บทย่อ
เธอเสียตัวให้เขาเพื่อแลกกับหนี้ก่อนโตที่เขาชดใช้ให้ บ้านและอาการป่วยของพ่อทำให้เธอไม่มีทางเลือก ความผูกพันตลอดสองปี มันทำให้ชนิดาเผลอคิดว่าเธอคือคนสำคัญของเขาแต่สุดท้ายเธอก็ต้องยอมรับความจริงเมื่อเวลาทุกอย่างสิ้นสุดลงถึงแม้การจากมาครั้งนี้ เธอจะมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในร่างกายของเธอก็ตาม ในเมื่อเขายอมปล่อยมือเธอ เมื่อหมดสัญญา เธอก็คงต้องก้มหน้ายอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและปล่อยให้เขาได้เจอคนที่ดีแม้ว่าเธอจะลำบากและทุกข์ใจแค่ไหนก็ตาม “ยังไงเด็กในท้องก็เป็นหลานของฉัน ถึงฉันจะไม่ชอบเธอแต่ฉันก็ไม่รังเกียจหลาน” คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวหลุบตาลง เธอรู้สึกละอายใจที่เป็นต้นเหตุให้สองแม่ลูกต้องทะเลาะกัน “ฉันมีข้อเสนอให้เธอ” จิรายุขมวดคิ้วหันขวับมองผู้เป็นแม่ทันทีเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร เขารู้จักนิสัยของมารดามากกว่าใคร จึงพยายามที่จะขัดขวางไม่ให้แม่ของเขาเอ่ยคำพูดที่อาจทำร้ายจิตใจชนิดา “แม่ครับ ผมขอร้อง” คุณหญิงจารุวรรณไม่สนใจฟังคำขอร้องขอลูกชาย เธอกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะหยุดยืนที่ปลายเตียง สายตานั้นจับจ้องไปยังพ่อของหญิงสาว ก่อนที่เธอจะเอ่ยขึ้น....
ปัญหา(1)
ตอนที่ 1
ปัญหา
“เป็นอะไรหรือเปล่า ฉันเห็นแกดูเครียดมาหลายวันแล้ว”
จรรยาเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่ฝึกงานอยู่ในแผนกเดียวกัน เธอสังเกตเห็นว่าพักนี้ชนิดานั้นดูเงียบขรึมทั้งยังเคร่งเครียดคิ้วขมวดตลอดเวลา หญิงสาวผู้ถูกถามถอนหายใจยาวก่อนที่เธอจะวางช้อนลงบนจานข้าวที่ยังพูนเต็มจาน ชนิดากินอะไรไม่ค่อยลงเพราะคิดเครียดหลายเรื่อง
“เปล่า”
จรรยาส่ายหน้าไม่เชื่อว่าเพื่อนสาวนั้นจะไม่มีเรื่องอะไรในใจ เธอพยายามคะยั้นคะยอชนิดาให้ยอมเล่าแลกกับกาแฟหนึ่งแก้ว หญิงสาวถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม เธอไม่ได้เห็นแก่ของฟรีแต่แค่อยากระบายความหนักอึ้งในใจกับใครสักคน
“บอกมาเถอะ แกก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนปากสว่าง”
ชนิดาไม่ได้ไม่ไว้ใจเพื่อนสนิทเพียงแต่เธอนั้น อับอายเกินกว่าที่จะเล่าปัญหาของตัวเองให้ใครฟัง หญิงสาวหลุบตาลงมองมือที่เปียกชื้นก่อนที่จรรยาจะเอ่ยขึ้น
“แกไม่ไว้ใจฉันเหรอ”
ชนิดารีบส่ายหน้าทันที จรรยาคือเพื่อนที่เธอไว้ใจที่สุดแล้ว เพียงแต่ว่าเธอนั้นยังไม่อยากนำปัญหาไปใส่หัวใคร ลำพังแค่ปัญหาที่บ้านของอีกฝ่ายก็มากพออยู่แล้ว หากต้องมารับฟังเรื่องราวของเธออีกก็เกรงว่าจะกลัดกลุ้มเอาได้
“ระบายมาเถอะ เผื่อฉันจะช่วยได้”
ชนิดาคิดว่าเพื่อนจะช่วยได้อย่างไร ลำพังแค่ต้องส่งเสียเลี้ยงดูน้องชายและผู้เป็นย่าก็แทบไม่พอใช้แล้ว จะหาเงินที่ไหนมาช่วยปลดลดหนี้ก้อนโตของเธอได้ หญิงสาวไม่ได้คาดหวังความช่วยเหลือจากเพื่อนรัก แต่เธอก็แค่อยากระบายความทุกข์ออกไปบ้างก็เท่านั้น
“ก็ได้ เล่าก็ได้”
ในที่สุดชนิดาก็ยอมที่จะปริปากเอ่ยเรื่องของเธอให้อีกฝ่ายฟัง เพราะทนความรบเร้าไม่ไหว
“ก่อนหน้าที่พ่อจะป่วย พ่อฉันเอาบ้านไปจำนองกับนายทุน”
หญิงสาวเริ่มเล่าด้วยใบหน้าฉายให้เห็นความตึงเครียด เงินก้อนโตขนาดนั้นเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อเอาไปใช้อะไรหมด รู้เพียงแต่ว่าในตอนนี้เธอกลายมาเป็นผู้แบกรับหนี้สินแทน และหากไม่มีเงินไปชำระตามกำหนด บ้านที่เธออาศัยอยู่ทุกวันนี้ก็จะต้องถูกยึดไป ลำพังเงินที่เธอหามาได้ก็แทบจะไม่พอใช้อยู่แล้ว ไหนจะต้องจ่ายค่ายา ค่าจ้างคนดูแลพ่อ ไหนจะค่ากินค่าอยู่อีก ลำพังทุกวันนี้ก็ลำบากจะแย่ หากต้องเพิ่มภาระค่าเช่าบ้านมาด้วย เธอคงได้อดตายในสักวัน
“ตอนแรกๆพ่อก็ทำงานส่งค่างวด แต่พอป่วยก็ขาดส่ง”
ชนิดาพูดตอบด้วยความกังวลเพราะนายทุนนั้นต้องการเงินคืน เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อป่วยติดเตียง ไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนได้ ก็โยนภาระหนี้นั้นมาให้เธอแทน ทั้งยังบังคับขู่เข็ญสารพัด ไม่พอยังบีบคั้นเธอให้หาเงินมาไถ่ถอนบ้านภายในเจ็ดวัน ไม่อย่างนั้นจะยึดบ้านหลังนี้ไป
หญิงสาวอับจนหนทาง เธอเหนื่อยเหลือเกิน
ทุกวันนี้ต้องตื่นแต่เช้าป้อนข้าวพ่อ รอจนกว่าคนดูแลมาถึง ถึงจะเดินทางมาทำงานได้ ทั้งตอนเย็นเธอยังต้องรีบกลับบ้านก่อนเวลาที่คนดูแลนั้นจะเลิกงาน ด้วยงบประมาณที่มีจำกัด ทำให้หญิงสาวไม่สามารถจ้างคนดูแลเต็มเวลาได้ เธอจึงต้องเหนื่อยวิ่งวุ่นไปมาแบบนี้ทุกวันจนกลายเป็นกิจวัตรไปเสียแล้ว