บทที่1.สาวน้อยสุดอาภัพ......
สร้อยชะเง้อคอมอง เมื่อเห็นนิรดาโผล่หน้าไปที่หลังบ้าน บริเวณนั้นไม่มีไฟฟ้าส่องถึง และรกครึ้มไปด้วยวัชพืช
หลานสาวของนางคงกำลังเก็บผักข้างรั้ว ไปทำอาหารเพิ่มอีกอย่าง แถวนั้นต้นตำลึงขึ้นหนาแน่น ยอดอ่อนๆ กำลังแตก ผัดน้ำมันจิ้มน้ำพริกก็อร่อยจนลืมอาหารหรูๆ
สร้อยเตรียมจะขึ้นจากน้ำ นิรดาก็เดินตรงมาพอดี นางขยับที่ให้หลานสาวนั่ง แต่ยังไม่กลับไปที่บ้าน อยู่รอจนหลานสาวอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ถึงเดินกลับไปพร้อมกัน
ใต้หลังคาบ้านเก่าๆ คือความอบอุ่นที่สุดที่นางพยายามยื้อเวลาไว้ สร้อยวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิในใจ ขอแค่เธอมีชีวิตถึงวันที่นิรดาสามารถยืนด้วยขาของตัวเองได้ นางไม่ได้ขอโชคลาภ ไม่ขอให้ตนเองร่ำรวย แต่ที่อยากได้คือลมหายใจที่อยู่กับนางไปนานๆ จนกว่าหลานสาวตัวน้อยจะมีหลักที่ปลอดภัยคุ้มครอง...
กับข้าวพื้นๆ น้ำพริกไข่เจียว และตำลึงผัดน้ำมัน สองยายหลานก็ร่วมรับประทานอาหารมื้อนั้นอย่างเอร็ดอร่อย
ยายสร้อยรอฟังสิ่งที่หลานสาวจะเล่า นางแทบอดใจรอไมไหว
“ลุงผู้ใหญ่เขาเอานี่มาให้นิดาดูน่ะยาย” เอกสารที่นิรดาเอามาจากบ้านผู้ใหญ่เที่ยง หญิงสาวยื่นให้ยายดู
ยายสร้อยส่ายหน้าปฏิเสธ ถึงมีไฟฟ้า แต่สายตาของนางมองไม่ชัดเสียแล้วยามกลางคืน “ยายมองไม่เห็นหรอก เล่ามาเลยอีหนูยายรอฟังอยู่”
หญิงสาวเล่าตามที่ผู้ใหญ่เที่ยงบอกมาอีกที ยายสร้อยฟังนิ่งๆ เริ่มห่วงขึ้นมานิดๆ แต่เมื่อนิรดาชี้แจงให้ฟัง นางก็เริ่มเห็นด้วย ช่วงเวลาที่ว่างก่อนมหาวิทยาลัยเปิดเกือบ5เดือน ช่วงนั้นนิรดาเองก็วางแผนที่จะทำงานเพื่อเก็บเงินสักก้อน แม้จะรู้ดีว่าเงินก้อนนั้นไม่มีวันพอกับค่าใช้จ่ายหากเธอหวังจะเรียนต่อ แต่เมื่อมีโอกาสที่จะทำให้ฝันเป็นจริงมาจ่ออยู่ตรงหน้า ถึงมันจะดูหน้าหวาดกลัวไปสักนิด เมื่อต้องเดินทางไกล อยู่ต่างบ้านต่างเมือง แต่ผลสำเร็จรับประกันได้ว่าชัวร์
“ยายบอกตามตรงนะนิดา...หากยายมีเงิน ยายจะไม่มีวันอนุญาตให้นิดาไปไกลขนาดนี้เลย ยายเป็นห่วง” ยายสร้อยเอ่ยเสียงเครือ ตัวแปรสำคัญคือเรี่ยวแรงและอายุของตนเอง หากทำแทนได้ ยายสร้อยก็จะอาสาไปเสียเอง แต่นี่ แค่งานจ้างในแต่ละวัน สังขารของนางก็แทบจะไม่ไหว
“นิดาเองก็ห่วงยายจ้ะ แต่...” หญิงสาวก้มหน้าลง ความฝันของเธอต้องใช้เงิน ดังนั้นเธอก็ต้องขวนขวายเอาเอง
“ยายรู้...เรามาพยายามไปด้วยกันนะ ยายอยากเห็นนิดาในวันที่นิดารับปริญญา”
สุขใดจะเท่า มองเห็นหลานสาวมีอนาคต...นางขอแค่ให้ตนเองอยู่ถึงวันนั้นก็พอ
“จ้ะยาย...นิดาจะคว้าปริญญามาฝากยายให้ได้”
หญิงสาวให้คำมั่น สอดมือกอดเอวของยายสร้อยไว้ พร้อมกับซุกหน้าซ่อนรอยน้ำตากับอกของหญิงชรา
บทที่2.การเดินทางไกลครั้งแรกของนิรดา
นิรดาเริ่มต้นศึกษาหาข้อมูลของประเทศเบลเยียมตั้งแต่วันนั้น เธอเตรียมพร้อมกับการสอบ แต่ก็ไม่วายหาข้อมูลไว้เพื่อความได้เปรียบ
วันสอบปลายภาคมาถึงและจบลงตามความคาดหมาย ข้อสอบส่วนใหญ่ นิรดาเคยอ่านผ่านตาและอาจารย์ประจำวิชาเคยติวเข้มให้บางแล้ว ดังนั้นผลสอบน่าจะออกตามความคาดหมาย
อาจารย์ที่ปรึกษาเรียกนิรดาเข้าไปพบ เมื่อท่านรู้ข่าวที่น่าจะเป็นประโยชน์กับนักเรียนของตัวเองมา
คำแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษาท่านนั้นทำให้ความฝันของนิรดาขยับเข้ามาใกล้ตัวอีกนิด...
ขั้นแรกที่เธอต้องทำ คือการไปสมัครขายแรงงานที่อำเภอ โดยที่ผู้ใหญ่เที่ยงจะเป็นคนเซ็นรับรองให้ จากนั้นก็รอวันคัดเลือก และหากสมหวัง...เธอจะได้เดินทางไปทำงานเก็บผลเชอรี่ในรอบแรกของการเดินทาง...
เบลเยียม เป็นประเทศในโซนยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ มีพรมแดนติดต่อกับหลายประเทศ เช่นเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ฝรั่งเศส และทะเลเหนือ เมืองหลวงของ เบลเยียม คือ กรุงบรัสเซลส์ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่เธอตั้งใจจะไปเยือนมีขนาดเล็กกว่าประเทศไทยถึง สิบเจ็ดเท่า สภาพอากาศ ภูมิอากาศของเบลเยียมมีลักษณะเหมือนกับทางยุโรปตอนเหนือ คือเป็นแบบชายฝั่งทะเล จะค่อนข้างอบอุ่นและชุ่มชื้น ซึ่งประกอบไปด้วย สี่ฤดู