจไม่น้อย ผมเผ้าของเขายุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ เสื้อเชิ้ตถูกดึงออกมานอกกางเกง แขนเสื้อพับขึ้นจนถึงข้อศอก เมื่อร่างสูงเดินใกล้เข้ามา กลิ่นแอลกอฮอล์ก็โชยคลุ้งมาเตะจมูก ทำให้เธอรู้ว่าเขาไปดื่มมา คงฉลองให้ความโสดที่จะได้รับในวันพรุ่งนี้กระมัง

“ยังไม่นอนอีกเหรอ” เขาถามอย่างห่างเหินเย็นชาเช่นเดิม ทว่าน้ำเสียงอ้อแอ้ผิดปกติ สายตาที่มองมานั้นก็มีนัยแปลกๆ ทำให้นัสรินรู้สึกหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก

“นี่คุณปราณต์ดื่มมาเหรอคะ”

“ใช่...ผมดื่มมา ว่าแต่คุณทำไมยังอยู่นี่ ปกติหนีขึ้นห้องแล้วไม่ใช่เหรอ”

“นัสก็แค่จะอยู่รอเตือนคุณปราณต์เรื่องหย่าพรุ่งนี้น่ะค่ะ กลัวว่าคุณปราณต์จะลืม แต่เห็นแบบนี้คุณปราณต์คงไม่ลืม น่าจะไปฉลองเตรียมโสดมาด้วยซ้ำ คุณปราณต์คงจะดีใจมากที่กำลังจะได้เป็นอิสระจากนัส” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นัสรินก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงได้พูดจาประชดประชันเขาเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ปกติเธอไม่แม้แต่จะกล้าต่อปากต่อคำกับปราณต์ด้วยซ้ำ

“ก็คงไม่ต่างอะไรกันละมั้ง ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่นั่งถ่างตารอบอกผมอยู่แบบนี้หรอก”

“นัสก็แค่กลัวคุณปราณต์จะลืม”

“กลัวผมลืม หรือกลัวจะไม่ได้หย่ากับผมกันแน่” ถามเสร็จก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอคล้ายกับเยาะหยันอยู่ในที ทำให้นัสรินรู้สึกได้ดีถึงความรู้สึกที่แฝงมากับน้ำเสียงนั้น

“คุณปราณต์คิดว่านัสอยากหย่านักเหรอคะ มันน่าดีใจนักหรือไงกับสถานะแม่หม้ายทั้งที่อายุแค่นี้” นัสรินตัดพ้อต่อวาจาที่ช่างร้ายกาจและเยาะเย้ยถากถางของเขา

“ไม่รู้สิ ผู้หญิงอย่างคุณมันเดายาก เป็นประเภทหน้าใสใจคด เห็นท่าทางติ๋มๆ ไม่มีพิษมีภัย แต่ซ่อนความเห็นแก่ตัวเอาไว้ตั้งมากโข ใครจะรู้ว่าที่ทำหน้าเศร้าอยู่นี่ก็แค่แสดงละคร ความจริงแล้วก็อยากหย่าจนตัวสั่น”

“นัสคงไม่เคยดีเลยสินะคะในสายตาคุณปราณต์”

“ก็เคย แต่นั่นมันก่อนที่ผมจะรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของคุณเป็นยังไง!”

นัสรินทั้งอึ้งทั้งเจ็บที่เขาตอบออกมาไวราวกับไม่ต้องคิด ถ้าย้อนเวลาได้เธอคงปฏิเสธข้อเสนอของปรัชญ์ที่ให้เธอแต่งงานกับปราณต์แทน เพราะอย่างน้อยการได้แอบรัก มันยังดีกว่าการได้แต่งงานกับคนที่รัก แต่ต้องอยู่กันด้วยความเกลียดชัง

“ถ้าอย่างงั้นคุณปราณต์ก็ดีใจได้เต็มที่เลยค่ะ หรือจะเตรียมทำบุญใหญ่ล้างซวยด้วยก็ได้ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงสิ่งไม่ดีอย่างนัสจะออกจากชีวิตคุณปราณต์แล้ว”

นั่นคือวาจาประชดประชันอันรุนแรงที่สุดเท่าที่นัสรินจำได้ว่าตัวเองเคยใช้กับเขา เธอไม่เคยคิดจะใช้คำพูดแบบนี้กับใครด้วยซ้ำ แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับ มันผลักดันให้เธอหลุดมันออกมา ตอนนั้นเธออยู่ในอาการของคนหัวใจสลาย ขอบตาร้อนผ่าว รู้ดีว่านั่นคืออาการของคนที่กำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เธอจึงรีบเชิดหน้าพร้อมกับก้าวเท้าเพื่อหนีหน้าคนใจร้ายให้เร็วที่สุด ไม่อยากร้องไห้ ไม่อยากให้น้ำตาหล่นต่อหน้าเขา เดี๋ยวเขาจะหาว่าสำออยและแกล้งฟูมฟายเอาอีก

ร่างเล็กก้าวได้ไม่ถึงก้าว มือแข็งแรงของปราณต์ก็ยื่นไปตะปบที่ต้นแขน กระชากร่างให้เธอหมุนตัวกลับมาหา

“คุณปราณต์!” นัสรินร้องอุทานออกมาอย่างตกใจต่อการกระทำของเขา

“เรายังคุยกันไม่จบ ผมไม่ชอบให้ใครเดินหนี”

“คุณปราณต์ยังต้องการอะไรจากนัสอีกคะ เราสองคนยังมีเรื่องอะไรต้องคุยกันอีก นอกจากเรื่องหย่า”

“มีสิ ก็เรื่องตำแหน่งแม่หม้ายป้ายแดงของคุณไงล่ะ”

“คุณปราณต์จะต้องเดือดร้อนอะไรคะ นัสรับได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก”

“ผมไม่ได้ห่วง ผมแค่อยากทำให้คุณเป็นแม่หม้ายอย่างเต็มตัวก็เท่านั้น”

“หมายความว่ายังไงคะ”

“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ง่ายๆ ผมก็จะทำให้คุณเป็นแม่หม้ายอย่างสมบูรณ์แบบน่ะสินัสริน หย่ากับผัวทั้งที่ยังซิงอยู่ แล้วมันจะเป็นแม่หม้ายตัวจริงได้ยังไง”

นัสรินหน้าแดงก่ำ รู้ทันทีว่าปราณต์หมายถึงอะไร

“นัสไม่อยากได้ค่ะ”

“ถ้าไม่อยากได้จนตัวสั่นจะยอมแต่งงานกับผมง่ายๆ ทำไมกัน”

ไม่แค่ถามแต่วงแขนกำยำนั้นยังตวัดรัดร่างเล็กเข้ามากอดไว้แน่น ทำเอาแก้มใสและทั่วทุกสัดส่วนของนัสรินร้อนวูบวาบไปหมด เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา ปราณต์ไม่เคยแม้แต่เฉียดเข้าใกล้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอโดนเขากอด แม้มันจะไม่ใช่กอดที่อ่อนโยนอย่างที่เธอเคยคาดหวัง แต่มันก็ทำให้เธอตัวอ่อนไปหมด

“นัสก็แค่ไม่มีทางเลือก”

“จริงน่ะเหรอนัสรินที่ว่าไม่มีทางเลือก”

ตาคมสีสนิมเหล็กจ้องเหมือนรู้ทัน รู้ว่าเธอกับปรัชญ์นั้นวางแผนกันมัดมือชกเขา แต่เขาจะรู้ได้ยังไง เธอมั่นใจว่าปรัชญ์ไม่เคยปริปากบอกเรื่องนี้กับปราณต์แน่ๆ เพราะดูเหมือนว่าเขาเองก็โกรธน้องชายไม่น้อยเหมือนกัน ถึงได้พาเธอย้ายออกมาอยู่ที่นี่

“ปล่อยนัสเถอะนะคะคุณปราณต์ เราจะจบกันแล้ว นัสอยากให้เราจบกันด้วยดี”

“แต่ผมอยากให้จบแบบที่คุณต้องจดจำไปจนตลอดชีวิต”

จบคำปราณต์ก็ทำในสิ่งที่นัสรินตั้งตัวไม่ติดอีกครั้ง ด้วยการบดขยี้ริมฝีปากจูบไปทั่วใบหน้างดงามอย่างรุนแรงป่าเถื่อน นัสรินพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนที่รัดแน่นราวกับปลอกเหล็ก พร้อมทั้งเบี่ยงหน้าหนีการระดมจูบของปราณต์เป็นพัลวัน เธอเคยฝันว่าอยากถูกเขาจูบ แต่มันต้องไม่ใช่ด้วยแรงอารมณ์และเป็นสัมผัสที่แสนหยาบคายแบบนี้

“อย่า...อย่าค่ะ...คุณปราณต์เป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง...ไหนบอกว่ารังเกียจนัส ไม่อยากแตะนัส”

นัสรินจำได้ว่าตัวเองร้องห้ามและตัดพ้อออกไปเสียงกระท่อนกระแท่น หลังจากที่ดิ้นจนเหนื่อยก็ยังไม่สามารถหลุดจากอ้อมแขนแข็งแรงกับหลบริมฝีปากของเขาพ้น และคำพูดนั้นก็สามารถที่จะหยุดปราณต์ให้เลิกระดมจูบลงได้ชั่วขณะ

“คุณบอกเองไม่ใช่เหรอนัสริน ว่าไม่ได้ห้ามผมใช้สิทธิ์ความเป็นสามีกับคุณ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ใช้สิทธิ์สักครั้งจะเป็นไรไป”

“แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้” หญิงสาวบอกออกไปเสียงหอบๆ ใบหน้าตอนนั้นแดงก่ำไปหมด

“ถ้าไม่ใช่แบบนี้แล้วจะต้องเป็นแบบไหน”

“คุณปราณต์กำลังเมา”

“เมาหรือไม่เมา ตอนทำมันก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่หรอก รับรองว่าคุณได้ครางแน่นอน เพียงแต่เวลาผมเมาผมจะอึดมากเป็นพิเศษเท่านั้นเอง ครั้งแรกของคุณอาจจะช้ำหน่อยนะ หรือว่าไม่ใช่ครั้งแรก”

“คุณปราณต์!” นัสรินอุทานอย่างอับอายกับคำพูดคำจาที่ค่อนข้างจะดิบแบบที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของปราณต์

“แต่ตัวสั่นขนาดนี้คงจะเป็นครั้งแรกนั่นละ เพราะฉะนั้นผมก็ควรจะมอบความเป็นแม่หม้ายอย่างสมบูรณ์แบบให้คุณ เผื่อจะใช้ประสบการณ์ที่ได้ครั้งนี้ไปใช้ประโยชน์ในวันข้างหน้าได้”

ปราณต์ไม่สนอะไรอีก เขาย่อร่างสูงอุ้มเธอไปวางที่โซฟาตัวเดียวกับที่เมื่อครู่นี้เธอนั่งรอเขาอยู่ ต่างกันตรงที่ปราณต์ไม่ได้อุ้มมานั่ง แต่เขาวางเธอลงในท่านอน โดยที่ร่างสูงใหญ่นั้นทาบตัวลงมานอนคร่อมทับร่างเล็กของเธอเอาไว้แทบจะทันที

นัสรินจำได้ว่าตอนนั้นเธอดันตัวลุกขึ้นเพื่อจะหนี ปราณต์จึงกดน้ำหนักทับเธอแนบแน่นกว่าเดิม ซ้ำยังใช้มือแข็งแรงข้างหนึ่งรวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอตรึงไว้เหนือศีรษะอีกต่างหาก ทำให้เธอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย

“คุณปราณต์ปล่อยนะคะ” นัสรินร้องบอกออกไป พร้อมกับหอบหายใจอย่างเหนื่อยๆ เพราะต้องออกแรงสู้กับเขาสองยกติดๆ กัน

แทนที่จะปล่อย แต่ปราณต์กลับกวาดสายตามองเธอช้าๆ ตั้งแต่ริมฝีปากที่กำลังสั่นน้อยๆ กระทั่งไปหยุดมองอยู่ตรงหน้าอกอวบอิ่มที่สะท้อนขึ้นลงๆ จากแรงหายใจของเธอ เขาจ้องอยู่ตรงนั้นนานจนเธออับอายไปหมด

“ไม่ปล่อย นี่มันแค่เริ่มต้น”

“นัสขอร้องค่ะ นัสไม่ต้องการ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel