ตอนที่5 แลกเปลี่ยน
ไม่นานฉันกับบอสก็มาถึงร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบริษัทมาก ซึ่งแน่นอนว่าฉันก็ไม่เข้าใจว่าเขาพาฉันมาที่นี่ทำไม แต่เขาไม่ตอบอะไรฉันนอกจากจอดรถแล้วยังอ้อมมาเปิดประตูรถให้ฉันก่อนจะจูงมือฉันลงจากรถแล้วเข้าร้านอาหาร
“เราไม่ได้นัดกับลูกค้าที่นี่นี่คะ” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากนั่งลงที่เก้าอี้
“ก็ใช่” ตอบกลับแค่นั้นแล้วก็ก้มหน้าก้มตาอ่านเมนู
“แล้วทำไมบอสพาฉันมาที่นี่ล่ะ” ฉันถามออกไปอีกครั้ง ก่อนบอสจะเงยหน้าจากเมนูอาหารมามองหน้าฉัน
“ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงไม่ใช่หรือไง กินก่อนแล้วค่อยไปพบลูกค้า” บอสตอบข้อสงสัยของฉันออกมา
แต่นี่เขาพาฉันมากินข้าวเที่ยงกับเขาด้วยอย่างนั้นเหรอ
“เอ่อ” จะบอกว่ายังไงดีล่ะ ครั้งแรกเลยที่ได้นั่งกินข้าวกับพี่วายุสองคน ฉันต้องทำตัวยังไงดีล่ะ ตอนนี้มันเกร็งไปหมดแล้ว
“จะสั่งได้หรือยังครับ ผมหิวแล้ว” บอสว่าขึ้นด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ทำให้ฉันลนลานทำตัวแทบไม่ถูกเลยทีเดียว
“ค่ะๆ สั่งเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ฉันตอบพร้อมกับรีบก้มหน้าก้มตามองเมนูอาหาร แต่มันไม่ได้เข้าตาฉันเลยสักนิดเพราะตอนนี้จิตใจฉันมันติดอยู่กับรอยยิ้มของคนตรงหน้า
สติน้อยๆ เลือกจิ้มเมนูมั่วๆ ให้กับพนักงาน พยายามอย่างมากที่จะเก็บอาการของตัวเองให้ถึงที่สุด และก็หวังว่าเขาจะไม่สงสัยหรือเห็นความผิดปกติของฉัน
“กินเข้าไปเยอะๆ รู้บ้างไหมว่าตัวเองตัวเล็กแค่ไหน” บอสว่าขึ้นพร้อมกับตักกับข้าวมาในจานของฉัน และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรก ตั้งแต่ได้อาหารมา บอสก็ดูแลเทคแคร์ฉันดีจนฉันรู้สึกดีไปหมด
“ขอบคุณค่ะ แต่บอสทานเถอะค่ะ ฉันเกรงใจ” ฉันบอกออกไปด้วยความเกรงใจ ถึงแม้จะฟินมากก็ตาม แต่ก็ยังแอบเกรงใจอยู่ดี
“ถ้าเกรงใจก็กินเยอะๆ เข้าใจไหม” บอสว่าขึ้นพร้อมกับมองหน้าฉันด้วยสายตาที่ฉันไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง
มันดูมีเสน่ห์ อบอุ่น และน่าหลงใหลไปหมด
“ค่ะ” ฉันก้มหน้าตอบก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อ
ไม่กล้าแม้แต่จะมองเขาอีกเพราะฉันทนไม่ไหวจริงๆ เขาไม่รู้หรือไงว่าฉันรักเขามากแค่ไหน แล้วการที่เขาทำตัวดีกับฉันแบบนี้ มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกับเขามากขึ้นไปอีกจนไม่รู้ว่าจะเลิกรู้สึกกับเขาได้หรือไม่
แล้วหน้าฉันตอนนี้ล่ะ ไม่รู้จะแดงเท่าลูกมะเขือเทศหรือยัง
“แล้วเธอพักอยู่ที่ไหนเหรอ” บอสถามออกมาระหว่างนั่งกินข้าวกันต่อ
“พักอยู่อพาร์ทเม้นท์ค่ะ” ฉันตอบกลับตามความจริง
ที่ที่ฉันพักมันเป็นเหมือนกับอพาร์ทเม้นท์ที่ทางบริษัทดีลไว้ให้เป็นที่พักของพนักงาน และมีเงินช่วยเหลือค่าเช่าห้องประมาณหนึ่ง ส่วนที่เหลือและค่าน้ำค่าไฟออกเอง ใกล้บริษัท สะดวกปลอดภัย แต่กลับได้มาในราคาที่ถูกกว่าปกติ
ซึ่งห้องก็ถือว่าใช้ได้ ถึงแม้จะเป็นห้องเดี่ยวๆ ที่ไม่ได้มีห้องนอนในตัว แต่ก็แบ่งโซนครัว ระเบียง เตียงนอนและห้องน้ำได้เป็นสัดส่วนมาก ถือว่าเหมาะกับการอยู่คนเดียวอย่างมาก
“แล้วอยู่คนเดียวเหรอ”
“ใช่ค่ะ” จะให้ฉันอยู่กับใครได้ล่ะก็ฉันมาทำงานตัวคนเดียวนี่หน่า
“เป็นไงบ้าง ระบบความปลอดภัยดีใช่ไหม ถ้าไม่ดีบอกฉันนะ ฉันจะได้ไปหารายอื่น”
“ดีค่ะ ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่งเลย” ถึงแม้จะเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่ไม่ได้หรูหราห้าดาวอะไร แต่ความปลอดภัยก็ถือว่าใช้ได้ มีระบบคีย์การ์ด กล้องวงจรปิด และยังมีรปภ. รักษาความปลอดภัยด้วย
“อืม งั้นก็ดีแล้ว แต่ถ้ามีอะไรไม่ดีรีบบอกฉัน เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ”
แล้วหลังจากนั้นฉันกับบอสก็นั่งกินข้าวกันต่อและคุยแลกเปลี่ยนเรื่องส่วนตัวต่ออย่างที่ไม่เคยมีโอกาสได้ทำแบบนี้เลยสักครั้ง โดยที่ส่วนใหญ่บอสจะเป็นคนถามฉัน มีฉันที่ถามบ้างไม่กี่คำถามเพราะไม่กล้า แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกหายเกร็งไปได้มาก
และที่สำคัญ คือฉันได้เห็นบอสในมุมที่มากขึ้น ต่างจากตอนทำงาน
ฉันรู้สึกว่าวันนี้มันเป็นวันที่ดีที่สุดของฉันวันหนึ่งเลยจริงๆ
อยากให้เป็นแบบนี้บ่อยๆ จัง