บท
ตั้งค่า

10 ยังไม่อยากคิดไปไกล

เมื่อเดินมาถึงห้องพักพิมพ์พริมาก็รีบโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องของตนเองกับภาวินท์ให้กับอรนลินฟังตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนมาถึงการไปรับประทานส้มตำด้วยกันในวันนี้

“นุ่นคิดว่าพี่วินอะไรเนี่ยเขาจะต้องกำลังจีบว่านอยู่แน่ๆ เลยนะ” อรนลินตั้งข้อสังเกต

“ไม่หรอกมั้งนุ่น เราเพิ่งเจอกับพี่เขาได้แค่สามครั้งเอง”

“ต่อให้เจอกันแค่ครั้งเดียวถ้าคนเขาจะจีบเขาก็จีบ เท่าที่นุ่นฟังนะยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังจีบว่านแน่นอน”

“แล้วว่านจะทำยังไงต่อล่ะนุ่น”

“จะมาถามนุ่นได้ยังไงล่ะ ว่านก็ต้องถามตัวเองสิว่าเอายังไงต่อว่านรู้สึกยังไงกับเขาบ้าง”

“ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรนะ พี่วินก็แค่คนรู้จักคนหนึ่งเวลาคุยกับเขาก็เหมือนคุยกับเพื่อนกับพี่”

“ใจไม่เต้นแรงเลยเหรอ”

“ไม่นะ”

“คุยกับเขาแล้วรู้สึกรำคาญหรือเบื่อบ้างไหมล่ะ”

“ก็ไม่นะคุยกันได้เรื่อยๆ เจอกันแค่สามครั้งเองยังไม่รู้สึกเบื่อหรอก”

“ถ้าอย่างนั้นก็ลองให้เขาโอกาสเขาดูสิแต่ถ้าคุยแล้วเริ่มเบื่อหรือคิดว่าไม่ใช่ก็ถอยออกมา นุ่นว่าว่านเลิกกับพี่ภัทรมานานแล้วนะ จะคุยกับผู้ชายคนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือผิดอะไรเลย”

“แค่คุยกันไม่กี่ครั้งเองว่านยังไม่อยากคิดอะไรมาก”

“นุ่นไม่อยากให้ว่านปิดกั้นตัวเองนะ” อรนลินอยากให้พิมพ์พริมาเปิดใจคบหากับคนอื่นดูบ้างเพราะตั้งแต่เลิกกับปิติภัทรเพื่อนของเธอก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องมาตลอด

“แต่ว่านยังเข็ดกับความรักอยู่เลยนะ แล้วพี่วินเขาก็เป็นวิศวกรเหมือนพี่ภัทรด้วยว่านเจ็บกับคนทำงานอาชีพนี้”

“แต่เขาไม่ใช่คนคนเดียวกันนะ ว่านพูดแบบนี้มันก็ไม่ยุติธรรมกับพี่วินเลยนะ”

“แต่ว่านว่าอาชีพนี้ค่อนข้างจะเจ้าชู้เหมือนกันนะ ดูอย่างพี่ชายของนุ่นสิเจ้าชู้ไม่เบาเลยทีเดียว”

“นุ่นก็ไม่เถียงหรอกว่าพี่ชายของนุ่นไม่เจ้าชู้ แต่คนที่ไม่เจ้าชู้ก็มีอย่างพ่อของนุ่นไงล่ะ พ่อจีบแม่ตั้งแต่สมัยเรียนและคบแค่แม่คนเดียวนุ่นเลยคิดว่ามันไม่เกี่ยวกับอาชีพหรอกมันอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า”

“แต่ว่านยังไม่อยากคิดอะไรไปไกลเลย บางทีเขาแค่อาจจะอยากคุยกับว่านเฉยๆ ไม่ได้เข้ามาจีบอย่างที่เราคิดกันอยู่หรอกนะ”

“แล้วถ้าเกิดเขามาจีบหรือขอเป็นแฟนล่ะ ว่านจะโอเคหรือเปล่า”

“ก็คงต้องดูกันอีกทีแต่ยังไม่ใช่เร็วนี้แน่ๆ”

“ทำไมเหรอว่าน”

“ก็วานเพิ่งเข้าทำงานใหม่ ตอนนี้อยากเต็มที่กับงานก่อนถ้าเกิดมีแฟนก็คงจะมีเวลาให้กับแฟนไม่เต็มที่”

“แล้วบริษัทที่ไปทำงานใหม่เป็นยังไงบ้างล่ะ เพื่อนร่วมงานดีไหม”

“ว่านว่าดีนะ มีรุ่นพี่สองคนแล้วก็รุ่นเดียวกันอีกหนึ่งคน ทุกคนทำงานกันเหมือนพี่น้องต่างจากบริษัทเดิมเลย”

“แล้วเงินเดือนล่ะว่านเขาให้เท่าเดิมหรือเปล่า”

“ช่วงทดลองงานเขาให้น้อยกว่าที่บริษัทเดิม แต่หลังทดลองงานแล้วก็จะได้มากกว่าที่เดิม”

“ว่านไปทำงานยังไงเหรอขับรถไปหรือนั่งรถเมล์ไป”

“ช่วงนี้ว่านนั่งรถเมล์ไปนะเพราะมันใกล้มากสิบนาทีก็ถึงบริษัทแล้วละ แต่ช่วงปลายเดือนหัวหน้าบอกว่าอาจจะต้องเลิกดึกถึงตอนนั้นว่านค่อยขับรถไปก็ได้”

“แบบนี้ก็ประหยัดค่าน้ำมันได้เยอะเลยนะ”

“อือ นุ่นพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีเลยพรุ่งนี้นุ่นไม่ต้องมารับว่านที่หอพักนะ”

“อ้าวทำไมล่ะ”

“ก็ว่านจะเป็นคนไปรับนุ่นเอง ไม่ได้ใช้รถมาหลายวันแล้วกลัวมันจะสตาร์ทไม่ติด ตกลงพรุ่งนี้เราจะไปไหนกันบ้างนะ”

“เราจะไปหาซื้อชุดสำหรับไปงานแต่งงานของพี่รหัส พอได้ชุดแล้วค่อยไปหาอะไรกินดีไหมว่านอยากกินอะไรล่ะ”

“กินชาบูกันดีไหมหรือจะหมูกระทะดี”

“ชาบูดีกว่านะว่านขี้เกียจปิ้ง”

“โอเคถ้างั้นก็ตกลงตามนั้นนะ”

พิมพ์พริมาคุยกับอรนลินอยู่อีกพักใหญ่ก่อนจะวางสายและอาบน้ำ

เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วหญิงสาวก็เปิดทีวีแล้วนอนดูซีรีส์เรื่องโปรดที่ดูค้างไว้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อน ดูไปได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งพอเห็นว่าคนที่โทรมาคือใครเธอก็เบาเสียงทีวีก่อนจะกดรับ

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีว่าน นอนหรือยัง”

“ยังไม่นอนเลยค่ะพี่วินล่ะคะไหนบอกว่าจะไปพักผ่อนแล้วทำไมโทรมาดึกแบบนี้ล่ะ”

“พี่กลับมาแล้วก็หลับไปสองชั่วโมงเพิ่งตื่นตอนนี้แหละ ว่านง่วงหรือยัง”

“ยังค่ะ”

“แล้วทำอะไรอยู่ดึกแล้วนะ”

“กำลังดูซีรีส์อยู่ค่ะ ปกติคืนวันเสาร์ว่านก็จะนอนดึกอยู่แล้วเพราะพรุ่งนี้ไม่ต้องรีบตื่นไปทำงาน”

“พี่ไม่ได้โทรมากวนใช่ไหม”

“ไม่หรอกค่ะ พี่วินมีอะไรหรือเปล่าคะ”

“เปล่าครับพี่แค่อยากโทรคุยเฉยๆ”

ภาวินท์ชวนพิมพ์พริมาคุยอยู่เกือบสิบนาทีก่อนจะวางสาย

พิมพ์พริมาเริ่มเก็บเอาคำพูดของอรนลินมาคิดว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเข้ามาจีบเธอ หญิงสาวเริ่มลังเลแล้วว่าจากนี้จะทำยังไงต่อจะยอมให้เขาติดต่อมาแบบนี้ตลอดหรือจะตัดความสัมพันธ์เพราะเธอยังเข็ดกับผู้ชายที่เป็นวิศวกรอยู่แต่มันก็ไม่ยุติธรรมกับภาวินท์อย่างที่อรนลินพูดเพราะเขากับปิติภัทรไม่ใช่คนคนเดียวกัน

ถ้าผู้ชายคนนี้จะจีบเธอจริงๆ เธอก็จะลองให้โอกาสเขาดูสักครั้ง ถ้าคบกันเป็นแฟนไม่ได้ก็คบกันเป็นพี่เป็นน้องก็น่าจะได้อยู่เพราะเท่าที่ได้คุยกันอยู่หลายครั้ง ภาวินท์เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างใจเย็นและดูเป็นผู้ใหญ่การได้คุยกับเขามันทำให้เธอรู้สึกสบายใจเหมือนกับคุยกับเพื่อนที่รู้จักกันมานาน

เมื่อวางสายแล้วหญิงสาวก็นั่งดูซีรีส์ต่อ โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวส่งเสี่ยงอีกครั้ง เมื่อเธอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าภาวินท์ส่งสติกเกอร์มาบอกฝันดีเธอก็ส่งสติกเกอร์ตัวการ์ตูนบอกฝันดีกลับไปเมื่อขึ้นสัญลักษณ์ว่าอ่านแล้วหญิงสาวก็วางโทรศัพท์ลงจากนั้นก็นอนดูซีรีส์ต่อจนกระทั่งเกือบจะเที่ยงคืน

การอยู่คนเดียวในห้องพักแคบๆ ตั้งแต่เรียนจบมันทำให้บางวันพิมพ์พริมาก็รู้สึกเหงาและอยากจะกลับไปใช้ชีวิตกับมารดาที่บ้านเกิด แต่ถ้าหากกลับไปที่นั่นจริงๆ เธอก็ไม่รู้จะไปทำงานอะไรเพราะจังหวัดที่มารดาอยู่นั้นไม่ค่อยมีบริษัทมากเหมือนอย่างในกรุงเทพ การจะไปทำงานที่นั่นแล้วเรียกเงินเดือนสูงๆ ก็คงเป็นไปได้ยาก

หญิงสาวเป็นลูกคนเดียวบิดาเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว เธออาศัยอยู่กับมารดาสองคนจนกระทั่งจบมัธยมศึกษาปีที่หกก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ หลังเรียนจบก็ทำงานที่นี่และไม่ได้กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดกลับมารดาอีกเลย แต่ในทุกวันหยุดยาวก็จะกลับไปเยี่ยมท่านและโทรศัพท์คุยกับท่านเกือบทุกวัน

มารดาของเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเพราะยังมีบ้านของคุณป้าและคุณน้าของเธออยู่ใกล้ๆ กันมันก็เลยทำให้พิมพ์พริมาไม่ค่อยห่วงมากเท่าไหร่ อีกทั้งท่านก็สุขภาพแข็งแรงและไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel