บทที่2.การเดินทางไกลครั้งแรกของนิรดา
ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน-สิงหาคม
ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน-พฤศจิกายน
ฤดูหนาว เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์
ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม-พฤษภาคม
โดยมีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 5-30 องศาเซลเซียสส่วนทางตอนใต้ของประเทศ จะมีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30-39 องศาเซลเซียส และมีฝนตกเกือบตลอดทั้งปี หากผ่านการคัดเลือก เธอจะได้เดินทางไปเบลเยี่ยมตอนสิ้นเดือนมีนาคม สิ่งที่นิรดาต้องเตรียม คือเสื้อผ้าและอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ หญิงสาวศึกษาข้อมูลของเบลเยียมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องภาษา เบลเยียมมีภาษาราชการ สามภาษา ได้แก่ ภาษาดัตช์ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาเยอรมัน มีผู้พูดภาษาดัตช์เป็นภาษาหลักราว 60 เปอร์เซนต์ และประมาณ 40 เปอร์เซนต์สำหรับภาษาฝรั่งเศส โดยภาษาเยอรมันมีผู้พูดน้อยกว่า 1 เปอร์เซนต์ ผู้พูดภาษาดัตช์ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือของประเทศ
หลังสอบปลายภาคตอนช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ นักเรียนส่วนใหญ่มาบ้างไม่มาบ้าง เมื่อบางคนอาจจะหาที่ติวเพื่อเตรียมจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย นิรดาที่ได้โคต้าเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่สถาบันพลศึกษาวิทยาเขตอ่างทอง “ประเภทขาดแคลนทุนทรัพย์” เธอต้องไปรายงานตัวในวันเวลาที่ทางวิทยาลัย’ กำหนด ซึ่งก็น่าจะก่อนที่จะคัดเลือกไปทำงานเก็บผลไม้
เมื่อมีที่เรียนแน่ๆ นิรดาเลยทุ่มความหวังไปที่การคัดเลือก
วันที่อำเภอเรียกตัวไปสัมภาษณ์ นิรดาตื่นแต่เช้ามืด เมื่อนอนกระสับกระส่ายมาทั้งคืน คนที่พลอยนอนไม่หลับไปด้วยคือยายสร้อย สองยาย-หลาน พากันเดินทางไปอำเภอตั้งแต่เช้าตรู่
บริเวณหน้าอำเภอมีผู้คนมานั่งรอไม่น้อยเหมือนกัน เมื่อเป็นประกาศของทางการที่ผู้คนให้ความสนใจ เพราะไม่ถูกหลอกแน่ๆ
ผู้ใหญ่เที่ยงกับเพชรชมพูมาถึงตอนสายๆ หน่อย
“นิดาๆ” เพชรชมพูโบกมือให้ เดินตรงมาหาพร้อมกับยกมือไหว้ยายสร้อย
“มาแต่เช้าเลยนะ” เด็กสาวกระเซ้าเพื่อน ก่อนจะยื่นกล่องนมให้กับนิรดา “กินเสียเลย เรารู้ นิดาตื่นเต้นจนกินอะไรไม่ลงแน่”
“ใช่เลยหนูเพชร ยายบังคับให้กินข้าวก็ไม่ยอมกิน” ยายสร้อยเอ่ยสำทับ เมื่อหลานสาวนางจิบแค่น้ำ
“กองทัพต้องเดินด้วยท้องจ้ะ ยังไงก็ผ่าน เชื่อเพชรเถอะ”
เพชรชมพูให้กำลังใจ ผู้ใหญ่เที่ยงเดินไปทักทายลูกบ้านหน้าตาคุ้นตาที่พากันมาคัดเลือกครั้งนี้ด้วย กว่าจะเดินมาถึง เจ้าหน้าที่ก็เดินมาเรียกคนที่มาสมัครขึ้นไปรวมตัวด้านบนเสียแล้ว
ผู้ใหญ่เที่ยงกับเพชรชมพูเลยขอไปยืนให้กำลังใจนิรดาหน้าห้อง รวมทั้งยายสร้อยด้วย
บรรยากาศการคัดเลือกผู้ที่มีสิทธิไปทำงานเก็บผลไม้ยังต่างแดนเป็นไปด้วยความคึกคัก นิรดาผ่านข้อเขียนรอบแรกโดยไม่ต้องแก้ไขอะไร รอแค่การสัมภาษณ์จากผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งตอนบ่าย ผู้ใหญ่เที่ยงได้ฟังถึงกับยิ้มร่า
“เตรียมเอกสารมาไหมหนูนิดา?” ท่านเอ่ยถาม เมื่อผลไม่น่าจะเกินความคาดหมาย
“ค่ะ” หญิงสาวตบกระเป๋าสะพายที่คล้องไว้ที่หัวไหล่ พร้อมกับยิ้มแฉ่ง
“สงสัยจะได้ฉลองใหญ่”
จากที่ประเมิณจากคนที่มาสมัครวันนี้...ถึงจะเป็นแรงงานผู้ชำนาญ แต่น้อยคนมากที่จะพูดภาษาฝรั่งเศสได้ ดังนั้น นิรดามาวินอยู่แล้ว ถึงจะดูเด็กไปสักหน่อย แต่หากภาษาดี ก็ไม่น่าจะพลาด...
นิรดาเดินเข้าห้องสัมภาษณ์ตอนบ่ายกว่าๆ ตอนเดินออกมา เด็กสาวร้องไห้ตาแดงออกมาเลย พลอยให้คนที่รอฟังข่าวใจเสีย แต่เมื่อนิรดาโถมเข้ากอดยายสร้อย “หนูผ่านแล้วยาย หนูผ่านแล้ว!” หญิงสาวปล่อยโฮ พร้อมกับกระซิบบอกยาย
ผู้ใหญ่เที่ยงถอนใจแรงๆ ส่วนบุตรสาวของท่าน กระโดดโลดเต้นเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนผ่านการสัมภาษณ์เสียเองเลย
“เย้ๆ”
ตอนเดินทางกลับบ้าน แต่ละคนมีหน้าตายิ้มแย้ม...เมื่อประสบความสำเร็จ
ยายสร้อยควักเงินเก็บของนางออกมามอบให้นิรดา เมื่อหลานสาวต้องใช้จ่ายหลายอย่าง ก่อนที่จะเดินทางไปทำงานยังแดนไกล...ไหนจะต้องทำหนังสือเดินทาง ตรวจสุขภาพ เสื้อผ้าที่ต้องใช้อีก มันเงินทั้งนั้น
นิรดาส่ายหน้า เธอหยิบกระเป๋าใส่สตางค์ของตนเองมาเปิดให้ยายสร้อยดู
“หนูมีสตางค์ค่ะยาย...ยายเก็บไว้เถอะ ยายเตรียมคิดไว้เลยจะทาพนังบ้านสีอะไร หลังคาล่ะเปลี่ยนเป็นสีไหนดี...รอให้หนูได้เงินเดือนเดือนแรกก่อนนะยาย หนูจะส่งมาให้ยายทั้งหมด ตอนกลับมา หนูจะได้เห็นบ้านสวยๆ”
เมื่อหลานสาวพรรณนาให้ฟังถึงสิ่งที่เจ้าตัวคิดฝันไว้