ตอนที่7 พบพ่อแม่
วันนี้เป็นวันที่ฉันตื่นเต้นมากอีกวัน เพราะว่าพี่วายุจะพาฉันไปพบพ่อแม่ของเขานั่นเอง ถึงแม้ที่ผ่านมาฉันจะเคยพบคุณท่านแล้วโดยเฉพาะท่านประธาน แต่ตอนนั้นมันก็ในฐานะพนักงานคนหนึ่ง แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เพราะฉันจะต้องเข้าพบท่านในฐานะแฟนของพี่วายุ
ถึงแม้ว่าฉันจะกลัวว่าท่านทั้งสองจะไม่ยอมรับและเกร็งๆ กับการเข้าพบในสถานะนี้ แต่พี่วายุก็คอยปลอบให้ฉันสบายใจตลอด จนมารู้ตัวอีกทีก็ถึงบ้านหลังใหญ่ที่ฉันเคยมาเพียงไม่กี่ครั้ง
“ลงได้แล้วครับ” พี่วายุพูดขึ้นหลังจากเปิดประตูรถให้ฉัน ฉันเงยหน้าไปมองเขาด้วยใบหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่ เพราะถึงเขาจะบอกว่าพ่อแม่เขาไม่สนใจเรื่องฐานะชาติตระกูล แต่ยังไงฉันก็อดกลัวไม่ได้
“แล้วถ้าคุณท่านไม่เห็นด้วยล่ะคะ” ถึงฉันจะดีใจที่ได้คบกับพี่วายุ แต่ตอนคบกันสองคนมันก็เป็นความสุข เป็นความรู้สึกอีกแบบที่ไม่ได้กลัวหรือคิดอะไรมาก
แต่พอต้องมาเข้าหาครอบครัวเขา มันทำให้รู้สึกเลื่อนมาอีกขั้น และเป็นขั้นที่ค่อนข้างหนักสำหรับผู้หญิงธรรมดาอย่างฉัน
“พี่ว่ารินรู้จักพ่อกับแม่พี่ดีนะ” พี่วายุพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเดิม แต่ถึงเขาจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ก็บอกไปแล้วว่ารู้จักในฐานะที่ฉันเป็นพนักงาน ไม่ใช่ฐานะแฟนของลูกชายท่านแบบนี้
“ค่ะ” ฉันเรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อนจะลงจากรถไปหาพี่วายุ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉันกับพี่วายุคบกันมาได้เป็นเดือนแล้ว ยังไงสักวันคุณท่านทั้งสองก็ต้องรับรู้เรื่องนี้อยู่ดี แล้วที่สำคัญการที่พี่วายุพาฉันมาพบพ่อแม่เขาแบบนี้ มันก็เป็นสัญญาณที่ดีไม่ใช่เหรอ มันหมายถึงว่าเขาจริงจังกับฉัน ไม่ใช่แค่เล่นๆ
พี่วายุจูงมือฉันเดินเข้ามาในตัวบ้าน ตรงไปยังห้องๆ หนึ่งที่ตอนนี้มีพ่อแม่ของเขานั่งอยู่สองคน และทั้งสองก็หันมามองฉันกับพี่วายุพร้อมกัน เล่นเอาฉันทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้พ่อแม่ของพี่วายุก่อนจะก้มหน้ามองพื้นด้วยความเกร็ง ก่อนพี่วายุจูงมือฉันเดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆ
“อ้าวริน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” แม่พี่วายุพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ
“คุณท่านสบายดีนะคะ” ฉันถามท่านกลับไปตามมารยาท แต่ฉันก็ไม่ได้เจอท่านนานพอสมควรนั่นแหละ
“ก็เรื่อยๆ นั่นแหละจ้ะ” ท่านตอบกลับอย่างไม่ถือตัวอะไร
“แล้วทำไมวันนี้ได้มาที่นี่พร้อมกันล่ะ” เป็นท่านประธานหรือว่าพ่อของพี่วายุที่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ
“ผมมีเรื่องจะบอกพ่อกับแม่ครับ” พี่วายุพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หืม มีอะไรล่ะ” แม่พี่วายุถามขึ้น
“ผมกับริน เราคบกันครับ” แล้วพี่วายุก็พูดเรื่องของเราออกไป
“อะไรนะ”
“ห๊ะ!” เสียงของท่านประธานและแม่พี่วายุดังขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ
แต่ก็ทำเอาฉันใจไม่ดีเหมือนกัน เพราะฉันเดาไม่ออกว่าท่านทั้งสองคิดยังไง
“ผมกับรินคบกันได้เดือนกว่าๆ แล้วครับ วันนี้ผมก็เลยพามาเจอพ่อกับแม่” พี่วายุพูดต่อทันที ส่วนฉันได้แต่นั่งก้มหน้าเพราะกลัว กลัวว่าจะได้ยินคำพูดที่บ่งบอกว่าไม่เห็นด้วย
“เราพูดจริงๆ เหรอตาวา” เสียงแม่พี่วายุถามออกมา
ฉันแอบเงยหน้าไปมองหน้าท่านนิดหน่อยก่อนจะก้มลงมาเหมือนเดิม แต่ก็เดาสีหน้าท่านไม่ออกว่าท่านรู้สึกยังไง
“จริงครับ พ่อกับแม่ก็รู้ว่าถ้าผมไม่จริงจัง ผมไม่พาเข้าบ้านมาเจอพ่อกับแม่เด็ดขาด” พี่วายุพูดขึ้น มันทำให้ฉันรู้สึกดีกับคำพูดของเขามาก
“แกรักรินจริงๆ เหรอ” เสียงของท่านประธานถามออกมา และนั่นก็ทำให้ใจฉันฝ่อทันที
ทั้งที่ผ่านมาพี่วายุก็แสดงออกว่าเขารักฉันและเป็นแฟนที่ดี แต่ทำไมพอได้ยินคำถามนี้จากปากท่านประธาน ถึงได้ทำให้ฉันรู้สึกใจเสียแบบนี้นะ
“จริงสิครับ เรื่องแบบนี้ใครเขาจะพูดเล่นกัน” พี่วายุตอบกลับเสียงหนักแน่นทำให้ฉันหายใจหายคอได้คล่องขึ้น ความกลัวลดหายไป
“ไม่ใช่เพราะว่าแกทำเพื่ออะไรนะ” ท่านประธานถามออกไปอีกครั้ง ฉันเลยเงยหน้าไปมองท่าน ก็เห็นท่านมองพี่วายุแปลกๆ
“ผมยืนยันว่าผมกับรินเรารักกันและผมก็คบกับรินด้วยใจจริงครับ” พี่วายุตอบกลับอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น ทำให้ฉันหันไปมองเขาก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยกับท่าทางของเขา
รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่ได้เขาเป็นคนรัก
“หึ! ถ้าแกยืนยันแบบนั้น ฉันก็จะลองเชื่อแก” ท่านประธานพูดขึ้น แล้วคำพูดของท่านแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน ท่านจะยอมรับฉันไหมนะ
“ก็ดี ถ้าลูกเจอคนที่คิดว่าลูกจริงจังด้วย แม่ก็ไม่มีปัญหาอะไร...”
“อีกอย่างแม่ก็เคยเห็นรินมาตั้งแต่เด็กแต่เล็ก แม่ไม่ว่าถ้าจะคบหากัน” แล้วแม่พี่วายุก็พูดขึ้น ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นมากที่ท่านไม่รังเกียจฉัน
“ครับ” พี่วายุพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“หนูขอบคุณคุณท่านทั้งสองมากนะคะ ที่ไม่รังเกียจหนู” ฉันยกมือไหว้ท่านทั้งสองด้วยความซาบซึ้งที่ท่านไม่รังเกียจคนจนๆ อย่างฉัน และยังไม่กีดกันฉันกับพี่วายุ
“ฉันรู้จักพ่อแม่ของเธอดี ส่วนเธอฉันก็เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ฉันก็พอรู้จักนิสัยใจคอของเธออยู่หรอกนะ” แม่พี่วายุพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ฉันส่งยิ้มบางๆ ให้ท่านไม่ต่างกัน
“ในเมื่อรักกันก็ดีแล้ว อีกอย่างแกจะได้ไม่ต้องทิ้งงานทิ้งการบ่อยๆ” ท่านประธานพูดพร้อมกับมองหน้าพี่วายุ
“โถ่พ่อก็” พี่วายุพูดขึ้นเหมือนเด็กๆ ซึ่งฉันก็เคยได้เห็นมุมนี้ของเขาบ่อยๆ เหมือนกันตั้งแต่คบกันมา
“ไหนๆ ก็มาแล้วไปกินข้าวกินปลากันก่อนกลับเถอะ” แล้วแม่ของพี่วายุก็เสริมออกมาก่อนท่านจะลุกขึ้น ฉันกับพี่วายุก็ลุกก่อนจะเดินตามท่านทั้งสองไปที่ห้องทานข้าว
แล้วบรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ผ่านไปได้ด้วยดี ความเกร็งของฉันที่มีในตอนแรกลดลงไปไม่น้อยเลยหลังจากได้รับรู้ว่าท่านทั้งสองไม่รังเกียจหรือกีดกันฉันกับพี่วายุ แถมท่านยังใจดีกับฉันอีก
แค่นี้ฉันก็สบายใจขึ้นมากแล้วแหละ
“เห็นไหมพี่บอกแล้วว่าพ่อกับแม่ใจดี” ระหว่างขับรถออกจากบ้านได้สักพัก พี่วายุก็พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“รู้ค่ะ แต่จะให้รินทำยังไงได้คะ คนมันกลัวนี่หน่า” ก็อย่างที่บอกการเจอหน้าพ่อแม่แฟนมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ยิ่งแฟนมีฐานะที่ดีทางสังคมกับฉันที่เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง มันก็ต้องกลัวอยู่แล้ว
“แล้วทีนี้เลิกกลัวได้หรือยังครับ”
“เลิกกลัวแล้วค่ะ คุณท่านทั้งสองใจดีขนาดนี้ ใครจะไปกลัวได้ลงคอละคะ” ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“หึ! แล้วนี่ก็อีกเรื่อง เรียกคุณท่านๆ อยู่นั่นแหละ เมื่อไหร่จะเรียกพ่อกับแม่สักที” พี่วายุว่าออกมา เรื่องนี้แม่พี่วายุก็บอกอยู่นะว่าเรียกพ่อกับแม่ก็ได้ไม่ต้องมาเรียกคุณท่านให้เป็นพิธีรีตองอะไร
แต่ฉันชินกับแบบนี้ไปแล้วนี่หน่า
“ก็รินติดปากนี่คะ ปกติเคยเรียกแต่คุณท่าน”
“งั้นก็ซ้อมไว้ให้ชินได้แล้วนะ เพราะต่อไปนี้รินต้องเรียกพ่อแม่พี่ว่าคุณพ่อคุณแม่ได้แล้ว” พี่วายุพูดพร้อมกับยื่นมือมาจับมือฉันกุมไว้
ฉันเองก็กุมมือเขาตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนกัน ตั้งแต่เขาเข้ามาในชีวิตฉันในฐานะแฟน ฉันก็ได้รับรู้แต่คำว่าความสุขจากเขาตลอดเลย จะบอกว่าเขาคือส่วนเติมเต็มและคืออีกส่วนสำคัญในชีวิตของฉันเลยก็ว่าได้
“ค่ะ รินจะรีบพูดให้ติดปากเลยนะคะ” ฉันอ้อนพี่วายุออกไปอย่างเอาอกเอาใจ
“งั้น วันนี้ให้พี่ไปนอนด้วยได้ไหม” แล้วพี่วายุก็พูดขึ้นก่อนจะหันมามองหน้าฉันด้วยสายตาที่ฉันรู้สึกว่ามันดูเซ็กซี่น่าเข้าหาอย่างมาก
“แต่...เราพึ่งคบกันได้แค่เดือนเดียวเองนะคะ” ถึงอีกใจหนึ่งอยากจะบอกว่าได้ แต่ก็กลัวเขาหาว่าใจง่ายเกินไป
แต่มันก็จริงอย่างที่ฉันพูดนั่นแหละ ฉันกับเขาพึ่งคบกันได้แค่เดือนนิดๆ เอง จะให้เขามานอนด้วย มันก็แปลกๆ
“รินไม่เชื่อใจพี่เหรอ” พี่วายุพูดพร้อมกับมองไปข้างหน้าเหมือนเดิม แต่ฉันก็เห็นสีหน้าเขาดูเหมือนจะน้อยใจกับคำพูดของฉัน นั่นทำให้ฉันร้อนใจขึ้นทันที
“เปล่านะคะ รินไม่ได้ไม่เชื่อใจพี่วายุเลยนะคะ” เขาถึงกับพาไปเจอพ่อแม่เขาแล้ว มีอะไรต้องไม่ไว้ใจอีกล่ะ หรือจะต้องให้เขาขอฉันแต่งงานก่อนหรือไง
อันนี้ก็โลภเกินไป
“เหรอ ไม่เป็นไรก็ได้ พี่เข้าใจ” แต่น้ำเสียงของเขาไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่ากำลังน้อยใจมากแค่ไหน แล้วยิ่งได้เห็นหน้าที่ถึงแม้จะเป็นแค่เสี้ยวหน้า แต่ฉันก็มองออกว่าเขาน้อยใจและดูเสียใจมาก
“งั้น ค้างก็ได้ค่ะ” ฉันตอบกลับออกไปหลังจากเห็นพี่วายุเป็นแบบนี้
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่ฉันก็ไม่ได้หัวโบราณขนาดที่ต้องรอเวลาเข้าหอก่อนหรอกนะ ตอนนี้ฉันก็ยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดแล้วด้วย
“จริงนะครับ” แล้วพี่วายุก็หันมาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้มก่อนจะรีบหันกลับไปมองทางข้างหน้าคืน แต่พอฉันเห็นเขายิ้มได้ ฉันเองก็อดยิ้มตามไม่ได้เหมือนกัน
“รินไม่เคยโกหกพี่วายุหรอกค่ะ”