8 มันจะเป็นไปได้เหรอ
สัปดาห์แรกของการทำงานผ่านไปได้ด้วยดีพิมพ์พริมารู้สึกมีความสุขมากกับที่ทำงานใหม่และเพื่อนร่วมงานใหม่ ช่วงแรกที่มาทำงานหญิงสาวเลิกงานในเวลาปกติคือห้าโมงเย็น แต่หัวหน้าแผนกก็แจ้งว่าช่วงปลายเดือนอาจจะต้องอยู่ทีโอทีและน่าจะเลิกงานประมาณเกือบสองทุ่ม ซึ่งพิมพ์พริมาคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอเลย เพราะถึงจะเลิกงานเร็วเธอก็ต้องกลับไปเหงาอยู่คนเดียวที่ห้อง
วันนี้เป็นเย็นวันศุกร์หญิงสาวออกจากบริษัทประมาณห้าโมงครึ่ง จากนั้นก็ใช้เวลานั่งรถเมล์กลับหอพักเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะเย็นวันศุกร์ผู้โดยสารค่อนข้างมากกว่าปกติ
เธอกลับมาถึงห้องจัดการธุระส่วนตัวและนอนเล่นจนเผลอหลับและรู้สึกตัวตื่นอีกทีในเวลาเกือบจะสามทุ่มหญิงสาวรู้สึกหิวมากจึงเดินลงมาจากหอพักเพื่อไปยังบริเวณหน้าปากซอยซึ่งมีร้านอาหารอยู่หลายร้านที่เปิดจนถึงเที่ยงคืน
วันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำคนไม่มากเท่าไหร่ หลังจากสั่งเมนูโปรดแล้วพิมพ์พริมาก็เดินไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อและกลับมานั่งในจังหวะที่ก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟพอดี
“หายไปหลายวันเลยนอกใจพี่ไปกินร้านอื่นหรือเปล่า” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถามลูกค้าประจำที่มักจะมารับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่บ่อยๆ
“ไม่ใช่หรอกแบบนั้นหรอกค่ะพี่แป้ง พอดีว่านเริ่มไปทำงานแล้วบางวันก็เลยกินมาจากข้างนอกค่ะ”
“พี่ก็นึกว่าปันใจไปกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าอื่นแล้วเสียอีก”
“ว่านไม่มีทางปันใจหรอกค่ะ ก๋วยเตี๋ยวร้านพี่แป้งอร่อยสุดแล้ว”
“ปากหวานแบบนี้เดี๋ยวพี่เพิ่มลูกชิ้นให้สักสองลูกดีไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่แป้งแค่นี้ว่านก็จะกินไม่หมดแล้ว พี่แป้งให้เยอะตลอดเลย”
“ก็ว่านเป็นลูกค้าประจำของพี่นี่ก็ต้องเอาใจกันหน่อย พี่ไปทำก๋วยเตี๋ยวก่อนนะอยากได้อะไรเพิ่มก็เรียกเด็กล่ะ”
แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวรีบกลับไปทำยืนตำแหน่งประจำเพราะตอนนี้มีลูกค้าเข้ามาอีกหลายคน
พิมพ์พริมานั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยวไปด้วยเล่นมือถือไปด้วยเพราะตอนนี้ลูกค้าในร้านก๋วยเตี๋ยวไม่มากเท่าไหร่ จึงไม่จำเป็นต้องรีบลุกให้คนอื่นนั่งต่อ แต่ทานก๋วยเตี๋ยวไปได้ครึ่งชามก็มีคนมาขอนั่งด้วย
“ผมขอนั่งตรงนี้ด้วยคนได้ไหมครับ”
หญิงสาวรีบเงยหน้าขึ้นมองและอยากจะบอกเขาว่ายังมีที่นั่งว่างอีกหลายโต๊ะแต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครเธอก็ได้แต่ยิ้มกว้างเพราะคนที่มาขอนั่งด้วยนั้นคือผู้ชายที่เจอกันเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน
“ได้ค่ะ วันนี้มากินก๋วยเตี๋ยวอีกเหรอคะ”
“ใช่ครับวันนี้ผมพกเงินสดมาและชาร์จแบตโทรศัพท์มาเต็มเลย” เขาพูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“เตรียมตัวมาดีนะคะ”
“ให้ผมเลี้ยงคุณนะตามสัญญาที่เคยคุยกันไว้ไงล่ะ”
“โธ่...คุณอย่าคิดอะไรมากเลย วันนั้นฉันก็ถ่ายรูปคุณไปแล้วก็ถือว่าหายกันแล้วล่ะค่ะ”
“แต่ผมอยากเลี้ยงคุณจริงๆ นะ ถ้าไม่อยากให้ผมเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ได้”
“อย่างอื่นที่ว่าหมายถึงอะไร”
“ก็คุณอยากกินอะไรก็ได้ทุกอย่างเลย”
“ถ้าเกิดฉันอยากไปกินอาหารร้านหรูๆ ขึ้นมาล่ะ”
“ก็ได้นะ เรานัดไปกินวันหลังก็ได้เพราะวันนี้ผมอยากจะกินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ก่อน”
“ฉันพูดเล่นหรอกค่ะ ถ้าคุณอยากเลี้ยงฉันจริงๆ ก็เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวฉันวันนี้ก็พอ”
ทั้งสองคนนั่งรับประทานกันจนอิ่มจากนั้นภาวินท์ก็เดินไปชำระก๋วยเตี๋ยวและกลับมานั่งที่โต๊ะอีกครั้ง
“อ้าว....ทำไมยังไม่กลับล่ะหรือว่ายังไม่อิ่มคะ”
“เปล่าเรากินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันสองครั้งแล้วแต่ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
“ฉันชื่อว่านแล้วคุณล่ะ”
“ผมชื่อวินครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณวิน”
“เช่นกันครับ คุณพักอยู่แถวนี้เหรอว่าน”
“หอพักว่านอยู่แถวนี้ แล้วคุณล่ะเพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้เหรอ”
“เปล่าครับผมมาดูไซต์งานก่อสร้างบ้านจัดสรรแล้วก็เลยแวะมากินก๋วยเตี๋ยวจริงๆ แล้ววันก่อนผมก็มานะ คิดว่าจะมาเจอคุณแต่คุณก็ไม่มา”
“ว่านไปทำงานค่ะ บางวันก็กินข้าวใกล้ๆ บริษัทก่อนจะกลับ คุณคงไม่มากินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้เพื่อรอเจอว่านหรอกใช่ไหม”
“มันก็ไม่เชิงหรอกนะ แต่ผมก็อยากจะเจอคุณอีกสักครั้ง ผมคิดว่าบางทีเราอาจจะเป็นเพื่อนกันได้นะ”
“เพื่อนเหรอคะ ขอโทษนะคะคุณกับว่านดูแล้วอายุน่าจะต่างกันนะคะเราจะเป็นเพื่อนกันได้เหรอ”
“คุณกำลังจะบอกว่าผมแก่เหรอว่าน”
“เปล่าค่ะ ว่านก็แค่คิดว่ามันจะเป็นไปได้เหรอ”
“ถ้าไม่เป็นเพื่อนก็เป็นพี่เป็นน้องดีไหมล่ะ ผมน่าจะอายุมากกว่าว่านอยู่หลายปี”
“ขอโทษนะคะ คุณวินอายุเท่าไหร่เหรอคะ” พิมพ์พริมาเดาอายุของเขาไม่ถูกจึงคิดว่าถามไปตรงๆ น่าจะดีกว่า
“สามสิบสองครับ ว่านล่ะถ้าให้ผมเดานะน่าจะเพิ่งเรียนจบก็คงอายุไม่เกินยี่สิบสามใช่ไหม”
“ผิดค่ะ ว่านอายุยี่สิบหกแล้วค่ะเรียนจบมาแล้วหลายปี”
“ผมนึกว่าคุณเพิ่งเรียนจบ”
“จะชมว่าว่านหน้าเด็กใช่ไหมล่ะ” เธอถามแล้วหัวเราะ
“ก็ประมาณนั้น”
“เดี๋ยวว่านต้องขอตัวกลับห้องก่อนนะ พอหนังท้องตึงหนังตามันก็เริ่มหย่อน”
“อยากให้พี่เดินไปส่งไหม”
“พี่เหรอคะ”
“ก็ใช้นะสิ พี่อายุมากกว่าว่านตั้งหกปีเรียกพี่ก็ถูกแล้ว”
“พี่ก็พี่ค่ะ แต่พี่ไม่ต้องไปส่งว่านหรอกค่ะ หอพักว่านเดินเข้าไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว พี่ล่ะกลับยังไง”
“ขับรถมาครับ รถพี่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม” เขาชี้ไปอีกฝั่งหนึ่งของถนนซึ่งตอนนี้มีรถยนต์หลายคันจอดอยู่ทำให้พิมพ์พริมาไม่รู้ว่ารถคันไหน แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ
“พรุ่งนี้จะมากินก๋วยเตี๋ยวอีกไหม” เขาถามขณะเดินตามหญิงสาวออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยว
“พี่วินกินก๋วยเตี๋ยวติดๆ แบบนี้ไม่เบื่อเหรอ”
“ไม่เบื่อนะ ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้อร่อยหรือว่านอยากจะไปกินอะไรอย่างอื่น ให้พี่มารับไหมพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์หยุดงานหรือเปล่า”
“หยุดค่ะ แต่ว่านมีธุระอย่างอื่นที่ต้องจัดการ”
“เอาเป็นช่วงเย็นก็ได้นะ กินข้าวกันดีไหม”
“พี่วินอยากกินอะไรล่ะ แถวนี้มีร้านอร่อยๆ เยอะแยะเลย”
“ว่านลองเสนอมาสิว่าอยากกินอะไร พี่กินได้ทุกอย่างเลย แล้วว่านมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษไหมล่ะ”
“ว่านกินได้ทุกอย่างนะคะ แต่มีอย่างหนึ่งชอบไม่รู้ว่าพี่จะกินได้หรือเปล่า”
“อะไรเหรอ”
“ส้มตำค่ะ”
“ได้สิไม่มีปัญหาเลยตกลงพรุ่งนี้เย็นเรานัดกินส้มตำนะ ว่านมีร้านประจำหรือเปล่า”
“มีค่ะ นั่นไงคะร้านประจำของว่าน” หญิงสาวอีกฝั่งหนึ่งของถนน
“ให้พี่มารับไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พรุ่งนี้สักห้าโมงเย็นเรามาเจอกันที่ร้านนั้นเลย”
“ได้สิแต่ว่านจะไม่ให้เบอร์โทรพี่ไว้หน่อยเหรอ ถ้าเกิดพี่มาถึงก่อนนะว่านยังไม่มาสักพี่จะได้โทรตามเพราะจะให้พี่นั่งกินคนเดียวก็คงจะเขินแย่เลย”
“นี่กำลังจะขอเบอร์โทรศัพท์ว่านใช่ไหม”
“แล้วจะให้หรือเปล่า”
“ก็แค่เบอร์โทรศัพท์เองว่านให้พี่ได้อยู่แล้วล่ะ”
ทั้งสองแรกเบอร์โทรศัพท์และแอดไลน์ก็พอดีกับภาวินท์เดินมาส่งหญิงสาวด้านล่างหอพัก
“ถึงหอพักแล้วค่ะขอบคุณนะคะที่เดินมาส่ง”
“หอพักนี้ท่าทางคนจะอยู่เยอะเหมือนกันนะ” เขามองรถที่จอดอยู่ด้านล่างหอพักซึ่งมีทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์อยู่เต็มไปหมด
“ค่ะหอพักที่นี่ราคาไม่แพงเท่าไหร่ คนก็ไม่พักเต็มกันทุกห้อง”
“พี่ไปก่อนนะ”
“ขอบคุณนะคะที่เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวแล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”