ปฎิเสธ(3)
“ค่ะเเม่”
หญิงสาวมีสีน่าเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินมารดานั้นบอกให้เดินทางไปพบช่วงเย็นของวันนี้ เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วที่จริญญานั้นไม่ได้กลับบ้านไปหาแม่เลยแม้จะอยู่ใกล้กันแค่นี้ก็ตาม เธอเบื่อที่ต้องถูกบังคับสารพัดอย่าง จึงตัดสินใจหลีกเลี่ยงไม่ยอมกลับไปเยี่ยมอีกฝ่ายที่บ้าน
“มีอะไรเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก แม่ให้ไปหาน่ะสิ”
จริญญาเอ่ยพร้อมถอนหายใจอีกครั้ง เธอไม่ได้อยากกลับไปหาแม่แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของอีกฝ่าย หากรู้ว่าจะถูกตามให้กลับบ้าน เธอเลือกที่จะไม่รับโทรศัพท์ยังดีเสียกว่า
หลังเลิกงานหญิงสาวก็รีบนั่งรถไฟฟ้าเดินทางมาที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก จริญญาเดินผ่านประตูเล็กเข้าไปด้านใน ก่อนที่เธอจะถอดรองเท้าและเอ่ยถามแม่บ้านที่กำลังนั่งขัดพื้นอยู่ไม่ไกล
“คุณแม่ไปไหนหรือคะ”
“น่าจะอยู่ที่ห้องทำงานด้านบนค่ะ”
แม่บ้านสาวเอ่ยแล้วก้มหน้าก้มตาขัดพื้นต่อ จริญญาไม่รอช้ารีบเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้านก่อนตรงไปหาผู้เป็นแม่ที่ห้องทำงาน เธออยากรู้ว่ามารดานั้นมีเรื่องอะไรจะคุยด้วย แต่หากให้เดาคงไม่พ้นเรื่องเดิมๆ
“มาแล้วหรือแม่ตัวดี”
จริญญาถอนหายใจนั่งลงที่เก้าอี้ แค่เจอหน้ายังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรก็ถูกอีกฝ่ายแดกดันเสียแล้ว
“แม่เรียกหนูมาทำไมคะ”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากรู้ว่าเมื่อไหร่แกจะลาออกจากบริษัทนั้นสักที รู้ไหมว่าฉันเหนื่อยมาก ฉันอยากจะพักผ่อน แต่ฉันก็ไม่วางใจจะให้ใครมาสืบทอดตำแหน่งผู้บริหาร แกเป็นลูกสาวคนโตของฉัน แกควรจะรับช่วงต่อ”
จุรีพรเอ่ยขึ้นอย่างเห็นแก่ตัว เธอรู้ว่าจริญญานั้นเป็นคนฉลาด เรียนรู้นิดหน่อยก็สามารถรับตำแหน่งต่อได้สบาย แต่ลูกสาวนั้นมักหาข้ออ้างไปเรื่อยเปื่อยและไม่ยอมมาเรียนรู้งานบริหารเสียที
“แม่ทนอีกไม่กี่ปีเดี๋ยวน้องก็เรียนจบ น้องเรียนบริหารโดยตรงแต่หนูจบไอทีมา แม่ก็น่าจะคิดได้นะว่าใครที่เหมาะสมกับตำแหน่งบริหารของแม่มากกว่า”
จริญญาเอ่ยขึ้น เธอมีน้องชายอีกคนคือวุฒิชัยรายนั้นเรียนบริหารใกล้จบแล้ว และเป็นผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งมากที่สุด อีกอย่างน้องชายเธอคนนี้ก็มักจะทำตัวเป็นผู้นำ จริญญาลองคิดดูแล้ว คงไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งผู้บริหารเท่ากับวุฒิชัย
“ฉันเหนื่อย และตอนนี้ฉันอยากให้แกมานั่งตำแหน่งบริหารแทนฉัน กว่าน้องแกจะเรียนจบก็อีกตั้งสองปี แกจะให้ฉันทนมากขนาดนั้นเลยหรือไง”
คนเป็นแม่โวยวาย เธอเลี้ยงดูลูกสาวมาเป็นอย่างดีแต่จริญญานั้นก็มักจะทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจได้บ้างนั่นก็คือเรื่องแต่งงาน
“แม่เป็นผู้บริหารมานานหลายปี แต่จู่ๆจะมาเหนื่อยตอนนี้หนูว่ามันแปลกนะคะ”
“แกไม่ต้องมาสงสัยเหตุผลของฉัน ฉันต้องการให้แกกลับมาดูแลโรงเเรม ไปลาออกจากงานของแกซะ แล้วกลับมารับตำแหน่งผู้บริหารจากฉัน”
จริญญาส่ายหน้า ที่ผ่านมาเธออดทนแม้จะถูกบังคับและกดดันสารพัด เธอสูญเสียอิสระในชีวิตไปส่วนหนึ่ง และเธอจะไม่ยอมเสียมันไปอีก
“หนูยอมแต่งงานตามคำสั่งของแม่ แต่เรื่องงานหนูไม่ต้องการให้แม่มาก้าวก่าย และต่อให้แม่พยายามบีบหนูออกจากบริษัท หนูก็จะไม่มีวันรับตำแหน่งผู้บริหารต่อจากแม่”
หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอยอมแต่งงานกับตุลาก็เพราะถูกผู้เป็นแม่ข่มขู่เอาไว้ว่าจะไม่ส่งเรียนจนจบ หากเธอนั้นไม่ยอมแต่งงานตามความต้องการของอีกฝ่าย
จริญญาไม่มีทางเลือก เธออยากเรียนต่อให้จบเพื่อโบยบินไปจากที่นี่ จึงได้ยอมแต่งงานอย่างเลี่ยงไม่ได้
เธอแต่งงานตั้งแต่อายุยี่สิบเอ็ดปี ในเวลานั้นเธอรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากที่จู่ๆก็ต้องมีสามีกะทันหัน แต่เพราะเพื่อนๆปลอบใจจึงผ่านมาได้
“แม่อย่าหวังว่าจะบังคับหนูได้อีก ตอนนี้หนูมีชีวิตเป็นของตัวเองและก็มีความสุขมาก เพราะฉะนั้นแม่อย่ามายุ่งวุ่นวายกับหนู”
จริญญาแค่อยากใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองนั้นต้องการ หลังเรียนจบเธอตัดสินใจออกมาหางานทำ เพื่อแสดงให้ผู้เป็นแม่เห็นว่าต่อให้เธอนั้นไม่พึ่งพาอีกฝ่าย เธอก็สามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเองได้
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องทำงาน แม้รู้ว่าผู้เป็นแม่จะต้องไม่พอใจแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดหันหลังกลับไป