บท
ตั้งค่า

11 ไม่เหมือนคนอื่น

ช่วงนี้ภาวินท์มักจะโทรศัพท์มาหาพิมพ์พริมาเป็นประจำในช่วงเวลาเย็น บางวันเขาก็โทรศัพท์มาหาเธอในเวลาสามทุ่มเพื่อชวนหญิงสาวลงไปทานก๋วยเตี๋ยวถึงแม้ว่าพิมพ์พริมาจะทานข้าวแล้วแต่หญิงสาวก็ลงไปนั่งเป็นเพื่อนเขา พอทานเสร็จเขาก็เดินมาส่งที่หอแต่หญิงสาวก็ไม่เคยชวนเขาขึ้นไปข้างบนและเขาเองก็ไม่เคยขอขึ้นไปบนนั้น เพราะชายหนุ่มเป็นแบบนี้พิมพ์พริมาเลยไม่รู้สึกอึดอัดที่จะคุยกับภาวินท์เลย ในทางตรงกันข้ามหญิงสาวกลับรู้สึกสบายใจมากเธอรู้สึกว่าการได้คุยกับเขาทุกวันมันทำให้เธอนั้นหายเหงาไปได้มากทีเดียว

“คืนนี้พี่อาจจะไม่โทรหาว่านะ” ภาวินท์บอกกับหญิงสาวเมื่อเดินมาถึงหน้าหอพักของเธอหลังจากที่เขาทานก๋วยเตี๋ยวอิ่มแล้ว

“ค่ะ” พิมพ์พริมาตอบรับสั้นๆ

“ว่านจะไม่ถามเหรอครับว่าทำไม”

“พี่วินคะ คนเราก็ต้องมีธุระส่วนตัวกันบ้าง” หญิงสาวรู้ว่าบางครั้งก็ไม่จำเป็นจะต้องบอกกับคนอื่นทุกเรื่อง

“ที่ไม่ถามเพราะว่ารำคาญที่พี่โทรมาทุกวันใช่ไหม”

“พี่วินก็ขี้น้อยใจเหมือนกันนะคะ ว่านไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกค่ะ”

“ไม่รำคาญจริงๆ ใช่ไหม” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้ง

“ทำไมถึงคิดว่าว่านจะรำคาญเหรอคะ”

“ก็พี่โทรหาว่านก็ถามแต่คำถามเดิมๆ กินข้าวหรือยังทำงานเป็นยังไงบ้าง พี่เป็นคนคุยไม่ค่อยเก่งและไม่รู้จะชวนว่านคุยเรื่องอะไร แต่ก็อยากโทรหา” ปกติแล้วภาวินท์เป็นคนคุยไม่เก่งและไม่เคยจะชวนใครคุยนานๆ มาก่อนที่เขาโทรศัพท์หาพิมพ์พริมาทุกวันก็เพราะอยากจะได้ยินเสียงและอยากรู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง

“อันที่จริงว่านเป็นคนคุยเก่งนะคะ แต่เรายังไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ก็เลยไม่รู้จะชวนพี่วินคุยเรื่องอะไร” หญิงสาวพูดแล้วยิ้มซึ่งรอยยิ้มของพิมพ์พริมาก็คือสิ่งที่เขาประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ

“สงสัยเราต้องทำความรู้จักกันให้มากขึ้นแล้วล่ะ จะได้สนิทกัน เริ่มจากพรุ่งนี้เลยนะ ว่านยังไม่ลืมใช่ไหมว่ามีนัดไปดูหนังกับพี่”

“ว่านนึกว่าพี่วินลืมไปแล้วนะคะ”

“จะลืมได้ยังไงล่ะพี่รอมาอาทิตย์หนึ่งเลยนะ พรุ่งนี้ว่านจะให้พี่มารับกี่โมงดีล่ะ”

“แล้ววันเสาร์พี่วินจะตื่นกี่โมงคะ”

“ก็ตื่นเช้าอยู่นะ แต่คืนนี้พี่ว่าจะไปกินเหล้ากับเพื่อนอาจจะตื่นสายกว่าทุกวันหน่อย พี่มารับว่านสักเที่ยงดีมั้ยจะได้หาอะไรกินก่อนไปดูหนัง”

“ได้ค่ะตอนเช้าว่านจะได้มีเวลาทำความสะอาดหอและเอาผ้าส่งซักด้วย”

“ถ้างั้นพี่ไปก่อนนะป่านนี้เพื่อนคงรอกันแล้ว พี่อาจจะกลับดึกถ้าถึงคอนโดแล้วพี่จะไลน์มาบอกนะแต่ว่านไม่ต้องอ่านก็ได้”

“ถ้าไม่ให้ว่านอ่านแล้วพี่วินจะไลน์มาทำไมคะ”

“พี่ก็แค่อยากบอกว่าพี่ถึงห้องแล้ว”

คำตอบของเขาทำให้พิมพ์พริมายิ้มอีกครั้งเพราะมันเหมือนกับการรายงานตัวว่าตอนนี้เขากำลังจะทำอะไรอยู่ที่ไหน

เมื่อส่งพิมพ์พริมาที่หอพักแล้วภาวินท์ก็เดินกลับมายังรถของตนเองที่จอดอยู่บริเวณตรงกันข้ามร้านก๋วยเตี๋ยวก่อนจะขับไปยังผับแห่งหนึ่งซึ่งนัดกับเพื่อนไว้ว่าจะออกมาดื่มด้วยกัน

เพื่อนสนิทของภาวินท์มีด้วยกันสองคนคือเพลิงหรือโฆษิตคนที่เป็นวิศวกรคุมโครงการหมู่บ้านจัดสรร ส่วนอีกคนหนึ่งคือณัฐดนัยทำธุรกิจส่วนตัวกับครอบครัวทั้งสามคนมักจะนัดมาดื่มกันเป็นประจำ

เมื่อมาถึงร้านภาวินท์ก็เดินขึ้นไปยังบริเวณชั้นสองซึ่งเป็นโต๊ะที่พวกเขานั่งดื่มกันเป็นประจำ พวกเขามาดื่มกันที่นี่จนรู้จักกันดีกับเจ้าของร้านที่ชื่ออาณัติหรือที่พวกเขาเรียกว่าพี่อ้น

“ทำไมมาช้าล่ะ คอนโดก็อยู่ใกล้แค่นี้เองนะ” ณัฐดนัยทักทายเพื่อนที่มาช้ากว่าทุกคนในกลุ่มไปเกือบครึ่งชั่วโมง

“อย่าว่าไอ้วินมันเลยนะตอนนี้มันทำงานแทนฉันอยู่ กลางวันก็ทำงานออฟฟิศตอนเย็นก็ไปดูไซต์งานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตแล้วมั้ง”

“แล้วนายไปไหนล่ะเพลิงถึงไม่เข้าไปคุมงานด้วยตัวเอง”

“อาทิตย์ที่ผ่านมาแม่ฉันไม่ค่อยสบายน่ะ ก็เลยต้องไปเฝ้าที่โรงพยาบาล”

“แล้วออกมากินเหล้าแบบนี้ใครเป็นคนดูแลแม่ล่ะ”

“พี่สาวฉันเขาลางานมาได้น่ะ”

“อาการของแม่เป็นยังไงบ้าง”

“ดีขึ้นแล้วแหละ พรุ่งนี้ก็น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ก็คงต้องจ้างพยาบาลพิเศษมาคอยดูแล ขอบใจนายมากนะวินที่ช่วงนี้ทำงานแทนฉันมาตลอด” เขาเกรงใจคนที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายเป็นอย่างมากแต่เขาก็จะทิ้งมารดาให้อยู่โรงพยาบาลคนเดียวไม่ได้

“ไม่เป็นไรหรอก”

“มีเพื่อนเป็นเจ้านายมันก็ดีอย่างนี้นี่เองนะ” โฆษิตพูดแล้วยิ้มชายหนุ่มคบกับภาวินท์มาตั้งแต่สมัยเรียนพอเขาเปิดบริษัทก็เลยชวนทั้งเพื่อนและรุ่นพี่มาช่วยกันทำงานเริ่มต้นจากบริษัทเล็กๆ จนตอนนี้รับผิดชอบโครงการใหญ่ระดับหลายร้อยล้านซึ่งถือว่าเพื่อนเป็นคนที่ก้าวหน้ามากที่สุดในกลุ่มเลยก็ว่าได้

ทั้งสามคนนั่งดื่มและมองไปรอบๆ บริเวณร้านคืนวันหยุดแบบนี้แบบนี้คนมาใช้บริการค่อนข้างมากรวมถึงสาวๆ ก็เข้ามาใช้บริการมากด้วยเช่นกัน ณัฐดนัยมองผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่อยู่ทางด้านล่างด้วยในตาเป็นประกาย เขาคิดว่าจะต้องลงไปทำความรู้จักกับพวกเธอถ้าถูกใจก็จะชวนกันไปต่อแต่ถ้าไม่ถูกใจต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้าย

“ฉันจะลงไปหาสาวๆ กลุ่มนั้นนะใครจะลงไปกับฉันบ้าง” ณัฐดนัยหันมาถามเพื่อนทั้งสองคนที่นั่งดื่มอยู่

“ไม่ดีกว่า” ภาวินท์ปฏิเสธ

“ทำไมล่ะปกตินายไม่เคยพลาดเลย” เขาหันมาถามภาวินท์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย

“เบื่อที่จะเจ้าชู้แล้ว”

“อะไรนะ” คำตอบของเขาทำให้เพื่อนทั้งสองคนวางแก้วเหล้าตรงหน้าลงและมองหน้าด้วยความสงสัยที่ได้ยินคำพูดนั้นออกมาจากปากของเพื่อน

“คนอย่างภาวินท์เนี่ยนะบอกว่าเบื่อ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าหรือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไปแล้วว่ะ” ณัฐดนัยถามพลางหัวเราะ

“ไม่ใช่หรอกฉันคิดว่าตอนนี้อายุก็มากขึ้นแล้วอยากจะสร้างครอบครัว”

“นี่ได้กินเหล้าไปไม่กี่แก้วเมาถึงขนาดเพ้อจะสร้างครอบครัวแล้วเหรอ” โฆษิตมองหน้าเพื่อนแล้วส่ายศีรษะเพราะไม่คิดว่าภาวินท์จะพูดจาแบบนี้ออกมา ที่ผ่านมาชายหนุ่มบอกมาตลอดว่าไม่อยากมีภาระไม่อยากสร้างครอบครัวอยากใช้ชีวิตเป็นโสดแบบนี้เพราะสนุกและไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก

“ฉันพูดจริงนะตอนนี้เราก็อายุสามสิบสองแล้ว ถ้ายังไม่แต่งงานมีครอบครัวฉันก็กลัวว่าจะไม่ได้ยืนถ่ายรูปคู่กับลูกในวันรับปริญญาหรือไม่ได้ร่วมแสดงความยินดีในวันแต่งงานของลูก”

“เฮ้ย!...ผีเข้าหรือเปล่าวิน นายคิดอะไรไปไกลมากเลยนะ” โฆษิตตกใจกับคำพูดของเพื่อนมาก

“ฉันพูดจริงฉันจะเลิกเจ้าชู้แล้ว”

“มันเกิดอะไรขึ้นวะ ฉันไม่ไปทำงานแค่หนึ่งอาทิตย์นายทำงานหนักแทนฉันจนเพ้อเลยเหรอ” คนพูดหัวเราะอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่ภาวินท์พูด

“มันตลกมากหรือไงคนอย่างฉันอยากจะจริงจังและสร้างครอบครัว” ภาวินท์เขาถามเพื่อนด้วยสีหน้าจริงจัง

“มันก็ไม่ตลกหรอกนะวิน แต่ก่อนหน้านี้นายเองก็เคยพูดไว้ว่าไม่อยากมีครอบครัวแล้วนึกยังไงถึงอยากจะมีครอบครัวล่ะ หรือถูกแม่บังคับให้แต่งงาน”

“ไม่ใช่หรอก”

“แล้วมันเพราะอะไร”

“พอดีฉันไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งน่ะ คุยกับเธอแล้วรู้สึกดีก็เลยอยากจะลองจีบและคบอย่างจริงจัง”

“นายพูดว่าจะลองจีบแสดงว่ายังไม่ได้จีบใช่ไหม”

“กำลังพยายามอยู่”

“คนอย่างภาวินท์เจ้าของบริษัทรับออกแบบบ้านเนี่ยนะพยายามจีบอยู่ ฉันว่าผู้หญิงที่ไหนก็ต้องวิ่งเข้าหานายกันทั้งนั้นแหละ”

“แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น”

“ไม่เหมือนตรงไหนล่ะ”

“เธอไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร”

“นี่ไปหลอกผู้หญิงมาใช่ไหม”

“ฉันไม่ได้หรอกเธอนะเพียงแต่ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นใคร”

“แล้วคุยกันยังไงเธอไม่เคยถามเหรอว่านายทำงานอะไร อยู่ที่ไหน”

“ถามสิฉันบอกเธอว่าฉันเป็นวิศวกรที่มาคุมไซต์งานก่อสร้าง”

“ทำไมไม่บอกไปให้หมดล่ะการจีบจะได้ง่ายขึ้น”

“ก็เหมือนที่นายพูดไง ถ้าผู้หญิงเขารู้ว่าฉันเป็นใครก็คงจะวิ่งเข้าหาเพราะฉะนั้นฉันอยากจะให้เธอชอบฉันในตัวตนของฉันจริงๆ ไม่ใช่เพราะเงินหรือหน้าที่การงาน”

“นายน่าจะดูละครทีวีมากไปหรือเปล่าวิน ประเภทพระเอกปลอมตัวเป็นคนจนพิสูจน์รักแท้กับนางเอกน่ะ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกเพลิง เพียงแต่การเจอกันของฉันกับเธอมันไม่เหมือนคนอื่นบางที่ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้”

แล้วภาวินท์ก็เล่าเรื่องของตนเองกับพิมพ์พริมาให้กับเพื่อนสนิททั้งสองคนฟัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel