ตอนที่ 3-1
“ตกลงแล้ว เราเป็นสามีภรรยากันหรือคะ”
คนถามยังมีสีหน้างงงัน เอกเอื้อเองได้แต่ยิ้มแหย เรื่องราวอลวนไปถึงขั้นนี้แล้วเขาควรจะทำอย่างไรดีนะ เขาพาเธอขึ้นมาบนห้องนอนของเขาเมื่อประกาศไปแล้วว่าเธอคือภรรยา คุณย่าของเขาถึงกับช็อก ร้องกรี๊ดลั่นบ้าน แก้วกานดาเองก็ร้องดังไม่แพ้กัน เขาเลยรีบอุ้มพาบีขึ้นมาบนห้องนอนของเขา ก่อนที่สองคนนั่นจะทันทำหรือพูดอะไร ตอนนี้เสียงกรี๊ดๆ นั่นก็ยังดังไม่ขาด ตามด้วยเสียงเรียกชื่อเขาอย่างโมโหจัด
เฮ้อ...
ทำอะไรลงไปวะกู
ตกกะไดพลอยโจน ขึ้นหลังเสือไปแล้ว เขาจะหาทางลงมาได้อย่างไรดีไม่ให้ถูกเสืองับหว่า คุณย่าของเขากำลังรองับหัวเขาอยู่ข้างล่างนั่นล่ะแน่ๆ ข้อหาที่เขามีเมียไม่บอกไม่กล่าว ทำให้ท่านผิดหวังที่จะยัดเหยียดแก้วกานดาให้กับเขา เอกเอื้อซื้ออิสรภาพให้กับตนเองด้วยการโกหกหลอกลวง เป็นสิ่งที่คนอย่างเขาไม่เคยคิดทำมาก่อนในชีวิต แต่ทุกอย่างก็ต้องมีครั้งแรก
เอาวะไอ้เอื้อ...เลวเป็นครั้งแรกล่ะกู
“ครับ”
“แล้วทำไม เอ่อ...คุณถึงทำเหมือนไม่รู้จักฉัน ทำไม...”
สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยเคลือบแคลง เอกเอื้อดึงเธอเข้ามากอด ร่างเล็กของเธอช่างพอเหมาะกับร่างกายของเขาเหลือเกิน มันน่าถนอม น่าปกป้องดูแล
“ขอโทษครับที่รัก พอดีว่ามันคือขั้นตอนการรักษาน่ะครับ ผมต้องทำเป็นไม่รู้จักคุณ...ถ้าผมไม่ใช่สามีคุณ ผมจะรู้ได้ยังไงกันว่าคุณชื่อบี แล้วเรื่องวันนี้มันก็วุ่นวายมาก มัน...แบบว่า คุณนอนพักก่อนดีกว่า เดี๋ยวผมจะลงไปจัดการคุณย่าก่อน คุณอยู่บนนี้นะห้ามลงไป แล้วเดี๋ยวเราจะเคลียร์กัน เรื่องทุกเรื่องเลย ห้ามลงไปนะบี”
เขาเอ่ยกำชับ แล้วปล่อยร่างเธอ บียังคงมองตามหลังเขาอย่างสงสัย เธอพยายามคิดจนปวดหัวขึ้นมาอีกรอบ มันไม่คุ้นเลยว่า...ว่าเธอเคยมีสามี
เอ...
คิดมากไปก็เริ่มปวดหัว บีกินยาที่คุณหมอจัดมาให้ ก่อนจะเอนตัวนอนลงบนเตียง หูเธอฟังเสียงต่างๆไปด้วย คนที่เขาเรียกว่าคุณย่าดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าเธอเอามากๆ แถมยังร้องกรี๊ดกร๊าดเหมือนนางร้ายในละคร เขาบอกว่าจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง เอาเถอะ...เธอนอนรอเขาอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน
ตาของบียังคงมองไปรอบๆ ห้องนอนของเอกเอื้อ นึกฉงนว่ามันเหมือนห้องนอนของคนโสดมากกว่า เพราะไม่มีข้าวของเครื่องใช้ของผู้หญิงเลย เธอมองโต๊ะแต่งตัวซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับเตียงนอน พอจะมองเห็นว่ามีอะไรบ้าง ก็ขมวดคิ้ว มีเพียงแค่ครีมทาผิวขวดใหญ่ แป้งเย็น หวีอันเล็กๆ อันหนึ่ง กระปุกเจลแต่งผม ไม่มีข้าวของแบบผู้หญิงเลยแม้แต่อย่างเดียว เฟอร์นิเจอร์ก็เป็นสีน้ำตาลอ่อน สีขรึมๆ แบบผู้ชาย ไม่มีอะไรบ่งบอกว่ามีผู้หญิงอยู่ในห้องนี้ด้วย แล้วทำไม...
แปลก...
ทำไม
ตาของเธอค่อยๆ หนัก ยาที่หมอให้มามียาที่มีฤทธิ์คล้ายยานอนหลับ เพื่อให้เธอได้หลับสบาย ในที่สุดบีก็หลับลงไป พร้อมกับข้อสงสัยมากมายที่ยังติดอยู่ในหัว
คุณเพชรสกาวมองจ้องหลานชายด้วยสายตาขุ่นเขียว แถมยังกางเล็บอีกตะหาก คล้ายเตรียมพร้อมจะตะกุยหน้าหลายชาย ส่วนแก้วกานดาเอง เธอก็มองจ้องเขาอยู่เช่นกัน ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ริมฝีปากของเธอเม้มแน่น เมื่อเขาลงมาจากด้านบนแล้ว เธอก็ผุดลุกขึ้นยืน พร้อมกับยกมือไหว้ลาคุณย่าของเขา ร่างงามเดินเฉียดกรายมาใกล้เขา พร้อมกับดึงคอเสื้อเขาไว้กระชับเพื่อไม่ให้เขาหนี ตามองสบกัน แววตาเจ้าเล่ห์นิดๆ ที่เขาจำได้ มองเขาแล้วยิ้มเหยียด
“คุณหนีลูกแก้วไม่รอดแน่ๆ ถึงจะมีเมียแล้วก็เหอะ แม่เมียอุปโลกน์นั่น ลูกแก้วจะเขี่ยให้กระเด็น”
“ผมไม่มีวันแต่งงานกับคุณแน่นอน”
“ดูกันยาวๆ ค่ะ ฮันนี”
เธอปล่อยมือจากคอเสื้อเขา แล้วเดินสะบัดสะโพกจากไป เกือบจะชนกับนายละมุด ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ตรงประตู เอกเอื้อโบกมือไล่พ่อตัวยุ่ง ซึ่งก็หายแว้บไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาแน่ใจว่าหมอนั่นจะต้องซุ่มโป่ง แอบดู แอบฟังอยู่แน่ๆ เรื่องแบบนี้ ลูกน้องเขาไม่เคยพลาด
“ตกลงว่ายังไง เรื่องเมียเรา ตาเอื้อ”
เสียงของคุณเพชรสกาวขุ่น พอๆ กับลูกกะตาเลยทีเดียว เอกเอื้อค่อยๆ ขยับตัวเลื้อยไปนั่งใกล้ท่าน แล้วทำตาปริบๆ ตอบทื่อๆ
“ก็เมียยังไงล่ะครับคุณย่า”
“เมียบ้าเมียบออะไรของเรา เรามีเมียที่ไหน แม่นั่นใคร ไปหิ้วมาจากไหน บอกมานะ เราอยากจะหนีเรื่องแต่งงานกับหนูลูกแก้วใช่ไหม ถึงได้เอาแม่นี่เข้ามาทำหลอกย่าว่าเป็นเมีย”
อูย...
ทำไมคุณย่าช่างหยั่งรู้เช่นนี้กันนะ ทำไมกันนะนี่ แล้วเราจะทำยังไงดีวะไอ้เอื้อ!
“เมียผมจริงๆ เราคบกันนานแล้ว แล้ว...ก็เพิ่งตัดสินใจจะทดลองมาอยู่ด้วยกัน โธ่...ผมจะโกหกคุณย่าไปทำไม แล้วผมรู้ที่ไหนว่าคุณย่าจะจับผมแต่งงาน ก็เพิ่งจะรู้วันนี้นี่ล่ะครับ คุณย่าก็รู้ ผมโกหกเก่งที่ไหนกัน”
“เอ่อ ก็เพราะรู้ว่าแกโกหกไม่เก่งนี่ล่ะตาเอื้อ ฉันถึงจับได้ว่าแกจะต้องโกหกแน่ๆ เรื่องแม่เมียอะไรของแกนี่ บอกย่ามา สารภาพมาเสีย โทษหนักจะได้เบาลง แล้วก็ไล่แม่นั่นออกไปจากบ้านเราด้วย”
“ผมบอกแล้วว่าบีเขาเป็นเมียผมจริงๆ คุณย่า ผมไม่เคยเอาผู้หญิงที่ไหนมาอยู่ในบ้านมาก่อนนะครับ บีเป็นคนแรก แล้วก็เป็นคนเดียวด้วย”
“บี ชื่อ บี”
นางยังคงมองจับจ้องหลานชาย เอกเอื้อตีหน้านิ่งได้อย่างเนียนกริบ ทั้งที่ใจเต้นแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว เขาพยักหน้า
“ครับชื่อบี”
“บีอะไร ลูกเต้าเหล่าใคร คบกันมานานหรือยัง ย้ายมาอยู่กับแกได้กี่วันแล้ว ทำไมปิดย่าว่าคบกัน”
“คือ....”
เขาจะทำยังไงดี ให้เรื่องโกหกแบบนี้ มันถนัดเสียที่ไหน คิดแต่งละครสดๆ เขาก็ไม่เก่งเสียด้วย ตกวิชาภาษาไทยยับเยินถึงได้มาเรียนหมอนี่แหละเพราะเก่งคำนวณ
“เมียเราจริงๆ ก็ต้องตอบย่าได้ ไม่อย่างนั้น ก็ถือว่าเราโกหก”
คุณเพชรสกาวลุกพรวดขึ้น ทำท่าจะขึ้นไปยังห้องนอนของเขา นางตั้งใจจะคาดคั้นแม่เด็กนั่น เห็นแว้บๆ ว่าตัวเล็ก ผิวขาวจัด หน้าตาไม่ทันได้มองเพราะมัวแต่โมโหหลานชายเสียก่อน
“เดี๋ยวครับคุณย่าจะไปไหนครับ”
“เราตอบไม่ได้ ฉันก็จะไปถามแม่นั่น ว่าเราจ้างมาโกหกฉันเท่าไหร่”
“บีเค้าไม่สบายครับคุณย่า หลับไปแล้ว โธ่...ผมไม่ได้โกหกจริงๆ บีเขาชื่อ...”
ตาของเขาตวัดมองไปรอบๆ ตัว เผื่อจะคิดอะไรออก สิ่งแรกที่สะดุดเข้ากับสายตาเขาก็คือขวดน้ำผึ้ง เอาวะ...
“น้ำผึ้งครับ ชื่อจริงชื่อน้ำผึ้ง นามสกุลใจดีครับ”
“น้ำผึ้ง ใจดี ฟังแล้วแบบ ชนบทมาก แกไปได้มาจากไหนกันยะตาเอื้อ”
คุณเพชรสกาวทรุดลงนั่งต่อ แค่ชื่อ นามสกุลก็ฟังแล้ว...เอ่อ....หลานของนางไปคว้ามาจากไหนกัน
“บีเค้าเป็นเพื่อนของเพื่อน ของเพื่อน ของเพื่อนไอ้หมอกล้าน่ะครับคุณย่า”