บทที่ 2 ฉันยังไม่อยากเสียสาว 1
บทที่ 2
ฉันยังไม่อยากเสียสาว
ทันทีที่รถยนต์ราคาแพงสีดำสนิทเลี้ยวเข้าจอดในอาณาเขตกว้างขวางอันเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์หลังมหึมา มิลันตีก็ถึงกับตาค้าง เขาต้องไม่ใช่เศรษฐีธรรมดาแน่ๆ น่าจะเรียกว่าอภิมหาเศรษฐีมากกว่า
ลูกน้องของเขาขับรถตามหลังมา พอจอดรถแล้วก็พากันหิ้วสัมภาระของหญิงสาวเข้าไปเก็บในตัวบ้าน ส่วนกฤษกรก็สั่งหล่อนห้วนๆว่า
“ถึงแล้วก็ลงไปสิ ผมคงไม่บริการลงไปเปิดประตูรถให้คุณหรอก ไม่ต้องรอ”
หล่อนค้อนขวับ ลงจากรถด้วยกิริยาปั้นปึ่ง ขณะที่เขาตามลงมา เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างป้อมของเด็กชายวัยหกขวบวิ่งถลาเข้ามาหาด้วยสีหน้ายินดี แต่พอเหลือบตามาเห็นหล่อน ท่าทางดีใจเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเหมือนไม่พอใจ
“ข้าวกล้อง ยายคนนี้ชื่อยายมิ้วนะลูก จะมาอยู่กับเราที่บ้านชั่วคราว ไหว้ผู้อาวุโสเสียสิครับ” ชายหนุ่มก้มตัวต่ำ บอกกิษฎี แล้วทำท่าบุ้ยใบ้ไปทางหญิงสาวที่ยืนหน้าตึงอยู่
“นี่ๆคุณ ฉันไม่ได้แก่พอจะเป็นยายของเด็กคนนี้ได้นะ” มิลันตีติง แล้วหันไปมองเด็กชายพลางคลี่ยิ้มหวาน “เรียกพี่มิ้วก็ได้นะจ๊ะว่าแต่หนูชื่อข้าวกล้องเหรอ ชื่อน่ารักจัง”
“…” เงียบ นอกจากจะไม่ตอบแล้ว กิษฎียังมองหล่อนด้วยสายตาตำหนิ…เอ๊ะ นี่หล่อนไปทำอะไรให้เด็กไม่ชอบหน้าตอนไหนกัน ?
“ข้าวกล้องเป็นลูกชายของผมเอง” กฤษกรอธิบาย เล่นเอาหญิงสาวถึงกับตะลึง ยกมือปิดปาก ทำตาโต
“ต๊าย ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณมีครอบครัวอยู่แล้วยังมักมากอีก”
“หยุดเลยนะ” เขาชี้หน้าหล่อนเป็นเชิงปราม “อย่าพูดเรื่องนั้นต่อหน้าลูกผม”
หล่อนหุบปากฉับ ยกมือปิดปากแล้วพยักหน้า…นั่นสิ อย่าให้เด็กคนนี้รู้จะดีกว่าว่าพ่อของเขาคิดจะมีเมียเก็บ !
“ผมแต่งงานกับรุ้งพราวเมื่อ 7 ปีก่อน แม่เป็นคนเลือกคู่ครองให้ ช่วงนั้นผมมัวสร้างเนื้อสร้างตัว ไม่มีเวลาให้รุ้งพราว เธอเลยไปจากผมตอนข้าวกล้องอายุแค่ 2 ขวบ” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงต้องอธิบายให้หล่อนฟังด้วย
และเหมือนเด็กชายจะรู้ดีในสิ่งที่คนเป็นพ่อเล่า เพราะมือป้อมจับชายเสื้อกฤษกรไว้แน่นแล้วเบะหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ ขณะที่ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวเริ่มอ่อนแสงลง
ถึงจะหมั่นไส้กฤษกร แต่กิษฎีช่างน่าสงสาร ต้องขาดแม่ตั้งแต่ยังเล็ก แววตาคู่กลมที่ควรสดใสตามวัยเด็กก็หม่นเศร้าเหมือนมีความทุกข์มากมาย
“ข้าวกล้องเรียนชั้นไหนแล้วเอ่ย ?” หล่อนถาม พลางทรุดนั่งยองๆแล้วยิ้มกว้างประดุจนางงามผู้แสนรักเด็ก ทว่าเด็กชายกลับหลบเข้าหลังบิดาแล้วโผล่หน้ามาว่าหล่อนหนึ่งคำ แถมเป็นคำที่ทำให้หล่อนนึกฉุนไม่น้อย
“ยักษ์ ! ”
อะไรนะ… เด็กคนนี้มองนางฟ้าอย่างหล่อนเป็นยักษ์อย่างนั้นหรือ ?
“ข้าวกล้อง” กฤษกรเรียกชื่อบุตรชายหนักๆ “อย่าพูดตรงนักสิลูก เดี๋ยวป้าเขาก็โกรธหรอก”
“ใครเป็นป้ามิทราบ บอกว่าฉันเป็นพี่มิ้วไง คุณนี่ยังไงนะ เดี๋ยวให้ฉันเป็นยาย เดี๋ยวให้เป็นป้า ฉันอายุแค่ 22 นะ เทียบแล้วยังเด็กกว่าคุณเยอะ มาว่าคนอื่นไม่ดูตัวเองบ้างเลย ตาแก่เอ้ย !”
ฟังหล่อนโต้กลับแล้ว ชายหนุ่มก็ถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิด หล่อนเป็นคนแรกเลยจริงๆที่กล้าวิจารณ์ว่าเขาแก่…หน็อย
“คุณควรทำตัวให้สมเป็นทาสผม”
“ฉันไม่ใช่ทาสของคุณนะ” หญิงสาวแหว ซึ่งเขาก็กระตุกยิ้มหยันแล้วพูดเบาๆพอให้ได้ยินกันเพียงสองคนว่า
“ลืมไปว่าคุณจะเป็นทาสของผมเฉพาะตอนอยู่บนเตียงเท่านั้น…”
มิลันตีหน้าแดงวาบ หล่อนเงื้อมือหมายจะฟาดหน้าคมสักครั้งให้สมกับที่เขากล้าพูดจาแบบนี้ใส่หล่อน แต่เขากลับไวกว่าเพราะมือใหญ่จับข้อมือหล่อนยึดไว้ได้ทัน คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงล้อเลียน
“ถ้าตบ ผมจูบจริงด้วย”
“กล้าจูบต่อหน้าลูกตัวเองเหรอไงคะ” หญิงสาวถามลอดไรฟัน และเขาก็ตอบเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลก
“ถ้าคุณกล้าตบ ผมก็กล้าจูบนั่นแหละ ถ้าอยากลองดีก็ตบสิครับ”
เขาท้าทาย เล่นเอาหล่อนถึงกับหน้าง้ำ ใครจะไปกล้าลองดีกับเขากัน ดูแววตาเขาสิ…เอาจริงเอาจังจนหล่อนไม่อยากเสี่ยง
หญิงสาวดึงมือออกจากเขา แล้วสะบัดหน้าพรืดไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งเขาก็หัวเราะเบาๆในลำคอ