ขอบคุณที่ใส่ใจ(1)
ตอนที่ 3
ขอบคุณที่ใส่ใจ
บัวชมพูอยู่ดูแลแม่ได้เพียง 1 สัปดาห์ก็ต้องรีบกลับมหาวิทยาลัยเพราะมีสอบปลายภาค ซึ่งเป็นการสอบที่สำคัญมากและเธอนั้นไม่อยากพลาด อีกปีเดียวก็จะเรียนจบแล้ว หญิงสาวจึงอยากที่จะตั้งใจเพราะมีเป้าหมายคือเกียรตินิยมอันดับ 1
ในเวลาเพียงไม่กี่วันหญิงสาวกับคุณหมอหนุ่มก็ได้พูดคุยกันมากขึ้น บัวชมพูรู้สึกว่าชนาธิปนั้นไม่ใช่ คนปากร้ายอย่างที่เธอเข้าใจ เพียงแต่เขาคงจะโมโหและเป็นห่วงจริงๆก็เลยเผลอพูดจาไม่ดีออกมา
“ถึงแล้วโทรมาด้วย”
ชายหนุ่มขับรถมาส่งลุกสาวคนไข้ก่อนที่เขาจะซื้อตั๋วให้เธอรวมทั้งขนมและอาหารเล็กๆน้อยๆเพื่อนำไปกินบนรถ
“ฉันเกรงใจนะคะ คุณต้องดูแลแม่ฉันไม่พอยังมาซื้อตั๋วกับขนมให้อีก”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมเต็มใจ”
ชายหนุ่มพูดตอบด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะรีบเร่งให้หญิงสาวขึ้นรถ เสียงสัญญาณดังขึ้นรถกำลังเคลื่อนตัวออกไป บัวชมพูโบกมือลาหมอหนุ่มก่อนที่เธอนั้นจะวางถุงขนมบนพื้นข้างๆกระเป๋าเป้ใบใหญ่
ชนาธิปยืนมองจนกระทั่งรถนั้นแล่นออกไป เขาล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะกดรับสายผู้เป็นแม่
“ครับ”
คุณหมอเอ่ยทักทายปลายสายเพียงสั้นๆ ช่วงนี้เขากับแม่ไม่ค่อยสนิทสนมกันเท่าไหร่ เพราะอีกฝ่ายพยายามบีบบังคับให้เขากลับไปกรุงเทพฯ เพื่อสานต่อธุรกิจที่สร้างเอาไว้ แต่ชายหนุ่มไม่อยากเป็นนักธุรกิจแบบพ่อแม่ เขาอยากเป็นหมอแม้จะถูกคัดค้านมาโดยตลอด แต่สุดท้ายเขาก็หาเงินเรียนจนจบ
ชายหนุ่มรู้สึกภูมิใจในตัวเอง แม้ว่าเขาจะเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ถึงอย่างนั้นในช่วงระยะเวลา 6 ปีที่ยากลำบากเขาก็ไม่เคยขอเงินพ่อแม่แม้แต่บาทเดียว คุณหมอชนาธิปอาศัยหางานทำเล็กๆน้อยๆ รับแปลเอกสาร บางทีก็รับจ้างทำวิจัยให้รุ่นพี่ ได้เงินเป็นกอบเป็นกำก็นำมาจ่ายค่าเทอม
ชนาธิปจึงไม่เคยใช้ชีวิตหรูหรา และน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเขานั้นเป็นลูกหลานใคร
ชายหนุ่มไม่เคยเปิดเผยหรืออวดอ้างฐานะตัวเอง ขอเพียงแค่อยากใช้ชีวิตธรรมดาไปวันๆอยู่กับงานที่เขารัก
“เมื่อไหร่จะกลับบ้าน แม่จะไปอเมริกา ว่าจะพาแกไปด้วยจะได้รู้จักกับพวกนักธุรกิจที่นั่นไว้”
ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนจะตัดสินใจพูดกับแม่ตามตรง
“ผมไม่อยากไปคุยกับนักธุรกิจพวกนั้น แม่ก็รู้ แม่อย่าบังคับผมเลย ที่ผ่านมาผมก็พิสูจน์ให้แม่เห็นแล้วว่าผมไม่ได้อยากเป็นนักธุรกิจ”
เขาไม่ใช่ลูกคนเดียวของพ่อแม่ ก่อนหน้าที่แม่จะมาแต่งงานกับพ่อเคยมีลูกติดมา 1 คน ซึ่งก็คือชรัล พี่ชายของเขา ส่วนพ่อนั้นก็มีลูกติดเหมือนกัน ที่สำคัญยังเป็นผู้ชายทั้งยังจบบริหารซึ่งเป็นสายตรงเหมาะที่จะสืบทอดธุรกิจของพ่อแม่มากที่สุด
แต่เนื่องจากว่าธุรกิจเพิ่งก่อตั้งได้ไม่กี่ปีและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นธุรกิจที่พ่อกับแม่นั้นสร้างขึ้นมาด้วยกัน ทั้งสองจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจหากให้ลูกชายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้ามาบริหาร จึงได้พยายามโยนภาระหน้าที่นั้นมาที่เขา
“ทำไมแกถึงไม่เข้าใจแม่บ้าง”
คนเป็นแม่ไม่ต้องการให้ลูกติดของสามีเข้ามายุ่งวุ่นวายกับธุรกิจ จึงได้พยายามเกลี้ยกล่อมลูกชายให้เข้ามาดูแลทรัพย์สินที่เธอนั้นสร้างร่วมกับสามี แต่ดูเหมือนว่าลูกชายคนนี้นั้นจะไม่เหมือนลูกชายคนแรกของเธอ ชนาธิปทุ่มเทกายและใจเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นแลกกับเงินเดือนไม่กี่บาท ในขณะที่ชรัลคอยช่วยเหลืองานในบริษัท อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจนี้
“แม่ก็เลิกอคติกับพี่เมธาสิครับ แม่ก็รู้ว่าพี่เมธาเก่งเรื่องการบริหารมากแค่ไหน ถ้าแม่ยอมให้เขาเข้ามาดูแลแม่ก็คงไม่ต้องกังวลแบบนี้”
“แกก็รู้ว่าฉันเกลียดแม่มัน”
หญิงวัยกลางกล่าวอย่างมีอารมณ์ เธอกับพ่อของชนาธิปเคยคบหากันมาก่อน แต่เพราะอีกฝ่ายไปทำแม่ของเมธาท้อง ทำให้ต้องไปแต่งงานกับฝั่งนั้น เธอจึงตัดสินใจแต่งงานใหม่กับผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก หลังจากคลอดชรัล ก็ตัดสินใจขอหย่ากับอดีตสามี