บทที่ 1 ช่วยชีวิต
ในคืนที่ฝนตกหนัก มีชายหนุ่มคนหนึ่งถูกไล่ล่าและได้รับบาดเจ็บสาหัส เขามีแผลถูกแทงที่ท้อง เขาคนนี้คือนักธุรกิจรายใหญ่ที่เป็นเจ้าของ Frogatt Group ซึ่งมีชื่อเสียงในเอเชียและยุโรป แต่ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าใครที่ต้องการชีวิตเขากันแน่ และมันเรื่องอะไรกันที่เขาถึงถูกตามฆ่า
“ตามไป! มันอยู่นั่น วันนี้ต้องฆ่ามันให้ได้เพื่อแก้แค้นให้ลูกพี่ของเรา” ชายคนหนึ่งตะโกน
“ไคล์ ฟรอกแกตต์ วันนี้เป็นวันตายของมึงแล้ว ยาที่มึงกินเข้าไปก็คงจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วล่ะ ถึงแม้ว่ามึงจะไม่ตายด้วยน้ำมือของกู แต่มึงก็ต้องดิ้นตายเหมือนปลาขาดน้ำเพราะยาอยู่ดี”
“พวกมึงคิดว่าจะฆ่ากูได้จริง ๆ เหรอ ยาของพวกมึงใช้ไม่ได้ผลกับกูหรอก” ไคล์กำลังฝืนกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ เขารู้ว่าในน้ำที่ดื่มไปมันมีกลิ่นแปลก ๆ เขาจึงจิบไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ฤทธิ์ยาตัวนี้คงจะแรงน่าดู เพราะมันทำให้เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปด้วย หากไม่เป็นเพราะเขาถูกวางยา ไอ้คนร้ายพวกนี้ก็ไม่คณามือเขาหรอก
“เป็นเพราะมึง! มึงทำให้ลูกพี่ของกูต้องตาย มึงบังคับให้เขาต้องฆ่าตัวตาย” เขาพูดอย่างโกรธแค้น
“เป็นเพราะลูกพี่ของพวกมึงล้มเหลวในการทำธุรกิจเองต่างหาก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกู เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้สิ จะให้ปล่อยไปเฉย ๆ ได้ยังไง” ไคล์ตอบกลับ เขาเอามือกุมท้องไว้ เลือดก็ยังไหลไม่หยุด ตอนนี้เขารู้แล้วว่าศัตรูคือฝ่ายไหน
“มึงไม่ต้องมาแก้ตัวหรอก พวกกูขี้เกียจฟังว่ะ วันนี้มึงต้องตายตามลูกพี่ของกูไป” ชายคนนั้นถือมีดเดินเข้ามาใกล้เขาเรื่อย ๆ
“คุณตำรวจ! รีบมาทางนี้ค่ะ ตรงนี้กำลังจะมีคนฆ่ากันค่ะ” จู่ ๆ ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงถนนและตะโกนร้องเสียงดัง
“เห้ย! ตำรวจมาเอาไงดี”
“ก็เพ่นก่อนสิว่ะ”
“วันนี้ถือว่ามึงโชคดีนะไอ้ไคล์ วันหลังกูจะมาเอาชีวิตมึงเพื่อล้างแค้นให้กับลูกพี่กูแน่” โจรคนหนึ่งว่าแล้วก็พากันเพ่นหนีไป
ไคล์เริ่มทนกับอาการบาดเจ็บไม่ไหว เขานอนคุดคู้ลงไปบนพื้นหญ้าอย่างทรมาน
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” หญิงสาวเข้ามาช่วยประคองเขาให้ลุกขึ้นนั่ง “ตอนแรกฉันนึกว่าคุณเป็นแกะเสียอีก ฉันเพ่งมองอยู่นานว่าคนพวกนั้นกำลังทำอะไร นึกว่าพวกเขากำลังไล่ตามจับแกะที่หลุดหนีมา แต่พอได้ยินพวกเขาบอกว่าจะฆ่าคุณ ฉันถึงรู้ว่าเป็นคนไม่ใช่แกะ” หญิงสาวร่ายยาว โดยยังไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้ากำลังได้รับบาดเจ็บ
“เธอเป็นใคร?” เขาถามแล้วพยายามจ้องมองใบหน้าหญิงสาว สายฝนที่ตกหนักก็ทำให้ตาเขาพร่ามัวและมองเห็นเธอไม่ชัด
“หนูชื่อมารุ แต่คนส่วนมากมักเรียกหนูว่ามารูโกะ พ่อกับแม่บอกว่าหนูดื้อและซนเหมือนตัวละครในการ์ตูนเรื่องหนึ่ง”
เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าเอามือกุมท้องไว้ เธอจึงเปิดมือเขาออกและเห็นว่าที่ท้องของเขามีเลือดไหลจำนวนมาก
“คุณบาดเจ็บเหรอ? แล้วนี่บ้านของคุณอยู่ที่ไหนคะ? คุณมีลูกหรือภรรยารึเปล่า? โทรศัพท์ของคุณอยู่ไหน? ฉันจะช่วยโทรติดต่อพวกเขาให้” มารุถามพร้อมกับไล่จับหามือถือตามกระเป๋าเสื้อและกางเกงของเขา
“ช่วย-ช่วยฉัน-” ไคล์พูดได้แค่นั้นก็หมดสติไป
“นี่! คุณแกะ! คุณตื่นก่อนสิ คุณอย่าพึ่งตายนะ! อย่างน้อยคุณควรบอกหนูก่อนว่าบ้านของคุณอยู่ที่ไหน หนูจะได้ส่งร่างของคุณไปให้ภรรยาและลูกของคุณได้ถูกที่” มารุพยายามตะโกนเรียกเขาให้ตื่น เธอก้มหัวไปแนบหน้าอกเขาเพื่อฟังเสียงหัวใจ
‘ยังไม่ตาย’ เธอจ้องมองหน้าเขา ‘จะว่าไปแล้วก็ยังไม่เคยเห็นใครมีหน้าตาที่หล่อเหลาเหมือนคุณเลยนะเนี่ย แล้วนี่คุณชื่ออะไร? และหนูจะไปขอความช่วยเหลือจากใครล่ะทีนี้ ฝนก็ตกหนักซะด้วย แถวนี้ก็ไม่ค่อยมีคนผ่านมาเสียด้วยสิ’ มารุบ่นพึมพำ
สุดท้ายแล้วมารุจึงต้องแบกร่างใหญ่ของไคล์ขึ้นหลังและวิ่งไปโรงพยาบาล เสื้อผ้าของมารุก็ถูกอาบไปด้วยเลือดสีแดงของเขา
“ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! มีคนถูกแทงที่ท้องและกำลังจะตายแล้ว!” มารุวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลพร้อมตะโกนเสียงดัง โชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลมาก เธอใช้เวลาวิ่งมาที่โรงพยาบาลอยู่ประมาณ 30 นาที
มารุเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่เหมือนใคร เธอตัวเล็กแต่ก็มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ เพราะฝึกซ้อมมวยทุกวัน และต้องแบกปูนที่มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัมวิ่งวันละ 10 กิโลเมตรอีกด้วย ดังนั้นไคล์จึงไม่ใช่ปัญหาของเธอที่เธอจะแบกเขามาส่งโรงพยาบาลได้อย่างสบาย
มารุส่งตัวไคล์ไปถึงมือคุณหมอแล้ว เธอนั่งรออยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดอย่างเหนื่อยล้า
“เห้อ..ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว และฉันก็ง่วงมากด้วยสิ ถ้าฉันไม่กลับบ้านคืนนี้ มีหวังว่าฉันคงถูกแม่ฆ่าตายแน่เลย แต่คุณแกะล่ะ ฉันก็ทิ้งเขาไปแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน เห้อ..ฉันขอนอนพักก่อนดีกว่า” มารุบ่นพึมพำแล้วล้มตัวลงนอนบนเก้าอี้ตัวยาว
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
หมอและพยาบาลก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด พวกเขาเห็นมารุนอนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับเสื้อผ้าที่เปื้อนไปด้วยเลือดก็รู้สึกตกใจ จึงเดินเข้าไปหาเธอ
“นี่! แม่หนู!” คุณหมอสะกิดแขนของเธอให้ตื่น
มารุลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับหาวไปฉากใหญ่ “อื่ม..คุณหมอ ทำไมคุณหมอถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ?” เธอยังคงสะลึมสะลือเพราะง่วงนอน
“นี่แม่หนู ที่นี่คือโรงพยาบาลนะ” หมอตอบอย่างสุภาพ พยาบาลก็แอบยิ้ม
“อ้อ! ใช่แล้ว! ที่นี่เป็นโรงพยาบาล แล้วคุณแกะล่ะคะ?” มารุถามหมอพร้อมกับดีดตัวขึ้นลุกนั่งทันที
“คนไข้เสียเลือดมาก ตอนนี้เขาปลอดภัยแล้วแต่ยังไม่ฟื้น” หมอตอบ
“เขาจะไม่ตายใช่มั้ยคะ?” เธอถามด้วยดวงตากลมโต
“ใช่ เพราะเขาถูกนำส่งมาโรงพยาบาลได้ทันเวลา ไม่งั้นก็คงไม่รอดเพราะเสียเลือดมากไป” หมออธิบาย “แล้วนี่หนูเป็นญาติของคนป่วยใช่ไหม”
มารุส่ายหัว “หนูไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าเขาเป็นใครด้วย หนูเจอเขาถูกทำร้ายที่ข้างถนน เลยแบกเขามาส่งที่นี่ค่ะ”
“เธอแบกเขามาเหรอ?” หมอรู้สึกประหลาดใจ
“ใช่ค่ะ หนูเพียงหวังว่าเขาจะไม่ตายแล้วกลับไปหาลูกและภรรยาอย่างปลอดภัยเท่านั้น”
“ที่แน่ ๆ หมอขอให้หนูตามหาครอบครัวเขาให้เจอนะ” หมอบอกแล้วเดินจากไป
“ก็หนูบอกว่าไม่รู้จักครอบครัวของเขาไงคะคุณหมอ แล้วจะให้หนูไปตามหาครอบครัวเขาจากที่ไหนล่ะ คุณหมอนี่ฟังรู้เรื่องมั้ยเนี่ย” เธอบ่นเบา ๆ ตามหลังคุณหมอไป
“ฉันหนีไปตอนนี้เลยดีกว่า ไม่งั้นโรงพยาบาลต้องมาเรียกเก็บเงินที่ฉันเป็นแน่ ฉันจะไปเอาเงินที่ไหนมาจ่ายให้เขาล่ะ อีกอย่าง ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าถ้ากลับบ้านไปแล้ว หม้อและกระทะจะบินมาตกใส่หัวของฉันหรือเปล่า” มารุคิด
เธอเดินออกมาจากโรงพยาบาล และใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็กลับมาถึงบ้าน เมื่อเธอเปิดประตูบ้าน ไม้กวาดก็บินตรงมาหาเธอทันที มารุรีบหลบไม้กวาดอย่างเร็ว เธอนึกว่ามีแม่มดบินมากับไม้กวาดด้วยเสียอีก
“แม่! นี่แม่จะฆ่าหนูหรือไง?” มารุเอ่ยพร้อมกับหลบไม้กวาดที่บินมาได้อย่างหวุดหวิด