แรกพบเจอ(3)
“ฉันเชื่อว่าเขาจะรับนะ แกเคยมีประสบการณ์ทำงานกับโรงพยาบาลใหญ่มาก่อน ฉันเชื่อว่าภาษีแกดีกว่าทุกคนอยู่แล้ว”
น้ำผึ้งเอ่ยขึ้น ก่อนจะชวนเพื่อนสนิทขึ้นไปกินชาบูด้านบน แต่ขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ของม่านมุกก็ดังขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าก่อนจะกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“คุณม่านมุกใช่ไหมคะ”
หญิงสาวจำได้ว่านี่คือเสียงของพยาบาลที่คุยกับเธอเมื่อครู่
“ใช่ค่ะ”
คนรับสายหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นจะโทรมาแจ้งผลการสมัครงาน
“อีกสองวันเริ่มงานได้เลยนะ อย่าลืมสวมชุดพยาบาลมาทำงานล่ะ ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นเดี๋ยวคุณหมอจะโทรไปชี้แจงทีหลัง”
“ขอบคุณนะคะ”
หลังจากวางสายหญิงสาวก็กระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ เธอโผเข้าก่อนเพื่อนสนิทก่อนจะเอ่ยบอกข่าวดีกับอีกฝ่ายว่าตอนนี้เธอได้งานทำแล้ว
“ฉันได้งานแล้วแก”
“จริงดิ อย่างนี้ต้องฉลอง มาๆฉันเลี้ยง”
ทั้งสองเดินจูงมือกันขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นบนของห้างสรรพสินค้า แต่ก่อนที่จะเข้าไปในร้านอาหารทั้งสองเหลือบไปเห็นป้ายลดราคา จึงรีบพุ่งตรงเข้าไปทันที
ทั้งน้ำผึ้งและม่านมุกต่างหิ้วถุงพะรุงพะรัง ทั้งสองเห็นตรงกันว่าคงไม่เหมาะสมนักที่จะแบกข้าวของพวกนี้เข้าไปในร้านชาบู เพราะอาจจะเกะกะคนอื่นเอาได้ จึงตัดสินใจนั่งแท็กซี่กลับอพาร์ทเม้นท์
“ฉันว่าแกซื้อเยอะไปนะ”
ม่านมุกเอ่ยทักเพื่อนสาว อีกฝ่ายปรายตามองเธอและกระตุกยิ้มเล็กน้อย
“แหม แกเยอะกว่าฉันอีก”
ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมา เมื่อกลับถึงอพาร์ทเม้นท์ก็แยกย้ายกันเข้าห้องตัวเอง ม่านมุกและน้ำผึ้งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยม ทั้งสองเรียนจบพยาบาลเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นก็แยกย้ายทำงานคนละที่
ม่านมุกเลือกทำงานในโรงพยาบาลรัฐ ในขณะที่น้ำผึ้งทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนซึ่งค่าตอบแทนดีกว่า เธอเคยชวนเพื่อนสนิทให้ไปทำงานด้วยกัน แต่ม่านมุกนั้นเข็ดกับสังคมโรงพยาบาลที่ต้องทำงานร่วมกับคนเยอะๆ เธอจึงได้ปฏิเสธไป และมองหางานตามคลินิกแทน
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่น้ำผึ้งจะเดินเข้ามาในห้อง เธอวางถุงเสื้อผ้าลงบนพื้น ก่อนกระแทกตัวนั่งลงบนเตียง
“เป็นอะไร”
ม่านมุกเอ่ยถามเพื่อนสาว ก่อนที่อีกฝ่ายจะชี้ไปยังถุงผ้าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบเนือย
“ฉันใส่ไม่ได้”
“อ้าว ไหนเอามาดูสิ”
ได้ยินเช่นนั้นม่านมุกก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนที่เธอจะรับซื้อเอาไว้เอง โชคดีที่อีกฝ่ายใส่ไม่ได้แค่ห้าหกตัวเท่านั้น เธอจึงซื้อไว้ทั้งหมดเพราะเห็นว่าเป็นไซส์เดียวกับที่เธอใส่ได้พอดี