คุณหมอจอมจริงจัง(2)
ชายหนุ่มเห็นว่านี่เป็นสัญญาณอันตราย จึงได้รีบทำการปฐมพยาบาลตรงบาดแผลเพื่อหยุดเลือดไม่ให้ไหลไปมากกว่านี้
“นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลก่อน”
คุณหมอสั่งการก่อนที่ทุกคนจะเคลื่อนย้ายร่างผู้บาดเจ็บมุ่งตรงกลับไปที่โรงพยาบาล ระหว่างทางชนาธิปพยายามปลุกอีกฝ่าย และคอยสำรวจชีพจรอยู่ตลอดเวลา
“อาการไม่ค่อยดี”คุณหมอมีสีหน้าที่จริงจังและกังวล
เนื่องจากว่าเลือดไหลไม่หยุดเพราะบาดแผลฉีกขาด ชายหนุ่มจึงรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย เมื่อมาถึงที่โรงพยาบาลเขาก็รีบพาอีกฝ่ายเข้าห้องฉุกเฉินทันที โชคดีที่วันนี้อาจารย์หมออยู่ด้วย ทำให้การรักษาผ่านไปได้อย่างราบรื่น
หญิงวัยกลางคนต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนเนื่องจากว่าศีรษะนั้นถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทั้งยังมีบาดแผลลึกหลังจากที่การผ่าตัดเสร็จสิ้น อีกฝ่ายก็ถูกพาตัวไปที่ห้องพักฟื้นเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
ระหว่างนั้นคุณหมอชนาธิปได้แจ้งกับทีมกู้ภัยให้ช่วยติดต่อหาญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งเขายังนึกตำหนิที่ญาติๆของคนไข้ปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียวจนเกิดอุบัติเหตุแบบนี้
“ผมไม่เข้าใจเลยทำไมถึงได้ปล่อยให้คนที่อายุมากแบบนี้อยู่คนเดียว ญาติไปไหนกันหมด ดูจากประวัติแล้วป้าแกมีโรคประจำตัวมากมาย เกิดวันดีคืนดีโรคกำเริบขึ้นมาจะทำยังไง ประมาทจริง ๆ ”
ชายหนุ่มบ่นอุบขณะที่ทีมกู้ภัยนั้นสบตากันก่อนจะส่ายหน้า ชนาธิปเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขามักจะแปรเปลี่ยนความห่วงใยให้กลายเป็นความโกรธอยู่เสมอ เมื่อรู้สึกถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับคนไข้
“บางทีญาติๆเขาอาจจะมีธุระ ผมได้ยินคนที่ตลาดบอกว่าป้าแกมีลูกสาวคนนึง แต่ผมก็ไม่รู้นะว่าไปอยู่ไหน”
หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นเขาได้เดินเรื่องไปสอบถามชาวบ้านแถวนั้นเกี่ยวกับประวัติของผู้ได้รับบาดเจ็บ ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนและส่งไปเรียนที่ต่างจังหวัด
“ผมไม่สนหรอกว่าจะมีธุระอะไร แต่คนป่วยแบบนี้ต้องมีคนดูแล”คุณหมอหนุ่มพูดแบบหงุดหงิดเมื่อรู้สึกไม่ถูกใจ
“โถ่หมอ คนเรามันก็มีเหตุผลกันทั้งนั้นแหละ ดูอย่างผมสิ พ่อผมแก่ขนาดนั้นผมยังต้องมาทำงานถึงนี่ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีกิน ใช่ว่าจะอยากทิ้งพ่อมา”
ชายหนุ่มเอ่ยตัวเขามาจากอำเภออื่นซึ่งห่างจากตัวเมืองค่อนข้างมาก ด้วยความที่ยากจนเขาเลยมาหางานทำที่โรงพยาบาลแห่งนี้หวังว่าจะได้รับสวัสดิการที่ดี ทำให้เขาต้องยอมทิ้งพ่อแก่ชราไว้ที่บ้านโดยฝากสั่งเพื่อนบ้านให้ช่วยสอดส่องดูแลให้
“อย่างนายยังมีเพื่อนบ้านคอยดูให้ แต่นี่ไม่มีใครเลย”หมอหนุ่มหาเหตุผลมาแก้ต่างเพื่อให้เหตุการณ์ของครอบครัวนี้เป็นคนละแบบ
“เหตุผลคนเรามันไม่เท่ากันหรอกหมอ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุตอนไหน อีกอย่างที่ป้าเขาล้มก็เพราะสะดุดใช่ไหมล่ะ”
เนื่องจากในห้องน้ำนั้นไม่มีร่องรอยความเปียก ไม่มีร่องรอยของเหลวหยดตามพื้น ทุกคนจึงสันนิษฐานว่าผู้บาดเจ็บอาจสะดุดล้ม
“แต่ยังไงก็เถอะ ควรจะมีคนเฝ้าไม่ใช่หรือไง”
เจ้าหน้าที่หนุ่มถอนหายใจยาว เขาเบื่อที่จะถกเถียงกับหมอชนาธิปเต็มทน ก็เพราะอีกฝ่ายนั้นมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยไฮโซ อยากเป็นหมอเพราะต้องการช่วยเหลือสังคม แต่กลับไม่เข้าใจเหตุผลชนชั้นรากหญ้าเสียที
“ผมว่าหมอไปดูคนไข้เถอะ ผมไม่อยากเถียงด้วยแล้ว”
เจ้าหน้าที่ถอนหายใจส่ายหัวก่อนที่เขาจะเดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้ชนาธิปยืนหัวเสียอยู่คนเดียว
“หมอคะคนไข้ฟื้นแล้วค่ะ”
พยาบาลสาวเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนที่เธอนั้นจะเดินตามชายหนุ่มไปที่วอร์ดพักฟื้น หญิงวัยกลางคนนอนอยู่บนเตียง สายตาเหม่อมองเพดานนิ่ง ชายหนุ่มยืนดูอาการอีกฝ่ายสักพักเพื่อสังเกตว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่
“คุณป้าครับ”
ชนาธิปพยายามเอ่ยเรียกอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าหญิงวัยกลางคนนั้นจะไม่ได้ยิน เธอยังคงนอนนิ่ง