บท
ตั้งค่า

ปัญหา(3)

ในเมื่อไม่มีอะไรจะให้ทั้งยังช่วยอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ จรรยาจึงเลือกที่จะส่งกำลังใจให้เพื่อนรักแทน ชนิดายกยิ้มเนือยก่อนจะซบหน้ากับขอบหน้าต่าง เธออยากทิ้งตัวนอนหลับตาและไม่ตื่นขึ้นมาอีก แต่เธอทำแบบนั้นไม่ได้เพราะหากไม่มีเธอ ผู้เป็นพ่อจะอยู่ยังไงให้ทุกข์ใจจนอยากลาโลกแค่ไหน แต่สุดท้ายหญิงสาวก็ต้องฮึดสู้

“ขอบใจนะแก”

ทั้งสองมัวแต่คุยกันจนไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนยืนฟังพวกเธอพูดคุยกันอยู่ จิรายุแสร้งทำเป็นหันหลังคุยโทรศัพท์ ทำให้หญิงสาวที่เดินผ่านเขาไปนั้น ไม่ทันเห็นว่ามีคนยืนอยู่ตรงนี้

ชายหนุ่มมองตามร่างบางของชนิดา สายตานั้นเป็นประกายชั่วครู่ก่อนที่เขาจะโทรเรียกผู้ช่วยคนสนิทให้มาพบที่ห้องทำงาน จิรายุยื่นเอกสารของชนิดาให้อีกฝ่ายก่อนที่เขาจะขอให้ชายหนุ่มตรงหน้าช่วยสืบประวัติหญิงสาวภายในสามวัน

เมื่อครู่ที่เขาได้ยินชนิดาปรับทุกข์กับเพื่อนสนิทเรื่องหนี้สิน จิรายุก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหยิบปากกาขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างลงกระดาษเอสี่แผ่นใหญ่ ก่อนสั่งเลขาให้พิมพ์และปริ๊นออกมา

จิรายุตั้งใจว่าจะนำสัญญานี้ไปต่อรองกับชนิดาเพื่อข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง เขาเชื่อว่าหญิงสาวนั้นจะไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขาอย่างแน่นอนและต่อให้เธอได้อ่านสัญญานี้ อย่างไรเสียเธอก็ไม่กล้าที่จะละทิ้งโอกาสนี้เป็นอันขาด

ชายหนุ่มมั่นอกมั่นใจว่างานนี้เขาจะเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างแน่นอน ต่อให้ต้องเสียเงินล้านแต่หากผลตอบแทนคุ้มค่า เขาก็ยินดีที่จะจ่ายอย่างไม่ลังเล

ชนิดานั้นไม่รู้ตัวเลยว่าชีวิตของเธอกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น หญิงสาวยังคงคิดเครียดจนทำงานแทบไม่ได้ หัวหน้างานก็บ่นและไม่พอใจที่เธอนั้นพิมพ์งานตกไปหลายตัว ทำให้เอกสารชุดนี้ไม่สมบูรณ์อย่างที่ควรจะเป็น

หลังเลิกงานจรรยาพาชนิดามาเดินตลาดกลางคืนเพื่อหาของกิน ความสุขตรงหน้าทำให้ทั้งสองลืมความทุกข์ไปชั่วขณะ แม้แสงสีจากไฟที่ส่องสว่างจะไม่สามารถสาดส่องเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของทั้งคู่ แต่ก็ช่วยบรรเทาความเครียดลงไปได้บ้าง

“ถ้าบ้านโดนยึด แกมาอยู่กับฉันก่อนก็ได้นะ”

บ้านของจรรยาเป็นทาวน์เฮ้าส์สองชั้น ซึ่งเป็นบ้านที่พ่อของเธอซื้อเอาไว้ก่อนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แม้ว่าจะใช่บ้านหลังโตอะไร แต่ก็ยังมีพื้นที่รองรับสองพ่อลูก หากชนิดาต้องสูญเสียบ้านไปจริงๆเธอก็ไม่รังเกียจที่จะให้ความช่วยเหลือคนทั้งสอง

“อย่าเลย ฉันเกรงใจ”

แม้ชีวิตของจรรยาจะลำบากไม่น้อยไปกว่าเธอ แต่อีกฝ่ายก็มีน้ำใจคอยหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้เสมอ ชนิดาไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี เธอจึงไม่กล้าที่จะรับความช่วยเหลือจากเพื่อนรักอีก

“ช่วยกันได้ก็ช่วยเถอะ ใครจะไปรู้ ในวันหน้าแกอาจจะร่ำรวยขึ้นมาก็ได้”

จรรยาเชื่อมั่นว่าถึงเวลานั้นชนิดาจะไม่ทอดทิ้งเธอ จะหยิบยื่นน้ำใจและความช่วยเหลือให้เธอเหมือนที่เธอนั้นคอยหยิบยื่นให้ชนิดามาตลอด

ทั้งสองเดินพูดคุยปรับทุกข์กันอยู่นาน โชคดีที่วันนี้ชนิดานั้นจ่ายเงินจ้างคนดูแลให้ช่วยดูแลพ่อของเธอในคืนนี้ ทำให้หญิงสาวหมดความกังวลและตัดสินใจออกมาเดินเล่นผ่อนคลาย หลังจากที่ตึงเครียดมานานหลายวัน

“รีบกลับกันเถอะ พรุ่งนี้มีงานเช้า”

แม้จะเป็นเด็กฝึกงาน ทั้งคู่ก็หาความรู้ หาประสบการณ์ แต่ในช่วงแรกก็โดนใช้งานหนักพอสมควร กว่าจะได้เรียนรู้อะไรจริงๆเวลาก็ปาไปเกือบเดือนได้

จรรยาและชนิดาแทบจะลาออกจากการเป็นเด็กฝึกงาน เพราะพวกเธอต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงเพื่อซื้อน้ำซื้ออาหารให้พนักงานรุ่นพี่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนก็ตอบแทนด้วยการป้อนประสบการณ์และความรู้ที่เป็นประโยชน์ให้แก่พวกเธอ ส่วนบทเรียนก่อนหน้านั้นถือเป็นการฝึกความอดทน แต่กว่าจะฝึกงานจบก็ต้องใช้เวลานานถึงสามเดือน ทั้งสองรู้สึกเหนื่อยล้าเพราะบริษัทนี้ไม่ได้จ่ายค่าแรงให้พวกเธอ แต่มีเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงเล็กๆน้อยๆที่ไม่คุ้มค่าเหนื่อยและค่าอาหารที่น้อยจนแทบซื้ออะไรไม่ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel