ปัญหา(2)
หญิงสาวอับจนหนทาง เธอเหนื่อยเหลือเกิน
ทุกวันนี้ต้องตื่นแต่เช้าป้อนข้าวพ่อ รอจนกว่าคนดูแลมาถึง ถึงจะเดินทางมาทำงานได้ ทั้งตอนเย็นเธอยังต้องรีบกลับบ้านก่อนเวลาที่คนดูแลนั้นจะเลิกงาน ด้วยงบประมาณที่มีจำกัด ทำให้หญิงสาวไม่สามารถจ้างคนดูแลเต็มเวลาได้ เธอจึงต้องเหนื่อยวิ่งวุ่นไปมาแบบนี้ทุกวันจนกลายเป็นกิจวัตรไปเสียแล้ว
“แล้วนี่แกต้องใช้หนี้แทนเหรอ”
จรรยาเอ่ยถาม ชีวิตชนิดาตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเธอมากนัก ต้องใช้หนี้แทนแม่ที่ติดพนันอย่างหนัก วันดีคืนดีมีเจ้าหนี้มาตามด่าถึงหน้าบ้าน ทั้งยังขู่ทำร้ายจนเธอต้องไปตามตำรวจมาไกล่เกลี่ยหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายเมื่อทนไม่ไหว จรรยาตัดสินใจพาน้องชายและย่าออกมาจากบ้านหลังนั้นและมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองหลวงแห่งนี้โดยหวังว่าสักวันจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ปากกัดตีนถีบเหมือนที่แล้วมา
“ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใครล่ะ”
หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบเหนื่อย เธอฟุบหน้าลงบนโต๊ะยาวก่อนจะเงยหน้าขึ้นและยกมือกุมขมับ หญิงสาวคิดไม่ตกว่าจะทำเช่นไรดี เงินหนึ่งล้านภายในระยะเวลาเจ็ดวันเธอจะไปหามาได้จากที่ไหนกัน
“หนี้บ้านคงไม่ใช่น้อยๆ แล้วแกจะทำยังไงต่อไป”
จรรยาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ระยะเวลาสั้นเท่าหางอึ่งจะไปหาเงินมาจากไหนกัน เงินกว่าจะหาได้แต่ละบาทเลือดตาก็แทบกระเด็น ขืนให้วิ่งหาเงินหลักล้านภายในเจ็ดวันคงได้ตายก่อน
“ฉันก็ไม่รู้เลยว่าจะหาเงินมาปิดหนี้ยังไง”
หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง นับตั้งแต่เกิดเรื่องเธอถอนหายใจไปแล้วมากกว่าร้อยมากกว่าพันครั้ง เธอยังคงอับจนหนทางไม่รู้จะเดินไปทางไหน หากสุดท้ายแล้วยังหาเงินไปไถ่ถอนไม่ได้ก็คงต้องยอมให้บ้านถูกยึดไป
“แกลองกู้ธนาคารดูไหม”
จรรยาแนะนำแต่ชนิดากลับส่ายศีรษะ เธอกับจรรยาเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน รายได้ก็ไม่มี หลักประกันอะไรก็ไม่มีสักอย่าง เงินหลักล้านกับนักศึกษาที่ยังไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง คงไม่มีธนาคารที่ไหนยอมให้กู้หรอก
“ท่าจะยาก”
ชนิดาถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ เธอลุกขึ้นก่อนใช้ฝ่ามือรีดกระโปรง ก้มดูนาฬิกาได้เวลาที่เธอและจรรยาต้องเข้างานแล้ว ทั้งสองพับเรื่องส่วนตัวเอาไว้ก่อนจะรีบขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อทำงานที่ยังคั่งค้างให้เสร็จสิ้น
ชนิดาและจรรยาเป็นนักศึกษาฝึกงานที่ใกล้จะเรียนจบ ทั้งสองมีความใฝ่ฝันอยากทำงานในบริษัทใหญ่ ได้รับเงินเดือนมากพอที่จะหล่อเลี้ยงคนในครอบครัวให้สุขสบายได้ หญิงสาวเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันและกันมาก เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีสถานภาพคล้ายๆกัน
“แล้วสรุปแกจะทำยังไง”
ระหว่างพักจรรยาก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง เธอเองก็มองไม่เห็นหนทางที่อีกฝ่ายจะหาเงินมาไถ่ถอนบ้านได้ในระยะเวลาแค่เจ็ดวัน ครั้นจะช่วยก็ไม่มีปัญญามากพอเพราะลำพังเธอเองก็ยังเอาตัวไม่รอด
“ฉันไม่รู้ มันมืดมนไปหมด”
หนี้หลักล้านกับรายได้ไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง ชาตินี้ชนิดาจะใช้หมดหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ หญิงสาวถอดใจ ทำใจไว้บ้างแล้วหากเธอนั้นจะไม่สามารถรักษาสมบัติสุดท้ายที่มีเอาไว้ได้
“ยังไงก็สู้ๆนะแก ฉันเป็นกำลังใจให้”
ในเมื่อไม่มีอะไรจะให้ทั้งยังช่วยอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ จรรยาจึงเลือกที่จะส่งกำลังใจให้เพื่อนรักแทน ชนิดายกยิ้มเนือยก่อนจะซบหน้ากับขอบหน้าต่าง เธออยากทิ้งตัวนอนหลับตาและไม่ตื่นขึ้นมาอีก แต่เธอทำแบบนั้นไม่ได้เพราะหากไม่มีเธอ ผู้เป็นพ่อจะอยู่ยังไงให้ทุกข์ใจจนอยากลาโลกแค่ไหน แต่สุดท้ายหญิงสาวก็ต้องฮึดสู้