บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 เด็กแสบ 2

ร่างสูงเดินออกจากห้องไปแล้ว หล่อนก็นอนคว่ำรอ…รอจนเกือบจะหลับ ประตูก็เปิดออกอีกครั้งก่อนที่เสียงฝีเท้าจะเดินเข้ามา…หล่อนเดาได้โดยไม่ต้องหันไปดูว่าจะต้องเป็นกิษฎีอย่างแน่นอน

“มาแล้วเหรอข้าวกล้อง ทายาให้น้าหน่อยนะ”

เด็กชายหน้างอ ในมือคือหลอดยาบรรเทาอาการปวดชนิดร้อนที่พ่อหามาให้ เขาเดินกระแทกส้นเท้าขึ้นเตียงมานั่งจุมปุกข้างๆหญิงสาว เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพ่อต้องพาผู้หญิงคนนี้มาอยู่ด้วย หรือคิดจะให้เป็นแม่คนใหม่ของเขา

“เอ้า…ทาเร็วๆสิ น้าปวดหลังจะแย่อยู่แล้ว” หญิงสาวเร่ง ขณะที่ใบหน้ากลมแป้นของกิษฎีเริ่มมีแววเจ้าเล่ห์ผุดพราย เมื่อเลิกเสื้อของมิลันตีขึ้นสูง เปิดฝาหลอดออกแล้วบีบครีมสีขาวมาป้ายหลัง บีบจนเกือบหมดหลอด แล้วใช้ก้นหลอดละเลงยาจนทั่วแผ่นหลังโดยไม่ยอมใช้มือตัวเองทาให้

สุดท้าย มิลันตีจึงแทบร้องจ๊าก เพราะความร้อนของยาที่ทำให้หล่อนแสบผิวไปหมด

“ข้าวกล้อง ! แกล้งน้าเหรอ”

เด็กชายยิ้มร่า กระโดดลงจากเตียง โยนหลอดยาที่โดนบีบจนแห้งเหือดใส่หล่อน จากนั้นก็พูดด้วยประโยคที่ยาวกว่าเคยว่า

“สมน้ำหน้า !” พูดเสร็จก็วิ่งปร๋อหนีไป ทิ้งให้หล่อนนอนหน้าแดงก่ำที่โดนเด็กแกล้งอยู่ตามลำพังคนเดียว

ความร้อนที่รุมเร้า ทำให้ผิวด้านหลังของหล่อนเริ่มแดงระเรื่อ สุดจะทนไหวจึงต้องเข้าห้องน้ำ ถอดเสื้อเหวี่ยงทิ้งแล้วเปิดฝักบัวราดรดตัว แต่ยิ่งโดนน้ำ หล่อนก็ยิ่งแสบ…แสบจนทนแทบไม่ไหว

“มิลันตี ผมเอาข้าวมาให้คุณกินบนห้อง อ้าว…หายไปไหนแล้วล่ะ” กฤษกรถือถาดอาหารเข้ามาในห้อง พลางกวาดตามองไปรอบๆแต่ไม่พบเงาของหญิงสาว

ชายหนุ่มวางถาดข้าวลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วเดินไปดูที่ห้องน้ำซึ่งไม่ได้ล็อกกลอน พอเปิดประตูออกก็เห็นร่างบางยืนเปลือยท่อนอก เนื้อตัวมีหยดน้ำเกาะพราว…เห็นถันคู่อวบชูชันรับน้ำแล้วชายหนุ่มก็ถึงกับลอบกลืนน้ำลาย

“ว้าย !” หญิงสาวสะดุ้งโหยง ถอยหลังกรูด รีบดึงเสื้อบนราวมาปิดหน้าอกอย่างรวดเร็ว “จู่ๆเข้ามาทำไม โรคจิต”

“พูดอย่างกับว่าผมไม่เคยเห็นของคุณงั้นแหละ แล้วเป็นอะไร ทำไมถึงไม่นอนพัก”

“ฉันร้อนหลังค่ะ ข้าวกล้องทายาให้เกือบหมดหลอด รู้สึกแสบๆผิวเลยเปิดน้ำราด” หล่อนตอบเสียงอุบอิบ หันหลังแล้วสวมเสื้อปิดบังสิ่งพึงสงวนให้รอดพ้นจากสายตาวาววับของเขา

“เอาอีกแล้วเด็กคนนี้” ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอา “คราวก่อนก็อาละวาดจนพี่เลี้ยงแทบลาออกไม่ทัน ไม่คิดว่าจะหาเรื่องแกล้งคุณด้วย”

“ช่างเถอะค่ะ”

“จะปล่อยไปโดยไม่สอนคงไม่ได้ ข้าวกล้องควรจะรู้ว่าสิ่งไหนควรทำ และสิ่งไหนไม่ควรทำ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเครียด ก่อนผลุนผลันออกจากห้องน้ำไป “คงต้องตีสั่งสอนบ้างแล้วมั้ง ตามใจมานานไม่เคยตีสักแปะแล้วยิ่งได้ใจ เห็นทีว่าคราวนี้คงต้องตีบ้าง ไม่งั้นคงไม่จำ”

มิลันตีเบิกตากว้าง หล่อนถลันวิ่งตามเขา แม้จะยังเจ็บๆหลังอยู่บ้างแต่เพราะได้รับยานวดในปริมาณมากทำให้กล้ามเนื้อเริ่มผ่อนคลาย หล่อนวิ่งตามเขาเข้าไปในห้องอาหาร เห็นกิษฎีกำลังนั่งทานข้าวกับอัญชรีย์ สีหน้าเด็กชายดูเลื่อนลอย นั่งตัวลีบเหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ยิ่งเห็นคนเป็นพ่อถือไม้เรียว หน้าถมึงทึงเข้าไป ตากลมสีน้ำตาลยิ่งเบิกกว้างแสดงออกชัดถึงความตระหนก

“ข้าวกล้องแกล้งน้ามิ้วใช่ไหม”

“…” ไม่มีคำตอบจากกิษฎี นอกจากเสียงหวานๆของอัญชรีย์ที่ร้องถาม

“อะไรกันคะคุณกล้า”

“นับวันข้าวกล้องจะยิ่งร้าย โรงเรียนก็ไม่ยอมไป แถมจ้างพี่เลี้ยงมากี่คนๆ ก็ยังไปแกล้งจนพี่เลี้ยงขอลาออกจนหมด เด็กอะไร…ร้ายจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว”

กิษฎีตัวสั่น น้ำตาคลอหน่วย ได้แต่เม้มปากแน่น ไม่เถียงสักคำ และนั่นก็ยิ่งทำให้กฤษกรโมโหมากกว่าเดิม

“ทำไมไม่พูด…เป็นใบ้เหรอไง ตอนเด็กๆก็ออกจะน่ารักช่างพูด แต่พอโตมากลับเป็นใบ้ มันน่านัก !”

“ใจเย็นๆค่ะคุณข้าวกล้า ลูกกลัวจนตัวสั่นแล้ว ไม่เห็นหรือไง” มิลันตีพูดขัดขึ้นเพื่อเตือนสติให้เขาใจเย็นลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel