บท
ตั้งค่า

ปะทะคารม(2)

เวลาผ่านไปกว่าหลายชั่วโมงในที่สุดหญิงสาวก็เดินทางมาถึงบ้านเกิด เธอรีบลงจากรถก่อนจะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งที่โรงพยาบาล

ระยะทางจากท่ารถถึงโรงพยาบาลใช้เวลาไม่นาน ทันทีที่มาถึงเธอก็รีบตรงขึ้นไปหาแม่ทันที

“แม่!”

ทั้งสองสวมกอดกันก่อนที่หญิงสาวนั้นจะร้องไห้ออกมา เมื่อเห็นว่าที่ศีรษะแม่นั้นมีผ้าพันอยู่ก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียวจนเกิดอุบัติเหตุและเจ็บตัวแบบนี้ หากเธอไม่ดึงดันที่จะไปเรียนไกลถึงเชียงใหม่และเรียนมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน เธอก็คงจะได้ดูแลแม่

“แม่เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม”

ลูกสาวเอ่ยถามเสียงสั่น ทันทีที่รู้ว่าแม่นั้นล้มหัวใจเธอก็บีบรัดรุนแรง บัวชมพูไม่รอช้ารีบกลับมาทันที

“แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องร้อง”

เห็นลูกสาวทุกข์เธอก็ไม่สบายใจไปด้วย หญิงวัยกลางคนพยายามลูบศีรษะปลอมอีกฝ่ายไม่ให้ร้องไห้ ก่อนที่เธอนั้นจะเอ่ยขึ้น

“แม่ไม่ได้เป็นอะไรหรอก เผลอทำยาสระผมหยดก็เลยลื่น คราวหน้าคราวหลังแม่จะดูดีๆ”

หญิงวัยกลางคนกล่าวอย่างฝืนยิ้ม ช่วงนี้เธอหันมาดูแลสุขภาพร่างกายมากขึ้น โรครุมเร้าก็ไม่ได้กำเริบมานานมากแล้ว ฉะนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุไม่ใช่สัญญาณเตือนโรคร้ายแต่อย่างใด

“หนูก็เป็นห่วง เลยรีบกลับมา”

“แล้วพรุ่งนี้ไม่มีเรียนหรือไง แม่ไม่อยากให้ทิ้งการเรียนนะลูก”

“มีก็ช่างมันเถอะ จะให้หนูไปเรียนทั้งๆที่ยังเป็นห่วงแม่ หนูเรียนไม่รู้เรื่องหรอก”

หญิงสาวพูดจริงจัง ก่อนที่เธอจะนั่งพูดคุยกับแม่อยู่นานแล้วตัดสินใจลงมาซื้ออาหารให้แม่ด้านล่าง ชนาธิปที่ดักรออยู่ด้านหน้า ได้ขอคุยกับหญิงสาวเป็นการส่วนตัวในฐานะเจ้าของไข้

“มีอะไรหรือคะคุณหมอ”

หญิงสาวเอ่ยถามเธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็นสายตาของเขา

“คุณปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวที่บ้านได้ยังไง แม่คุณร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แทนที่คุณจะอยู่ดูแล แต่ก็ปล่อยให้แม่คุณอยู่เพียงลำพัง ต่อให้ไม่มีอุบัติเหตุแต่จะมั่นใจได้ยังไงว่าจะไม่มีเหตุร้ายแบบอื่นเกิดขึ้น”

ชายหนุ่มต่อว่าเธอ ก่อนที่หญิงสาวจะสูดลมหายใจลึกและโต้เถียงกลับไป

“นี่คุณคิดว่าฉันทิ้งแม่งั้นหรือ คิดได้ยังไง”

“แล้วจะให้ผมคิดยังไง ดูคุณแต่งตัวสิ คงจะเตรียมไปเที่ยวที่ไหนใช่ไหมล่ะ แต่พอรู้ข่าวแม่ตัวเองล้มก็เลยรีบกลับมา ก็ยังดีนะอย่างน้อยก็มีจิตสำนึก ยังรู้หน้าที่ตัวเอง”

“คุณเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาพูดตัดสินฉันแบบนี้”

หญิงสาวชักจะโมโห เธอเท้าเอวก่อนเงยหน้าเถียงกับชายหนุ่ม ขณะนั้นกลุ่มพยาบาลก็ชะเง้อออกมามองดูสถานการณ์

“แล้วจะไม่ให้ผมตัดสินได้ยังไง ดูแต่งตัวเข้าสิ กางเกงขาสั้นเสื้อแขนกุด เหมือนคนกำลังจะไปผับไปร้านเหล้า”

“คุณไม่รู้อะไรไม่ต้องพูดดีกว่า”

หญิงสาวเอ่ย หมอคนนี้ปากหมาชะมัด ไม่น่าเป็นหมอรักษาคนน่าจะไปเป็นสัตวแพทย์มากกว่า เพราะน่าจะคุยกับหมารู้เรื่องมากกว่าคน บัวชมพูดคิดในใจ

“ไม่รู้อะไร ทั้ง ๆที่คุณรู้ว่าแม่คุณมีโรครุมเร้า แต่ก็ยังดึงดันที่จะไปอยู่ที่อื่น ถามจริงๆเถอะคุณไม่เป็นห่วงแม่คุณบ้างหรือไง”

“ก็เพราะฉันห่วงใยฉันถึงได้พยายามทำอนาคตตัวเองให้ดี ฉันถึงได้ขวนขวายเพื่อไปเรียนมหาลัยดีๆ หวังว่าจบมาจะมีงานทำแล้วก็ดูแลแม่ได้”

คุณหมอได้ยินแบบนั้นชายหนุ่มก็ชะงัก ในขณะที่หญิงสาวจ้องเขาเขม็ง

“ฉันไปเรียนหนังสือไม่ได้ไปเที่ยวอย่างที่คุณเข้าใจ อีกอย่างคุณไม่ได้รู้จักฉัน ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินว่าฉันเป็นแบบนั้นแบบนี้”

ชายหนุ่มยิ่งเงียบด้วยความรู้สึกผิด เมื่อได้สติถึงได้รู้ว่าตัวเองนั้นใช้คำพูดที่รุนแรงเกินไป ชนาธิปไม่ใช่คนปากร้าย เมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิดและพูดจาให้คนอื่นไม่สบายใจ เขาจึงได้เอ่ยปากขอโทษ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel