บทที่2.การเดินทางไกลครั้งแรกของนิรดา..
ยายสร้อยนั่งฟังน้ำตาคลอ...สิ่งที่หลานสาวฝัน นางเองก็เคยฝันเช่นกัน แต่ความฝันของนางริบหรี่เต็มทน ความฝันครั้งนั้นเรืองรองขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหลานสาวมาเติมไฟใส่ฝัน ทำให้แสงสว่างที่จวนจะมืดดับ สว่างเรืองรองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง...
นิรดามีเวลาจัดการเรื่องเอกสาร1เดือนเต็มๆ ตลอดเดือนมีนาคม นิรดาวิ่งเต้นเตรียมเอกสาร เธอไม่ต้องเข้าครอสอบรมเรื่องภาษาเหมือนคนอื่นๆ นิรดาเข้าอบรมเรื่องการทำงาน และแนวทางการใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น
พอถึงปลายเดือน ก็ต้องเตรียมตัวเดือนทางหล่ะ
เอกสารที่อำเภอมอบไว้ให้ ประกอบการเรียนรู้ เมืองที่นิรดาจะจะต้องเดินทางไปทำงานเป็นคนงานเก็บผลเชอรี่ ชื่อเมืองซินต์-เตรยเดิน”Sint-Truiden” เป็นเมืองและเทศบาลในมณฑลลิมเบิร์กของเบลเยียม และเป็นโชคดีอีกอย่างที่ นิรดาเรียนเอกภาษาฝรั่งเศสและนั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอผ่านการสัมภาษณ์ เมื่อสามารถสื่อสารกับคนในท้องถิ่นได้
กระเป๋าเดินทางที่เพชรชมพูหามาให้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายให้เพื่อน
ถึงมันจะเก่าแต่ก็แข็งแรงใช้ได้ นิรดาไม่รังเกียจของบริจาคนั่นเลย เธอนึกขอบคุณผู้ให้ด้วยซ้ำ เพราะค่ากระเป๋าเดินทางมันแพงมากสำหรับเธอ หากต้องหาซื้อเอง
วันเดินทางมาถึงเร็วกว่าที่คิด และเพื่อความสะดวกทางอำเภอเลยรับอาสาที่จะไปส่งผู้ที่ผ่านการคัดเลือกถึงสนามบินด้วยตัวเอง ยายสร้อย เพชรชมพู ผู้ใหญ่เที่ยงยืนโบกมือให้หญิงสาว หลังนิรดาขึ้นไปนั่งประจำที่บนรถทัวร์คันใหญ่ที่เจ้าหน้าที่จัดหามาบริการ
นิรดายกมือปาดน้ำตา นี่คือการเดินทางไกลบ้านครั้งแรกของเธอ มันเศร้าจนอยากร้องไห้ เมื่อทั้งห่วงทั้งกังวล แต่เพื่ออนาคตของตนเองและยายสร้อย เธอต้องอดทน จนกว่าจะถึงกำหนดกลับ
หญิงสาวกอดกระชับกระเป๋าเป้ที่ใส่เอกสารสำคัญแนบอก
จากนี้ไปต้องใช้ความอดทนมาก ถึงมากที่สุด แต่เธอจะไม่มีวันยอมแพ้ แม้จะเหนื่อยสายตัวแทบขาด
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโอ่โถงสมกับเป็นสนามบินแห่งชาติ มีผู้คนหลายสัญชาติ เดินสวนไปมาทำให้ลายตา นิรดาพยายามเดินตามคนนำ เธอไม่อยากหลงทางและเสียโอกาส แม้จะตื่นเต้นกับสถานที่ อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองรอบๆ ตัวตามประสาคนไม่เคยเจอ
จนกระทั่งมาถึงจุดรวมพลมีเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มหนึ่ง รับช่วงดำเนินงานต่อ กว่าจะผ่านการตรวจเช็ค กว่าจะผ่านด่านตรวจจนเข้ามานั่งรอที่เกรทด้านใน ใช้เวลาไปเกือบ4ชั่วโมง
นิรดานึกเห็นใจเจ้าหน้าที่ทุกคน เมื่อหน้าที่ของพวกเขาทั้งกดดันและเร่งด่วนแม้จะเลยเวลาเที่ยงคืนมาหลายนาที พนักงานแต่ละท่าน ก็ไม่มีทีท่าอิดโรยให้เห็น...พวกเขาทำงานอย่างคล่องแคล้วฉับไว
หญิงสาวใจเต้นตึกตัก!! มือจับพลาสปอร์ตในมือแน่นๆ เพราะกลัวหาย ฝ่ามือชื้นไปด้วยละอองเหงื่อ ขณะเดินผ่านช่องตรวจเอกสารขั้นสุดท้าย เพื่อจะเดินทางไปขึ้นสายการบินที่จะเดินทางไปเบลเยียม
ทุกนาทีตั้งแต่ขึ้นรถบัสที่ท่าอากาศยานไปถึงเครื่องบินลำโต นิรดาตื่นเต้นจนขาสั่น แม้จะมีเพื่อนร่วมเดินทางไปพร้อมกันเกือบ30ชีวิต แต่เพื่อนแต่ละคนนั้นก็มีอาการไม่ต่างจากเธอ หญิงสาวพยายามสงบใจไม่ให้กระเจิดกระเจิง ท่องคำสัญญาในใจ ‘เพื่ออนาคตเธอต้องอดทน และผ่านไปให้ได้’
12ชั่วโมงสำหรับการเดินทางด้วยนกเหล็ก เป็นความประทับใจที่นิรดาจะไม่มีวันลืม
เธอออกเดินทางมาตั้งแต่หัวค่ำ จากสิงห์บุรีมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และขึ้นเครื่องบินตอนตี3กว่าๆ เป็นเวลาเดินทางที่เต็มไปด้วยความระทึกทุกนาที เมื่อต้องโดยสารเครื่องบินลำใหญ่ที่ทำจากเหล็ก แต่กลับสามารถลอยในอากาศได้ ถึงเธอจะมองไม่เห็นก้อนเมฆ เมื่อเป็นเวลากลางคืน...
แต่ตอนที่เครื่องบินแลนดิ้ง...เธอได้เห็นก้อนเมฆลอยเรี่ยปีกเครื่องบิน และเห็นหลังคาบ้านเหมือนบ้านตุ๊กตาที่ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น จนมีขนาดปกติ...ตอนที่เครื่องบินแล่นลงจอดบนพื้น...
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยสำหรับการเดินทางข้ามประเทศ กว่าจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ เธอกับกลุ่มคนที่มาขายแรงกายก็เสียเวลาไปอีกไม่น้อย ...ทันทีที่เดินพ้นท่าอากาศยานบรัสเซลส์อากาศเย็นจนนิรดาต้องกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น ปลายจมูกเธอเย็นเฉียบ กับอากาศที่ต่ำถึง14องศา หญิงสาวครางในอก นี่หรืออากาศอบอุ่นของพวกเขา