12 วันหยุดไม่เป็นอย่างที่คิด
แม้ว่าเมื่อคืนจะออกไปดื่มกับเพื่อนจนดึกแต่วันนี้ภาวินท์ก็ตื่นแต่เช้าเขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปดูหนังกับพิมพ์พริมา
ชายหนุ่มลงไปออกกำลังกายจากนั้นก็ขึ้นมาบนห้องแล้วเอาอาหารแช่แข็งที่อยู่ในตู้อุ่นเพื่อรับประทานก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวรอเวลาที่จะไปรับหญิงสาวที่หอพัก
เขานัดเธอไว้ประมาณเที่ยงซึ่งตอนนี้ก็เพิ่งจะสิบโมงเช้า ชายหนุ่มหยิบแท็บเล็ตตรงหน้าขึ้นมาทำงานเพื่อฆ่าเวลาแต่ยังอ่านรายงานการประชุมไปไม่ถึงไหนเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อนเมื่อเห็นว่าคนที่โทรศัพท์มาคือพิมพ์พริมาเขาก็กดรับสายทันที
“สวัสดีครับว่านจะเปลี่ยนเวลาให้พี่ไปรับตอนนี้ใช่หรือเปล่า”
“เปล่าค่ะพี่วิน ว่านจะโทรมาขอโทษพี่วิน” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ทำให้คนฟังก็ใจเสีย
“ขอโทษพี่เรื่องอะไร”
“ว่านคงไปดูหนังกับพี่วินไม่ได้แล้วค่ะ”
“อ้าวทำไมล่ะ เป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่าครับ”
“น้าสาวของว่านโทรมาหาเมื่อกี้บอกว่าตอนนี้แม่เข้าห้องผ่าตัดอยู่ค่ะ”
“แล้วแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“น้าบอกว่าว่าเป็นไส้ติ่งค่ะ หมอกำลังผ่าตัดอยู่ว่านคงต้องกลับไปหาแม่”
“แล้วว่านจะไปยังไงครับ” เขาถามอย่างร้อนใจ
“ขับรถไปเองค่ะ ขอโทษพี่วินด้วยนะคะเรื่องดูหนังเราเอาไว้ครั้งหน้าดีกว่าว่านจะต้องรีบไปแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวสิว่าน บ้านว่านอยู่ที่ไหนนะ”
“พิจิตรค่ะ”
“มันต้องขับรถหลายชั่วโมงเลยให้พี่ขับรถไปให้มั้ย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะว่านไม่อยากรบกวนวันนี้เป็นวันหยุดด้วย พี่วินจะได้พักผ่อน แล้วว่านก็คงต้องไปค้างกับแม่ด้วยค่ะ”
น้าสาวของพิมพ์พริมาโทรศัพท์มาบอกว่ามารดาปวดท้องตั้งแต่เมื่อคืนและเมื่อเช้าพอพาไปตรวจที่โรงพยาบาลหมอก็วินิจฉัยว่าไส้ติ่งอักเสบและให้รีบผ่าตัดโดยการส่องกล้องซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน หญิงสาวจึงอยากจะกลับไปดูแลก่อนที่จะกลับมาทำงานอีกครั้งในเย็นวันอาทิตย์แต่ถ้าหากอาการท่านไม่ดีก็คงต้องค้างที่นั่นหลายคืน
“แต่วันนี้พี่ก็ไม่มีอะไรทำนะ ให้พี่ขับรถไปดีกว่าไหมว่านขับไปเองมันจะเกิดอันตรายเอานะ พี่เข้าใจว่าว่านเป็นห่วงแม่และคงไม่ค่อยมีสมาธิขับรถเท่าไหร่”
“แต่ว่านเกรงใจพี่วินค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกว่านรอพี่ที่หอนะครับ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงพี่จะไปรับตกลงไหม”
“ก็ได้ค่ะ”
เมื่อวางสายจากพิมพ์พริมาแล้วภาวินท์ก็รีบเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเผื่อไว้สำหรับการค้างคืนสองชุด เขามองกุญแจรถและลังเลว่าจะขับคันไหนไปรับหญิงสาว คันหนึ่งคือรถหรูสัญชาติยุโรปที่เขามักจะขับไปทำงานที่บริษัทหรือออกไปเจอลูกค้าส่วนอีกคันหนึ่งเป็นเอสยูวีสัญชาติญี่ปุ่นที่มักจะขับไปไซต์งานหรือเดินทางไปต่างจังหวัดเพราะด้านหลังมีพื้นที่ค่อนข้างเยอะอีกทั้งยังสะดวกสบายเวลาเจอเส้นทางที่ไม่เรียบเหมือนในกรุงเทพ
แล้วภาวินท์ก็ตัดสินใจว่าจะใช้รถเอสยูวีเนื่องจากเขาไม่รู้ว่าสภาพถนนที่ไปบ้านของหญิงสาวนั้นเป็นแบบไหน
เมื่อขับรถมาถึงหน้าหอพักพิมพ์พริมาก็ลงมารอเขาอยู่ก่อนแล้วชายหนุ่มจอดรถแล้วเอากระเป๋าเดินทางใบเล็กของหญิงสาวใส่ไว้หลังรถก่อนจะกลับขึ้นมาประจำในตำแหน่งคนขับอีกครั้ง
“ว่านต้องขอโทษพี่วินด้วยนะคะที่ไม่ได้ไปดูหนังแถมยังต้องให้พี่วินขับรถไปต่างจังหวัดอีก” เธอขอโทษเขาอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอกเสาร์อาทิตย์พี่ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เราไปกันเลยนะ”
“ค่ะพี่วิน”
“ว่านกินอะไรหรือยัง”
“ว่านกินข้าวเช้าแล้วค่ะ พี่วินล่ะ”
“พี่ก็เรียบร้อยแล้ว ถ้างั้นเรายิงยาวเลยดีไหม”
“ก็ได้ค่ะแต่ถ้าพี่วินจะเปลี่ยนให้ว่านขับก็ได้นะ”
“ว่านขับรถเป็นด้วยเหรอ”
“เป็นค่ะ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ขับเพราะที่ทำงานใหม่ใกล้มากว่านนั่งรถเมล์ไปสะดวกกว่าเยอะเลยค่ะ ถ้าพี่ง่วงจะเปลี่ยนให้ว่านขับก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกระยะทางแค่นี้คงใช้เวลาไม่นาน แล้วว่านโทรคุยกับน้าแล้วใช่ไหมเรื่องอาการของแม่”
“เมื่อกี้น้าพรโทรมาบอกว่าแม่ออกจากห้องผ่าตัดแล้ว ตอนนี้อยู่ในห้องพักฟื้นค่ะ น้าพรบอกว่าแม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ว่านไม่ต้องกลับไปก็ได้แต่ว่านคิดว่ายังไงก็อยากจะกลับไปเห็นกับตาค่ะ”
“พี่ว่าว่านทำถูกแล้วล่ะ แล้ววันนี้มันก็เป็นวันเสาร์ถ้าแม่ไม่เป็นอะไรมากว่านก็ค้างที่นั่นกับท่านสักหนึ่งคืนแล้ววันอาทิตย์เราค่อยกลับก็ได้พี่ก็เตรียมเสื้อผ้ามาแล้ว”
ภาวินท์ใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพมาถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดพิจิตรเกือบห้าชั่วโมงเพราะไม่คุ้นกับเส้นทางมากเท่าไหร่ เมื่อมาถึงพิมพ์พริมาก็พาเขาไปอย่างห้องพักของมารดาเธอทันที
ภายในห้องพักนอกจากจะมีมารดาของเธอที่นอนอยู่บนเตียงแล้วด้านข้างยังมีหญิงสูงวัยคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ดูน่าจะเป็นน้าสาวที่พิมพ์พริมาพูดถึง”
“สวัสดีค่ะน้าพร ป้าพิณ แม่เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บมากไหมคะ”
“เป็นหรอกจ้ะ แม่เป็นแผลเล็กนิดเดียวเองนะ ว่านไม่น่าต้องเสียเวลามาเลย”
“ก็ว่านเป็นห่วงแม่นี่คะ”
“แล้วมากับใครล่ะ” มารดาของหญิงสาวหันไปมองผู้ชายที่เดินตามลูกสาวเข้ามาในห้อง
“นี่พี่วินค่ะเป็นพี่ที่รู้จักกัน”
“สวัสดีครับ” ภาวินท์ยกมือไหว้ผู้หญิงทั้งสามคนที่อยู่ในห้อง
“เดินทางมากันในเหนื่อยๆ นั่งพักก่อนก็ได้นะ” น้าสาวของพิมพ์พริมาบอกให้ชายหนุ่มไปนั่งพักบริเวณมุมของห้องซึ่งมีโซฟาตัวโตวางอยู่
“แม่เป็นแค่ไส้ติ่งใช่ไหมคะ ไม่มีอะไรอย่างอื่นด้วยหรือเปล่า” หญิงสาวนั่งบนเตียงคนไข้และมองมารดาด้วยความห่วงใย
“เป็นแค่ไส้ติ่งจริงๆ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันก้าวหน้ามากผ่าตัดด้วยการส่องกล้องแผลเล็กนิดเดียวแม่แทบจะไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ”
“แบบนี้ว่านค่อยสบายใจหน่อยค่ะ ขอบคุณป้าพิณกับน้าพรด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก” สายพิณบอกกับหลานสาวเพราะเธอเองก็บ้านอยู่ติดกับน้องสาวการช่วยเหลือกันก็เป็นเรื่องธรรมดา
“หมอต้องให้แม่นอนโรงพยาบาลกี่วันคะ”
“จริงๆ แล้วหมอก็จะให้แม่ออกจากโรงพยาบาลเย็นนี้นะ แต่น้าของลูกน่ะสิขอหมอให้แม่นอนต่อที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งคืนเพราะกลัวว่าจะมีภาวะแทรกซ้อนหรือมีเลือดออกน่ะ”
“น้าพรทำถูกแล้วค่ะแม่ คืนนี้ว่านจะเฝ้าแม่เองนะ”
“ถ้าว่านเฝ้าแม่แล้วเพื่อนลูกล่ะจะทำยังไง” เธอหันไปถามชายหนุ่ม
“เดี๋ยวผมหาโรงแรมแถวนี้นอนก็ได้ครับ”
“ถ้าไม่รังเกียจจะไปนอนที่บ้านแม่ก็ได้นะ มีห้องว่างอยู่อีกห้องหนึ่งเดี๋ยวแม่จะให้คนไปทำความสะอาดให้”
“ผมไม่รบกวนดีกว่าครับ นอนโรงแรมน่าจะสะดวกกว่า”
“ถ้าอย่างงั้นก็ตามใจจ้ะ แล้วนี่กินข้าวกลางวันกันมาหรือยัง”
“ยังเลยค่ะแม่ แล้วแม่ล่ะคะหมอให้กินอะไรได้หรือเปล่า”
“หมอให้กินอาหารอ่อนๆ ทางโรงพยาบาลจัดมาให้แล้ว”
“น้าพรและป้าพิณล่ะคะ”
“เราสองคนเพิ่งกินไปจ้ะ ป้าว่าว่านพาพี่เขาไปหาอะไรกินข้างล่างนี้ดีกว่าไหม โรงอาหารของโรงพยาบาลน่าจะยังเปิดอยู่แต่ถ้าไม่เปิดก็พาไปร้านอาหารฝั่งตรงข้ามนะ ป้าเห็นมีอยู่หลายร้าน”
“ค่ะป้าพิณ มีใครอยากได้อะไรเพิ่มไหมคะ เดี๋ยวว่านจะได้ซื้อมาให้”
“ไม่หรอกจ้ะ ว่าแต่คืนนี้ว่านจะนอนเฝ้าแม่จริงๆ ใช่ไหมลูก”
“ค่ะแม่ ว่านเตรียมเสื้อผ้ามาแล้วป้าพิณกับน้าพรจะได้กลับไปพักผ่อน”
“ว่านไปกินข้าวให้เรียบร้อยนะ ไม่ต้องรีบขึ้นมายังไงวันนี้ป้ากับน้าก็ไม่มีอะไรจะทำกันอยู่แล้ว”
“ว่านไปไม่นานหรอกค่ะ เดี๋ยวจะรีบกลับมานะคะ” หญิงสาวบอกกับญาติผู้ใหญ่ก่อนจะหันไปพยักหน้าชวนให้ภาวินท์ออกไปรับประทานอาหารด้วยกัน