รอยอดีต (100%)
พฤติกรรมเละเทะของวาเนสซ่า ทำให้ผู้นำตระกูลอย่างนายนาธาน ปิเอโร่ เกิดความอับอาย และไม่พอใจในตัวบุตรสาวบุญธรรมเป็นอย่างมาก จึงพยายามหาลูกชายมหาเศรษฐีมาจับคู่ดูตัว และบังคับให้เธอไปออกเดตด้วยครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะหวังจะให้กาฝากอย่างวาเนสซ่าเป็นฝั่งเป็นฝาและไปให้พ้นหูพ้นตา อีกทั้งยังหวังเรียกเงินสินสอดมูลค่ามหาศาลจากฝ่ายชาย ฉะนั้นเธอจึงต้องจำใจคบหากับผู้ชายทุกคนที่เข้ามาด้วยน้ำมือของบิดาบุญธรรม เพราะไม่อาจขัดคำสั่งได้ ทว่าสุดท้ายก็ต้องยุติความสัมพันธ์อันฉาบฉวยและน่าเบื่อหน่าย ทั้งที่ยังศึกษาดูใจกันไม่ถึงหนึ่งเดือนเลยด้วยซ้ำ นั่นก็เพราะว่าพ่อหนุ่มเหล่านั้น ต่างไม่เป็นโล้เป็นพาย และใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายตามสไตล์ลูกมหาเศรษฐี
จะยกเว้นก็แต่อภิมหาเศรษฐีหนุ่มผู้รวยล้นฟ้าและทรงอิทธิพลอย่างปีเตอร์ เจย์ลาสโคนี ที่สาวๆ ทั่วทั้งประเทศต่างเล่าลือกันให้แซดถึงกิตติศัพท์ความหล่อเหลาและลีลาขั้นเทพของเขา ซึ่งพ่อบุญธรรมไม่คิดจะจับคู่ให้กับเธอ เพราะนายนาธาน ปิเอโร่ ตั้งปณิธานไว้ว่าคนที่จะได้แต่งงานกับเจ้าพ่อค้าเพชรรายใหญ่ของโลกอย่างปีเตอร์ เจย์ลาสโคนี จะต้องเป็นแวนดี้ ปิเอโร่ ลูกสาวแท้ๆ ของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
วาเนสซ่า ปิเอโร่ สาวลูกครึ่งไทย-สวีเดน วัยยี่สิบห้าปี เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าสดใส ใบหน้าสวยหวานปนเซ็กซี่ เรือนกายสะโอดสะอง ส่วนเว้าส่วนโค้งทรมานใจชาย ซึ่งอยู่ในชุดเดรสยาวรัดรูปแขนกุดสีแดงเพลิง สวมทับด้วยสูทสีดำพอดีตัว กำลังนั่งจมปลักอยู่กับความคิดหมกมุ่นของตัวเอง อันเกี่ยวเนื่องไปถึงเรื่องราวในอดีต จนไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูและเปิดเข้ามาภายในห้องทำงานอย่างถือวิสาสะของเลขานุการมาดตุ้งติ้ง แต่หน้าตาหล่อจัด แถมยังหุ่นล่ำบึ้กยั่วน้ำลาย จนสาวๆ ที่พบเห็นอยากจะร้องไห้ เพราะนึกเสียดายในความเป็นชายของพ่อหนุ่มใจหญิง
แดเนียล เกรเกอร์ ยืนเท้าสะเอวกลอกตาไปมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังตกอยู่ในภวังค์จนไม่คิดจะสนใจโลกภายนอก ทนไม่ไหวจึงแสร้งทำเป็นเอามือเคาะโต๊ะเบาๆ สามครั้งติดกัน เพื่อเรียกสติของท่านประธานสาวแห่งบริษัทปิเอโร่จิวเวอรีแอนด์ดีไซน์ ให้กลับมาประทับร่างงดงามราวเทพธิดาอีกครั้ง แต่ทุกอย่างกลับไร้ผล
“ท่านประธานขา…ว่าน…วาเนสซ่า!” เสียงเรียกของคนที่ยืนค้ำหัวอยู่คนละฟากโต๊ะทำงาน ซึ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์
มโนภาพเรื่องราวในอดีตค่อยๆ เลือนหายไป พร้อมกับสติที่กลับมาเยือนอีกครั้ง ทว่าอารมณ์เศร้าหมองยังติดตรึงอยู่ที่ใบหน้าและนัยน์ตาสีฟ้าที่เคยสดใส ซึ่งมาบัดนี้กลับมัวหม่นจนน่าใจหาย ทุกอย่างกลายเป็นอดีตไปตามกาลเวลาที่ผันผ่าน แต่รอยน้ำตากลับไม่เหือดแห้งจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ เจ้าของเรือนร่างสวยสะพรั่งรีบยกปลายนิ้วเรียวป้ายน้ำใสๆ ที่รินไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะผงกหัวขึ้น แล้วช้อนดวงตากลมโตที่กรีดอายไลเนอร์เพิ่มเสน่ห์เย้ายวนชวนหลงใหลมองหน้าผู้มาใหม่ด้วยมาดนิ่งๆ
“นังชะนีปากแดง หล่อนเป็นอะไรมากปะเนี่ย” แดเนียลขยับสะโพกแกร่งพิงขอบโต๊ะทำงานด้วยท่วงท่าสง่างาม แล้วซักไซ้พลางหรี่ตามองหน้าเพื่อนรัก เห็นท่าทางเศร้าสร้อยของอีกฝ่ายเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แกก็รู้ว่าคนอย่างวาเนสซ่า ปิเอโร่ เข้มแข็งจะตาย” หญิงสาวยืดตัวตรงพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะแสร้งปั้นหน้าให้ดูสดชื่นขณะขยับเรียวปากสีแดงสดแก้ตัว ทว่าไม่อาจปกปิดความเศร้าหมองที่แฝงอยู่ในแววตาสีฟ้าสดใสคู่นั้นได้
“โอเค ไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไร” แดเนียลยักไหล่กว้างเบาๆ ไม่คิดจะเซ้าซี้ให้มากความ เพราะรู้ดีว่าวาเนสซ่ามักจะปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองอยู่เสมอ หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง ไม่มีทางที่เพื่อนสาวจะระบายมันออกมา
“เออ…ว่าแต่ แกเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมฉันถึงไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู” ท่านประธานสาวตัดบทเข้าเรื่องด้วยเสียงกังวานหวานใสกลบเกลื่อนความตรอมตรมที่ฝังแน่นอยู่ในอก
“ฉันเข้ามายืนหัวโด่หน้าโต๊ะทำงานหล่อนนานเป็นชาติ จนรากจะงอกอยู่แล้วย่ะ” แดเนียลจีบปากจีบคอประชดประชันด้วยวาจาเกินจริง
“โทษทีเพื่อน พอดีฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย” วาเนสซ่ายกมือขึ้นลูบใบหน้าสวยพริ้งที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีต ก่อนจะแย้มกลีบปากอวบอิ่มพึมพำเบาๆ
“คิดถึงผู้ชายอยู่หรือไงยะ ถึงไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูจนมือจะหงิก” พ่อหนุ่มมาดตุ้งติ้งกระเซ้าด้วยท่าทางครื้นเครง ก่อนจะทรุดร่างสูงใหญ่ลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน แล้วนั่งเอามือเท้าคางรอฟังคำตอบด้วยสายตาล้อเลียน ซึ่งหญิงสาวก็รู้ดีว่า ‘ผู้ชาย’ ที่อีกฝ่ายจงใจเอ่ยถึงคือมาร์โบโล คอฟอร์ด
‘อยากจะบอกนักเชียว ว่าเรากำลังเผลอคิดถึงผู้ชายอยู่จริงๆ แต่เป็นผู้ชายคนละคนกับที่แดเนียลเข้าใจ’ คิดในใจอย่างนั้น ทว่ากลับเอ่ยออกมาอีกอย่าง
“บ้า…ไม่ใช่สักหน่อย ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่มาร์สแล้ว” คำที่หลุดออกมาจากเรียวปากเย้ายวนไม่ใช่การแก้ตัว แต่มันคือความรู้สึกแท้จริงที่อยู่ในอก ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาเพียงแค่สี่ปีวาเนสซ่าจะลืมมาร์โบโล คอฟอร์ด ได้อย่างสนิทใจ อาจเป็นเพราะว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของเธอก็พลิกผันเข้าขั้นวิกฤต จนไม่มีเวลาได้คร่ำครวญหาอดีตคู่หมั้นอีกเลย
“งั้นก็ดี เพราะผู้ชายหล่อล่ำและน่าปล้ำบนโลกใบนี้ยังมีอีกเยอะ แต่ฉันขอเตือนว่าให้หล่อนรีบๆ หามาแนบกายสักคน ก่อนที่กะเทยอย่างฉันจะชิงแต่งงานมีสามีตัดหน้าไปเสียก่อน” ขาดคำวาเนสซ่าก็หลุดหัวเราะคิกออกมาด้วยความขบขันระคนหมั่นไส้กับท่าทีก๋ากั่นของเพื่อนซี้
“อ้าวเหรอ…ฉันนึกว่าแกจะกอดคอพลีชีพอยู่บนคานกับฉันเสียอีก” สาวแสบแสร้งเลิกคิ้วสูงและลากเสียงยาวตีหน้าตายสวนกลับ
“อ๊าย…นังชะนีปากอัปมงคล ใครเขาจะยอมเสียสละห้อยโหนอยู่บนคานเป็นเพื่อนหล่อนกันยะ” พ่อหนุ่มใจหญิงออกอาการโวยวายดังลั่น
“โอเค ไม่อยู่ก็ไม่อยู่ ว่าแต่แกมีอะไรหรือเปล่า” หญิงสาวกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง โบกมือเป็นเชิงยุติสงครามเล็กๆ แล้วตัดบทเข้าเรื่องทันที
“ฉันจะมาบอกว่า พ่อหล่อนโทรมาสั่งให้โอนเงินเข้าบัญชีห้าแสน” กล่าวจบแดเนียลก็กระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ รับโทรศัพท์ของนายนาธาน ปิเอโร่ ทีไรเขาก็เหมือนจะปวดตับขมับแตกอยู่ร่ำไป
“ห้าแสน!” ท่านประธานสาวสวยเซ็กซี่อุทานเสียงดังลั่น
“อือฮึ…แล้วเขาก็จะเอาตอนนี้ด้วยนะ” แดเนียลกอดอกพยักหน้าเบาๆ ทำเอาวาเนสซ่าถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับเพราะรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน แต่ก่อนเงินห้าแสนอาจจะดูเล็กน้อยเพียงแค่หยิบมือ ทว่า ณ เวลานี้มันกลับมีค่ายิ่งกว่าอะไรดี
“ขอบใจมากนะแดนนี่ แกกลับบ้านเถอะ ถึงเวลาเลิกงานแล้ว” วาเนสซ่าระบายลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะเอ่ยเสียงเครียด ขณะเหลือบมองหน้าปัดนาฬิกาที่ประดับอยู่บนข้อมือกลมกลึงของตัวเอง
“หล่อนโอเคนะ” เลขาฯ คู่ใจถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
“อือ…” หญิงสาวฝืนยิ้มฝืดๆ และขยับปากพึมพำไปอย่างนั้น ทว่านัยน์ตาที่เคยสดใสกลับหม่นแสงลงจนน่าใจหาย ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกปิดยังไงก็คงไม่มิด อีกฝ่ายเห็นแล้วก็นึกสงสาร แต่ไม่รู้จะช่วยอะไรได้ จึงทำเพียงตบหลังมือนุ่มเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ แม้จะไม่มีคำพูดใดๆ ปลอบประโลมทว่ามันกลับทำให้วาเนสซ่าไม่รู้สึกเดียวดายอย่างน่าอัศจรรย์
“โอเค หล่อนก็อย่ากลับค่ำนักละ อ้อ…ลืมบอกไปอีกอย่าง พ่อหล่อนจองโต๊ะที่โรงแรมฮิลตันไว้ และสั่งให้หล่อนไปดินเนอร์กับผู้ชายในเย็นนี้” แดเนียลผุดลุกขึ้นพร้อมเอ่ยอย่างเป็นห่วงเป็นใย ก่อนจะฉุกคิดไปถึงคำสั่งเฉียบขาดของนายนาธาน จึงกล่าวตบท้ายชนิดที่คนฟังแทบจะหงายหลังตกเก้าอี้
“ใครอีกล่ะเนี่ย?” แม่สาวเปรี้ยวบ่นอุบพลางตีหน้ายุ่ง
“พอไปถึงหล่อนก็รู้เองแหละย่ะ ถ้าหล่อเร้าใจก็ลากไปต่อที่ห้องเลย ถือว่าแก้กลุ้ม” พ่อหนุ่มใจหญิงไหวไหล่กว้างเบาๆ แล้วทิ้งท้ายด้วยการขยิบตาพร้อมเอ่ยน้ำคำทะลึ่งทะเล้น แต่คนฟังกลับขำไม่ออก
“เฮ้อ…ต้องไปนั่งปั้นหน้ากินข้าวกับผู้ชายที่แด๊ดดี้หามาให้อีกแล้วเหรอเนี่ย” คล้อยหลังเพื่อนซี้วาเนสซ่าก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ทว่าไม่อาจขัดคำสั่งประกาศิตได้
“จะท้อถอยไปไยวาเนสซ่า อย่าลืมสิว่าเธอคือลูกสาวคนเล็กของตระกูลปิเอโร่” สาวเจ้าพึมพำปลอบใจตัวเองด้วยสีหน้าไม่สู้จะดีนัก ก่อนจะจัดการโอนเงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งเข้าบัญชีธนาคารของบิดาบุญธรรมอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งที่ตอนนี้บริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงินขั้นรุนแรง จนแทบจะไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน แต่นายนาธานก็ยังเอาเงินไปผลาญเล่นอย่างไม่อนาทรร้อนใจ