ตอนที่ 3/2
ตอนที่ 3/2
'คุณหนิงกลับมาแล้วนะครับ เพิ่งถึงคอนโดฯ ตอนสองทุ่ม เห็นว่าคุณยุทธให้อยู่ทำโอทีต่อครับ'
'เหรอ แล้วกลับยังไง?'
'มีโรลสลอยด์คันสีดำมาส่งครับ ผมไม่รู้ว่าเป็นของใคร'
ธาฎาใช้เวลาขับรถกลับมาที่กรุงเทพฯ ภายในไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง วันนี้แม้จะเป็นวันอาทิตย์ก็จริงอยู่ ทว่าสำหรับคู่หมั้นสาวของเขาแล้วการรับบทบาทเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลนั้นแทบจะไม่มีเวลาหยุดอย่างชาวบ้านเขานัก
ดังนั้นจึงต้องออกจากเขาใหญ่แต่เช้ามืดด้วยกันทั้งคู่
“ขับรถดีๆ นะคะทิม วันหยุดก็นอนเต็มที่ล่ะ อย่าออกไปเที่ยวไหนเชียว”
คนสั่งว่าอย่างไม่จริงจังทั้งยังเตรียมท่าลงจากรถ อันที่จริงหากคู่หมั้นหล่อนจะออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ขอเพียงแค่ไม่นอกลู่นอกทางก็พอ
หน้าโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่ แพทย์หญิง บุษบา รักษ์สุขเกษม รับหน้าที่เป็น ผอ. ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ทั้งยังเป็นเจ้าของมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ถือหุ้นในโรงพยาบาลทั้งหมด นับว่าท่านมีสิทธิ์อำนาจในการตัดสินใจมากกว่าใครทั้งหมด
ว่าที่สะใภ้ในอนาคตก็เป็นศัลยแพทย์ทรวงอก คุยเรื่องเดียวกันรู้เรื่องเข้ากันกับนางบุษบาแทบหาที่ติไม่ได้ ส่วนว่าที่เขยของทางฝั่งนั้นก็ใช่ย่อย จะพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตก็เข้าขากันกับนางพิมพ์มุกได้อย่างดี
เรียกได้ว่าตบแต่งกันไปก็เห็นทีจะมีแต่ได้กับได้
“เจอกันวันจันทร์เลยนะแพร”
“โอเคค่ะ ไม่ต้องมารับนะ เดี๋ยวแพรเข้าไปหาที่โรงแรมเลย”
“…” คนนั่งอยู่หลังพวกมาลัยพยักหน้าตอบ ขณะที่อีกฝ่ายก็เก็บกระเป๋าก้าวขาลงจากรถพร้อมกันมืออีกข้างที่ถือเสื้อกาวน์เตรียมเข้างาน
แพรไหมไม่ได้พักอยู่กับธาฎา อาจจะมีบ้างที่ทั้งคู่นอนค้างอ้างแรมกัน แต่ก็จะเป็นคอนโดฯ ของฝ่ายหญิงมากกว่าที่พวกเขาใช้เวลาร่วมกัน
ธาฎามีอสังหาฯ หลายแห่ง หล่อนเคยไปอยู่ 1-2 แห่งเท่านั้น หล่อนคิดเสมอว่าที่อยู่ที่หล่อนเคยไปนั้น จะเป็นที่พักหลับนอนหลักของชายหนุ่มคู่หมั้น ทว่าหารู้ไม่... ธาฎามีที่หลับนอนหลักคืออีกแห่งนั่นเอง
หลังจากที่ส่งแพรไหมเข้าทำงานเสร็จสิ้น เจ้าของรถสปอร์ตราคา 39 ล้านเศษ ก็ขับมาที่คอนโดฯ แห่งหนึ่งย่างดังแถวสาทร แพรไหมไม่เคยมาที่แห่งนี้ จึงไม่มีทางรู้ ...หรืออาจจะรู้
แน่นอนว่าจะเป็นอย่างแรกหรือว่าอย่างหลังก็ช่าง เขาไม่สน ตราบใดที่ยังไม่ได้แต่งงาน เขามีสิทธิ์ใช้ชีวิตตามใจตนเอง ในแบบที่เขาต้องการ อีกอย่างคนบ้างานวันๆ อย่างแพรไหม นอกจากโรงพยาบาลกับห้องพักแล้ว หล่อนแทบไม่โผล่หน้าไปไหนเลยด้วยซ้ำ
และนั่นคือโอกาสของเขาที่จะใช้ชีวิตแบบอิสระ
อิสระที่เขาต้องการคือการได้ปลดปล่อยความสุขจากใครอีกคน ที่แพรไหมเองก็ให้แบบนี้กับเขาไม่ได้
นันนลินทร์คือคนนั้นที่ถูกเลือก หล่อนเป็นดั่งดอกไม้งามที่เขาเด็ดเอามาใส่แจกัน เปลี่ยนน้ำใส่ปุ๋ยให้มันทุกๆ วัน เพื่อที่จะให้มันอยู่กับเขาให้นานที่สุด
ดอกไม้ริมทางดอกนี้มันอดทน ตายยาก... และดูแลง่าย
ตัดภาพมาที่อีกด้าน ภายในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ห้างฯ หรูที่เพิ่งถูกสร้างได้ไม่นาน มีร้านค้าแบรนด์เนมหลายเจ้าเช่าพื้นที่ทำกำไรกับนักช้อปกระเป๋าหนัก หนี่งในลูกค้าวีไอพีของร้านแบรนด์เนมเหล่านี้ก็มีชื่อของนนทวัฒน์ติดอยู่ทุกร้าน
แน่นอนว่าเขาเป็นนักลงทุนรุ่นใหม่ การซื้อแบรนด์เนมของเขาไม่ใช่การฟุ่มเฟือยแต่อย่างใด ทว่ามันคือการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่เขาเองมองเห็นโอกาสของตลาดนี้ว่ามันจะเติบโตทำกำไรให้แก่เขาอย่างมากเลยทีเดียว นอกจากเขาจะซื้อเพื่อเกร็งกำไรแล้ว อีกหนึ่งอย่างเลยคือซื้อเป็นของขวัญให้แก่คนรู้จัก
และวันนี้ที่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากนันนลินทร์ ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องการอยากจะได้นาฬิกาไปฝากน้องสาวที่เพิ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัยมาหมาดๆ แต่อีกส่วนที่สำคัญมากเหนือกว่าเรื่องของน้องสาวก็คือการได้กระชับความสนิทกับสาวสวยข้างกายคนนี้ต่างหาก
“น้องคุณนนท์ชอบแนวไหนเหรอคะ?”
นันนลินทร์มองดูนาฬิการาคาแพงในตู้กระจกอย่างตาเป็นประกาย เพียงแค่ที่ถูกสุดในร้านนี้ก็ปาไปหลักแสนแล้ว เงินเดือนหล่อนทั้งเดือนก็ไม่เพียงพอซื้อของแบบนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้มายืนเลือกของในร้านแบรนด์เนมราคาแพงแบบนี้ แต่ถ้าถามว่าของแพงแบบนี้หล่อนมีบ้างไหม ตอบเลยว่ามี ทว่าก็ยังไม่เคยใส่และไม่เคยออกมายืนเลือกซื้อเอง โดยปกติธาฎาเขาจะสั่งซื้อให้เองแล้วให้พนักงานมาส่งถึงที่ นันนลินทร์จึงไม่เข้าใจอารมณ์ที่ต้องมายืนเลือกซื้อของราคาแพงแบบนี้ด้วยตัวเอง
Patek Phillippe แบรนด์นี้หล่อนมีอยู่สองเรือน ไม่ทราบว่าราคาเท่าไหร่ เพราะไม่เคยถามคนซื้อให้ ทว่าวันนี้หล่อนมายืนถึงหน้าร้านแล้ว ถึงได้รู้ว่ารุ่นที่หล่อนมีอยู่ในมือนั้นราคาเจ็ดแสนกว่าบาท กับอีกเรือนที่เพิ่งได้จากเขามาเมื่อไม่นานมานี้เป็นราคาเกือบสามล้านบาทตามที่โชว์เด่นในร้าน
นันนลินทร์ตาลุกเป็นประกาย นี่หล่อนเก็บนาฬิกาสองเรือนที่ธาฎาเคยซื้อให้รวมกันเป็นเงินเกือบสี่ล้านเชียวหรือ ถ้าเอามันมาขายแล้วซื้อบ้านสักหลังก็คงได้แล้ว
“คุณหนิงลองใส่เรือนนี้หน่อยไหมครับ”
“?” ใบหน้าสวยเอนเอียงเล็กน้อยเป็นเชิงสงสัย
“ข้อมือน้องสาวผมน่าจะประมาณไซส์ข้อมือของคุณหนิงได้”
“อ๋อ ค่ะ ลองใส่ก็ได้ค่ะ” ยืนมือออกมาให้อีกฝ่าย
นนทวัฒน์บรรจงสวมใส่นาฬิกาเรือนหรูให้นันนลินทร์อย่างระมัดระวัง มองดูดีๆ เขาชักจะเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่านาฬิกาเรือนนี้มันเหมาะกับน้องสาวของเขา หรือเหมาะกับนางแบบจำเป็นคนนี้กับแน่
นันนลินทร์ผิวพรรณดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื้อผิวละเอียดเนียนนุ่ม ยิ่งใส่เรือนนี้ยิ่งดูมีสง่าราศีคุณนายจับ นาฬิกามันแพงด้วยชื่อเสียงของมันเองอยู่แล้ว พอมาอยู่บนข้อมือสวยยิ่งดูแพงขึ้นไปอีก จนพนักงาน SA ในร้านยังเอ่ยปากชม
“เรือนนี้ 2 ล้านปลายๆ ไซส์เล็ก ดูเหมาะกับคุณผู้หญิงมากเลยค่ะ”
“จริงสินะครับ” นนทวัฒน์เห็นดีเห็นงามด้วย
“ขอบคุณค่ะ”
“ดูเหมาะจนอยากจะเชิญให้คุณผู้หญิง ถ่ายรูปคู่นาฬิกาเรือนนี้ร่วมกับเคมเปญของเรา เพื่อรับของรางวัลเพิ่มอีกนะคะ”
“มีของรางวัลด้วยหรอคะ?”
แม้จะไม่ได้เป็นคนซื้อใส่เอง แต่ก็ตาลุกวาวได้ เมื่อได้ยินเรื่องของแถมจากพนักงานในร้าน
“ใช่ค่ะ แค่อัพฯ รูปลงเพจร้านเราเอง ถ้าเกิดว่ารูปที่คุณผู้หญิงถ่ายลงนั้นได้รับยอดไลค์สูงสุดภายในสามวันหลังโพส แข่งกับรูปของลูกค้าท่านอื่น หากชนะ เราจะส่งของรางวัลเป็นแหวนเพชรคาร์เทียร์ 0.02 กะรัต ไปให้ถึงบ้านเลยค่ะ”
“….” 0.02 กะรัตนี่มันราคาเท่าไหร่กันนะ แต่คาดว่าระดับนี้คงต้องแพงแล้วแหละ
“จะเป็นเรือนนี้ค่ะ ที่แถม” พนักงาน SA ชี้หลังจากที่เห็นสีหน้าชวนสงสัยจากนันนลินทร์
“เก้าหมื่นสามพัน!? 0_0!” สาบานได้ว่านี่คือแค่ของแถม คาร์เทียร์ไวท์โกลน้ำหนัก 0.02 กะรัต มีราคาเก้าหมื่นกว่าบาทเชียวหรือ
ส่วนนนทวัฒน์ก็ได้แต่ยืนยิ้มกรุ่มกริ่ม เอ็นดูในความตาลุกวาวของใครอีกคนที่ตื่นเต้นกับของแถมราคาแพง
“ผมตามใจคุณหนิงครับ อยากถ่ายก็ถ่าย”
“ถ้าหนิงชนะ คุณนนท์ต้องให้หนิงนะคะ” พูดแซวไปแบบขำๆ ทว่าใจจริงก็คืออยากได้นั่นแหละ
“เอาสิครับ” ร่างสูงผายมือเชิญให้นางแบบจำเป็นเดินไปยังหน้าเซ็ทกล้องที่ทางร้านจัดเตรียมไว้
ท้ายที่สุดแล้ว หล่อนก็ยอมให้ร้านถ่ายรูปตัวเองลงในเพจพร้อมกับนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือที่ยืมใส่
ส่วนหลังจากนั้นก็ต้องตกเป็นของเจ้าของที่แท้จริงคือน้องสาวของนนทวัฒน์ ส่วนหล่อนก็รอลุ้นของกำนันจากร้าน และคิดว่าหลังจากวันหยุดผ่านพ้นไป คงต้องบอกให้เพื่อนร่วมงานช่วยกันกดไลค์กดแชร์รูปในเพจของร้าน เพื่อของรางวัลที่หล่อนตั้งใจอยากได้