บทที่ 4 ใส่ร้ายพ่อตัวเอง
“กาหลง ครั้งนี้คุณจะมาโทษลูกฝ่ายเดียวก็ไม่ได้นะ คำพูดของคุณไม่ชัดเจนเอง” พิสิฐหันไปพูดกับภรรยา
“คุณก็คิดว่าฉันผิดงั้นเหรอ?” กาหลงสั่นเพราะโมโห
พิสิฐกับมารุเห็นกาหลงถือด้ามไม้กวาดไว้แน่นก็รีบหาที่หลบภัยที่ปลอดภัยทันที
“อย่า! อย่าคิดลงไม้ลงมืออีกนะแม่” พิสิฐรีบห้าม
“พอกันเลยทั้งพ่อทั้งลูก นิสัยเหมือนกันไม่มีผิด” กาหลงพูดพร้อมกับขว้างไม้กวาดไปใส่ทั้งลูกและสามี
“อย่า! อย่าตีนะแม่” สองพ่อลูกตะโกนพร้อมกัน
“แม่พูดเองนะ ว่าให้ถอนออกให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่เส้นเดียว แล้วตอนนี้ทำไมแม่ถึงมาอารมณ์เสียแบบนี้ล่ะ” มารุตะโกนอย่างไม่พอใจในขณะที่วิ่งหนีไปด้วย
“ยัยเด็กโง่ ฉันบอกให้แกถอนหญ้าออกเท่านั้น แล้วแกไปถอนดอกไม้และพืชสมุนไพรทำไม” กาหลงฟาดไม้กวาดไปที่ขาของลูกสาว
“โอ๊ย! แม่! อย่าตีหนูสิ! หนูเจ็บนะ! หยุดตีหนูได้แล้ว!” มารุกระโดดไปมา เพื่อหลบการโดนตี
“กระโดดหลบได้ดีมากลูก” พิสิฐเอ่ยพร้อมกับหัวเราะ
“ก็หนูเป็นลูกของพ่อนี่” มารุตอบพร้อมกับกระโดดหลบการตีของผู้เป็นแม่ต่อไป
กาหลงได้ยินสองพ่อลูกพูดกันแบบนี้ก็ยิ่งโมโหเป็นฟืนเป็นไฟเข้าไปอีก “ดี! เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ!” ว่าแล้วก็ไม่ปล่อยโอกาสให้มารุได้หลบหนีการตีได้อีก
“โอ๊ย! แม่! หนูเจ็บแล้ว! แม่ตีพ่อบ้างสิ”
“อ้าว! พ่อไม่เกี่ยวนะ! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพ่อเลย” พิสิฐรีบหาทางรอด
“แกไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเปรียบพ่อแกหรอก เดี๋ยวพ่อแกก็จะโดนเหมือนกัน” ว่าแล้วก็จับไม้กวาดตีก้นลูกสาวต่อ
“ฮ่าฮ่าฮ่า...พ่อจะดูว่าลูกจะกระโดดหลบแม่ได้นานแค่ไหน” พิสิฐพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างขบขัน แม้จะรู้ว่าหลังจากนี้ตัวเองก็ต้องโดนเหมือนกัน แต่ตอนนี้ขอหัวเราะลูกสาวเอาไว้ก่อน
“พ่อยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า! เห็นลูกสาวถูกตีแล้วยังหัวเราะใส่อีก!” มารุตะคอกด้วยความโกรธ
“555 คิดซะว่าเป็นการออกกำลังกายนะลูก” พิสิฐตอบพร้อมกับหัวเราะ
“แม่! แม่ตีพ่อสิ! แม่รู้ไหม ว่าเวลาที่พ่อออกไปข้างนอกทีไร ก็มักจะมองผู้หญิงสาว ๆ สวย ๆ อยู่เสมอเลย พ่อยังพูดอีกว่า อยากจะแต่งงานกับผู้หญิงพวกนั้น เพราะเบื่อเมียแก่ ๆ แบบแม่แล้ว” มารุพูดเพื่อจงใจยั่วแม่ของเธอ เลยหยิบเอาคำพูดของคนอื่นมาพูด
“นี่! นี่แกพูดอะไรน่ะ พ่อเคยพูดแบบนั้นที่ไหน” พิสิฐเถียง ร่างกายเริ่มอยู่ไม่นิ่งแล้ว
กาหลงหันมามองสามีอย่างอาฆาตทันที “พิสิฐ! ไอ้สามีเลว!” แล้วไม้กวาดก็ถูกโยนไปใส่พิสิฐทันที
“ย๊ากกกก!!! มารูโกะ! เจ้าเด็กแสบ! แกใส่ร้ายพ่อของแก!” พิสิฐตะโกนใส่ลูกสาวพร้อมกับวิ่งไปรอบสนามหญ้าหน้าบ้านเพื่อหลบหนีการตีของภรรยา
“555 ก็ถือเสียว่าเป็นการออกกำลังกายนะคะพ่อ” มารุพูดเอาคืนบ้าง
“แม่! หยุดไล่ตีพ่อได้แล้ว! พ่อไม่เคยพูดแบบนั้นเลยนะ! แม่อย่าใช้ความรุนแรงในครอบครัวแบบนี้สิ!” พิสิฐตะโกน ทั้ง ๆ ที่ยังวิ่งหนีด้ามไม้กวาดของภรรยาอยู่
“อย่ามาแก้ตัว!”กาหลงตะโกนไล่ตามหลังสามี “ฉันยังไม่ตาย แต่คุณยังกล้าคิดจะไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นแล้วเหรอ? ฝันไปเถอะ!” การหลงตะโกนเสียงสูง
“ไม่จริงเลยนะแม่! พ่อไม่เคยพูดแบบนั้น! เด็กนั่นมันโกหก คุณอย่าไปเชื่อเด็กโกหกคนนั้นเด็ดขาด” พิสิฐพูดอย่างเหนื่อยหอบ
“ลูกสาวของคุณทั้งซื่อบื้อและโง่เขลาขนาดนั้น พูดอะไรก็ตรงไปตรงมา คุณคิดว่าลูกสาวคุณชอบพูดโกหกงั้นเหรอ? คุณจะมากล่าวหาว่าลูกของฉันเป็นคนพูดโกหกเหรอ?”
หลังจากที่กาหลงตะโกนใส่สามีอย่างโมโห ก็ได้ยินเสียงของหม้อและกระทะถูกขว้างปาอย่างเสียงดัง
เคล้ง…คล้าง..ปร้าง…เปล้ง…….
มารุได้ยินเสียงการต่อสู้และทะเลาะกันของพ่อแม่ก็หัวเราะอย่างมีความสุข เพราะมันเป็นเรื่องปกติสำหรับเธออยู่แล้ว ทุกครั้งที่พ่อและแม่ของเธอทะเลาะกัน ก็มักจะตีกันและโยนข้าวของเครื่องใช้ไปทั่วครัวอยู่เป็นประจำ
“ฮ่า..ในที่สุดฉันก็รอดตัว” มารุพูดพร้อมกับก้าวขาออกจากบ้าน
“มารูโกะะะะะะะะะะะะะะ แกได้เจอดีกับฉันแน่..........” พิสิฐตะโกนตามหลังลูกสาวออกไป จนเสียงของเขาได้ยินไปไกล 7-8 บ้านเลยทีเดียว