บทที่1.สาวน้อยสุดอาภัพ....
หญิงสาวรวบเอกสารในมือยัดใส่กระเป๋าสะพาย คงต้องไปศึกษารายละเอียดยิบย่อยอีกที ก่อนถึงวันที่เขาเปิดรับสมัคร แต่นิรดามีความตั้งใจ เธอจะต้องผ่านการทดสอบครั้งนี้ให้ได้ เพื่อตัวเอง...และอนาคตของยาย
ในอนาคตอันใกล้นี้ เธอต้องใช้เงินอีกไม่น้อย ไหนจะซ่อมหลังคาบ้านที่สังกะสีผุกร่อนเกินจะทานรับแรงลมและฝนได้ ยายจะได้พักผ่อนเหมือนผู้สูงอายุคนอื่นๆ หากเธอมีเงินเก็บสักก้อน เป็นทุนรอนไว้ในยามเดือดร้อน
“ให้เราไปส่งนิดานะ” เพชรชมพูเดินตามมาด้วย เมื่อนิรดาขอตัวกลับ
“อย่าเลย จวนจะมืดแล้ว” หญิงสาวบอกปัด ค่ำๆ มืดๆ เธอไม่อยากให้เพื่อนมีอันตราย
“เพราะว่ามันค่ำแล้วไง เราถึงต้องไปส่ง หากนิดาเดินไปเองเมื่อไหร่จะถึง” เพื่อนสาวบ่นก่อนจะเดินนำหน้า เพชรชมพูเข็ญรถมอเตอร์ไซน์ของเธอออกมา ก่อนจะยิ้มกว้าง เมื่อเพื่อนรักส่ายใบหน้าช้าๆ
“เร็วๆ เดี๋ยวค่ำก่อน” เวลาช่วงหน้าหนาว กลางคืนยาวกว่ากลางวันไม่ทันไรก็จะมืดค่ำ เมื่อพระอาทิตย์ลาลับลงจากฟ้า
“ดื้อตามเคย” นิรดาบ่นเบาๆ ก่อนจะวาดปลายเท้าขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซน์ของเพื่อน
เพชรชมพูสตาร์ทรถคู่ใจ ขับออกไปจากบ้านความเร็วไม่มากนัก สายลมเย็นๆ พัดผ่านใบหน้า ความทุกข์ที่เคยเกาะถ่วงอยู่ในหัวใจเริ่มเบาบางลง หลังมีความหวัง
สาวอาภัพโบกมือให้เพื่อน ก้าวเดินผ่านประตั้วรั้วต้นกระถินเข้าไปด้านใน ยายสร้อยเปิดไฟกลางบ้านไว้ แต่ตัวนางกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว นิรดาวางกระเป๋าลงบนพื้น เดินเลยไปหลังบ้าน “ยายทำอะไรกินจ้ะวันนี้” เธอเอ่ยทักยายสร้อยที่กำลังก้มหน้าก้มตาจุดไฟในเตาฟืน
“ทอดไข่เจียวน่ะ มีน้ำพริกตาแดงของโปรดนิดาด้วยนะ”
วันนี้สร้อยมีงานจ้าง นางเลยมีสตางค์พอที่จะซื้อไข่ไก่มาทำอาหารให้หลานสาว
“ยายไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวหนูทำเองจ้ะ” นิรดาอาสา ยายเหนื่อยมาทั้งวันยังจะต้องมาหุงหาอาหารให้เธออีก อะไรที่ช่วยผ่อนแรงยายได้ นิรดาอยากทำแทนทั้งหมด
“เรานั่นแหละ ไปเปลี่ยนชุดก่อน เข้ามาทำไมไม่รู้ในครัวมีแต่ควัน”
พอไฟติดเชื้อฟืน ควันกับฝุ่นก็กระจายตามแรงพัดที่โบกไปมา เพื่อเพิ่มอุณหภูมิของเปลวให้แรงขึ้น
“หนูไปบ้านผู้ใหญ่เที่ยงมาจ้ะยาย” นิรดารีบหันหลังกลับ เธอรีบเปลี่ยนชุดนักเรียน แต่ก็ไม่วายตะโกนเล่าให้ยายสร้อยฟังด้วย เมื่อความหวังนั้น มีท่าทีเป็นจริง
“ไปทำไมกันล่ะ หรือผู้ใหญ่จะจ้างให้ไปทำอะไร?” สร้อยหยุดพัด เหลียวมองหลานสาวที่เดินมาทิ้งตัวนั่งข้างๆ
“เปล่าหรอกจ้ะ แต่ดีกว่านั้นอีก” นิรดาพูดต่อ ดวงตามีประกายสดใสขึ้น จนยายสร้อยพลอยรู้สึกยินดีไปด้วย
“อะไรหล่ะ...เล่ามาสิ ยายอยากรู้แล้ว” ยายสร้อยเอ่ยเสียงตื่นเต้น เดาจากท่าทีหลานสาว มันต้องเป็นข่าวดีแน่ๆ
“ยายไปอาบน้ำก่อนเถอะเดี๋ยวจะมืดก่อน ส่วนไข่เจียวนี่ เดี๋ยวหนูทำเองจ้ะ”
นิรดาแย่งตะหลิวในมือของยายสร้อยมาถือไว้เอง แล้วยังดันหลังนางให้ออกไปอาบน้ำก่อนที่ฟ้าจะมืดเพราะหมดแสง “ส่วนเรื่องนั้น หนูจะเล่าให้ฟังตอนกินข้าวจ้า” ไข่ไก่ใบใหญ่ๆ นิรดากะเทาะเปลือกเทใสชามพร้อมกับเทเครื่องปรุงใส่แบบรู้งาน ท่าทางทะมัดทะแมงจนยายสร้อยอดอมยิ้มไม่ได้
นางเลยปล่อยให้หลานสาวทำงานครัวไปเงียบๆ เดินไปฉวยผ้าถุงเก่าๆ ที่พาดไว้บนราวไม้ข้างบ้านหลัง ฉวยตระกร้าที่มีสบู่ ยาสีฟัน เดินตรงไปยังท่าน้ำ
กลิ่นไข่เจียวโชยไปถึงท่าน้ำตอนที่นางกำลังฟอกสบู่ สร้อยน้ำตารื้น คิดถึงบุตรสาวและลูกเขย เสียดายแทนลูกทั้งสอง ที่อยู่ไม่ถึงวันที่นิรดาโตเป็นสาว เด็กคนเดียวกันกับคนที่กอดนางไว้พร้อมกับร่ำไห้ปานใจจะขาด เมื่อข่าวร้ายมาเยือนครอบครัวนางในค่ำคืนหนึ่ง พ่อ-แม่ ของนิรดาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ ทิ้งลูกน้อยไว้ให้แม่ที่แก่เฒ่าอุปการะ
แต่เด็กขี้แยคนนั้นไม่เคยทำให้นางร้อนใจเลย ยิ่งเติบใหญ่ ความกตัญญูยิ่งเพิ่มขึ้น หากอะไรที่นิรดาทำได้ เจ้าตัวจะแย่งมาทำไว้เสียเอง นางรักและเป็นห่วงหลานสาว จนกัดฟันทน แม้ป่วยไข้ก็ไม่ปริปากบอก เพราะนั่นจะทำให้นิรดาพลอยกังวลไปด้วย