บทที่ 2 ถูกทำโทษ
“แกไปไหนมา! ถึงพึ่งกลับมาเอาตอนนี้ นี่มันจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว เดี่ยวนี้แกเหลวไหลใหญ่แล้วนะ” แม่ของมารุตวาดเสียงสูง
“ก็หนูไปซื้ออาหารตามที่แม่สั่งไง” เธอตอบ โดยที่ยังยืนหลบอยู่หลังประตู เวลานี้ต้องรักษาระยะห่างเอาไว้เป็นดีที่สุด
“อ๋อ..ซื้ออาหารเหรอ? แล้วอาหารที่แกว่าอยู่ไหน?”
“ก็ข้างนอกฝนตกหนัก จึงไม่มีร้านไหนขายอาหารเลยสักร้าน” เธอพูดแก้ตัว
“แล้วทำไมแกไม่รีบกลับบ้าน ทำไมถึงกลับบ้านเอาป่านนี้”
“ก็ที่ถนนมีต้นไม้ล้มขวางทางอยู่น่ะสิ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงปิดถนนเพื่อช่วยกันตัดกิ่งไม้ออก และไม่ให้ใครผ่านไปทางนั้น” เธอบอก เพราะตอนที่เดินทางกลับบ้าน มีชาวบ้านหลายคนช่วยเจ้าหน้าที่เก็บกวาดกิ่งไม้กันอยู่ จึงได้รู้เรื่องนี้เข้า เลยเก็บมาแก้ตัวเอาซะเลย
“ทำไมแกไม่เดินอ้อมไปทางอื่นล่ะ”
“โธ่..แม่! ก็หนูบอกแล้วไงว่าเจ้าหน้าที่เขายังไม่ให้เดินผ่านแถวนั้น เพราะต้นไม้ล้มทับเสาไฟฟ้าอยู่ พวกเขากลัวว่าจะมีคนถูกไฟดูด”
“แกคิดว่าแม่โง่หรือไง คนอย่างแกจะหาทางกลับบ้านไม่ได้เลยจริง ๆ เหรอ” แม่ของเธอยังด่าว่าไม่หยุด
“นี่..นี่ มีอะไรกันเหรอแม่! มันดึกมากแล้วนะ เดี๋ยวข้างบ้านเขาก็ว่าให้หรอก” ชายวัยกลางคนเดินออกจากบ้านมา
“คุณสิฐ คุณก็ดูที่ลูกสาวของคุณทำเถอะ หายออกจากบ้านไปตั้งแต่ 6 โมงเย็น และพึ่งจะกลับมาเอาตอนนี้เนี่ย แล้วดูเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดนั้นอีก ถ้าวันนี้ฉันไม่สั่งสอนให้หลาบจำเสียบ้าง วันหน้าคงจะเหลวไหลไปมากกว่านี้แน่ ไม่รู้ว่าไปก่อเรื่องอะไรที่ไหนมาบ้าง” แม่ของเธอพูดอย่างฉุนเฉียว
“โธ่..แม่!..หนูก็บอกแล้วไงว่าบนถนนมีต้นไม้ล้มทับอยู่ ทำไมแม่ไม่เชื่อหนูล่ะ อีกอย่างที่เสื้อผ้าหนูเปื้อนเลือดก็เพราะช่วยคนที่ได้รับบาดเจ็บเอาไว้นะ” มารุเถียงกลับอย่างฉุนเฉียวเหมือนกัน
“มารูโกะ พ่อว่าลูกรีบไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ตากฝนมาจนเสื้อผ้าเปียกไปหมดแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” พิสิฐบอก
“ค่ะพ่อ แต่พ่ออย่าปล่อยให้แม่โยนกระทะบินมาใส่หัวหนูนะ”
“เอ่อ รีบ ๆ ไปอาบน้ำซะ”
“วันนี้ฉันจะปล่อยแกไปก่อน หากยังมีครั้งหน้าอีก ฉันจะเอาเลือดหัวแกออกแน่” แม่ของเธอคาดโทษเอาไว้อย่างหนักแน่น
“ดุร้ายเหมือนเสือโคร่งเลย ไม่รู้ว่าทำไมคุณพ่อถึงหาผู้หญิงที่ดุร้ายแบบนี้มาเป็นเมียนะ” เธอบ่น
วันต่อมา
“บอส เป็นยังไงบ้างครับ?” ธามเอ่ยถาม ซึ่งเขาเป็นทั้งเลขาและผู้ช่วยส่วนตัวของไคล์
“ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน?” เขาถามขณะนอนอยู่บนเตียง
“ผู้หญิง? ผู้หญิงที่ไหนกันครับ? ตอนที่ผมมาถึงก็ไม่เห็นมีใครเลยนะครับบอส” ธามยืนงงอยู่ข้างเตียง
“ไปจัดการกับไอ้พวกนั้นให้เรียบร้อย แล้วส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจซะ” เขาสั่ง
“ครับ” ธามตอบรับ
“ส่วนเด็กผู้หญิงคนนั้น เธอชื่อมารูโกะ”
“รับทราบครับ ผมจะไปตามหาเธอ”
“คุณแม่รู้ไหมว่าฉันอยู่โรงพยาบาล”
“ไม่รู้ครับ เพราะผมก็ไม่กล้าบอกท่านเหมือนกัน”
“ดีแล้ว อย่าให้ใครรู้ว่าฉันรักษาตัวอยู่ที่นี่ Frogatt Group อาจตกอยู่ในความเสี่ยง หากพวกศัตรูรู้ว่าฉันได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าใครเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกันแน่”
“เข้าใจแล้วครับ ตอนนี้ผมก็กำลังตามสืบคนพวกนี้อยู่ ช่างไม่รู้จักสำนึกบุญคุณคนจริง ๆ เมื่อก่อนบอสเคยช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นวิกฤต แต่พวกเขากลับรวมหัวกันมาแทงข้างหลังคุณ” ธามรู้สึกเจ็บใจ
“หากตรวจสอบจนได้เรื่องแล้ว ก็จัดการตัดรายชื่อของพวกมันออกจาก Frogatt Group แล้วขึ้นแบล็คลิสพวกมันกับบริษัทการเงินทุกที่ด้วย”
“ผมจะรีบจัดการครับ แต่อีก 2 วัน บอสต้องบินไปที่เยอรมัน และตอนนี้บอสก็ยังได้รับบาดเจ็บอีก ผมว่าบอสเลื่อนออกไปก่อนดีมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง การประชุมครั้งนี้สำคัญมาก ฉันค่อยไปรักษาตัวต่อที่นั่นก็ได้”
เนื่องจากมารุทำให้แม่โกรธเพราะกลับบ้านดึก วันต่อมาเธอจึงถูกแม่ทำโทษให้ถอนหญ้า พ่อและแม่ของมารุมักจะเข้มงวดกับเธออยู่ตลอดเวลา เพราะเธอเป็นเด็กที่ชอบประมาทและมักก่อปัญหาเมื่ออยู่นอกบ้านเสมอ
“ถอนหญ้าให้หมดล่ะ” แม่ของเธอสั่ง
“รู้แล้ว” มารุตอบ พร้อมกับนั่งยอง ๆ และค่อย ๆ ถอนหญ้าออกทีละเส้น “แม่! ทั้ง ๆ ที่ที่บ้านเราก็มีอุปกรณ์ช่วยตัดหญ้าอยู่แท้ ๆ แล้วทำไมแม่ยังให้หนูมานั่งถอนด้วยมืออีกล่ะ”
“ให้แกถอนหญ้าด้วยมือของแกเองนั่นล่ะ ไม่งั้นจะเรียกว่าลงโทษได้ยังไง และทำให้มันสะอาดด้วยล่ะ”
“ก็แค่ถอนหญ้าเอง จะให้มันสะอาดเรียบร้อยไปทำไม ในเมื่อดอกไม้พวกนี้ก็เกะกะเหมือนกัน” มารุบ่น
“หากแกยังอยากมีชีวิตอยู่ ก็อย่าคิดแตะต้องดอกไม้ของฉันแม้เพียงดอกเดียวล่ะ”
“รู้แล้วน่ะแม่!” มารุลากเสียงยาว
“จำไว้! อย่าให้ฉันเห็นพวกวัชพืชพวกนี้ในสวนแม้แต่เพียงต้นเดียว ฉันจะให้เวลาแก 1 ชั่วโมงในการกำจัดพวกมัน ทำให้สะอาดหมดจดล่ะ” แม่ของเธอบอกแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน
“อะไรของแม่เนี่ย! เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าห้ามแตะต้องดอกไม้ของแม่ ตอนนี้ยังมาบอกว่าให้กำจัดพวกมันออกไปให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่เพียงต้นเดียวอีก สมองของแม่ยังดีอยู่หรือเปล่า หรือว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ไปแล้ว” มารุนั่งบ่นตามหลังแม่ของเธอไป