ตอนที่ 3-2
“เพื่อนของเพื่อน ของเพื่อน ของเพื่อนหมอกล้า”
นางทวนคำ อาการเจ็ทแลค เล่นงานเข้าหรือยังไงกัน หรือว่าหลานชายของนางพูดให้งง ฟังแล้ววกวนอย่างไรพิกล
“ครับ ในงานเลี้ยงรุ่นบีเค้ามาด้วย ผมก็เลยชอบ ก็เลย...คบกันน่ะครับ”
คุณหมอหนุ่มทำท่าอายได้สมจริง จนคุณเพชรสกาวถอนใจ แต่...นางยังไม่เชื่อหรอก
“คบกันนานเท่าไหร่ ถึงได้พามาอยู่ในบ้านน่ะ”
“เดือนหนึ่งครับ”
เขากลั้นใจตอบ ก็เขาคอยส่งข่าวคราวถึงคุณย่ามาตลอด มาห่างกันก็แค่เดือนสองเดือนนี้ ไทม์ไลน์นี่น่าเชื่อถือมากที่สุดแล้ว
“เดือนเดียว แล้วก็นับเป็นเมียเลยนี่นะหมอเอื้อ ตายล่ะ แล้วพ่อแม่เค้าเป็นใครยังไง รู้เรื่องหรือเปล่ามาอยู่กินด้วยกันแล้วนี่ แล้วแกไม่คิดจะบอกย่า บอกญาติสักคำหรือยะ”
“คือญาติของบีเค้า พ่อแม่อะไรเสียหมดแล้วน่ะครับคุณย่า เราก็เลย ง่ายๆ แหะๆ”
“ต๊าย”
นางลากเสียงสูง มองเหลือบขึ้นไปยังชั้นบน แล้วค้อนราวกับว่ามันเป็นตัวแทนของแม่น้ำผึ้ง สาวใจง่ายที่หอบผ้ามาอยู่กับหลานชายนางทั้งที่รู้จักกันได้แค่เดือนเดียว
“ใจง่าย”
“ผมใจง่ายครั้งแรกนะครับคุณย่า ใจง่ายแล้วก็จริงจังเลย”
“ฉันว่าเด็กนั่นต่างหาก”
“ก็ต้องว่าผมด้วยล่ะครับ เพราะผมเป็นคนชวนเธอมาอยู่ที่นี่”
เอกเอื้อปกป้องเธอทันที ก็เขาลากเธอมาลงหลุมนี้โดยที่เธอไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยสักนิด เขารู้สึกไม่ดีหรอกถ้าย่าของเขาจะด่าทอว่าเธอเป็นคนไม่ดี
“ย่ะ” ท่านตอบสั้นๆ ก่อนจะทำคอแข็ง มองหลานชายอีกรอบแล้วถอนใจ
“ฉันยังไม่ยอมรับหรอกนะตาเอื้อ แล้วฉันก็จะไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะจับเราแต่งงาน และข้อสำคัญ ฉันไม่เชื่อด้วยว่าแม่เด็กนั่นเป็นเมียเราจริงๆ อ้อ...คืนนี้ฉันเปลี่ยนใจล่ะ ไปนอนที่บ้านตาโอบดีกว่า”
ว่าแล้วนางก็กดโทรศัพท์หาหลานชายอีกคน เอกเอื้อยิ้มแหยส่งให้ท่าน ดูเหมือนกว่าการขายผ้าเอาหน้ารอดหนนี้ของเขาจะผ่านไปได้...ด้วยดี...หรือเปล่า?
เขาจะผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ไปได้อย่างไรนะ
เฮ้อ...
โบราณเขาว่าสองหัวดีกว่าหัวเดียว
เขาคงจะต้องหาอีกสักหัวมาช่วยเขาแล้วเป็นแน่แท้
“อะไรนะ นี่ช่วยบอกกูที ว่ากูกำลังฝัน หรือไม่ก็มึงกำลังเล่าละครหลังข่าวอะไรสักเรื่องให้กูฟัง ไอ้เอื้อ”
“โทรมาปรึกษานะโว้ย ไอ้กล้า มึงช่วยจริงจังหน่อยได้ไหม แล้วก็ช่วยลาหัวหน้าแผนกให้กูด้วยวันนี้ เฮ้อ...กูไปไหนยังไม่ได้จริงๆ นี่อาจจะต้องเข้าไปลาพักร้อนด้วย”
“มึงจะบอกว่า มึงเก็บผู้หญิงคนหนึ่งได้จากริมทาง”
“เออ...”
“แม่นางสมองเสื่อม เป็นแอมนีเซีย”
“อื้อ...”
“ย่ามึงกำลังจะจับมึงแต่งงานกับ...นังเบบี้ดอลนั่น”
“เอ่อ...”
“มึงก็เลยอุปโลกน์ให้เขาเป็นเมียแก้สถานการณ์ว่างั้นเหอะ หมอเอื้อ นี่มึงเป็นคนยังไงกันนะ ไปหลอกใช้คนสมองเสื่อม เลวอะ แถมหลอกคุณย่าจรัสเพชรพราวเลิศของมึงอีก เวรล่ะ”
“ไอ้...” ขนาดเครียดๆ เขายังอดขำเพื่อนสนิทไม่ได้ กับคำที่ใช้เรียกคุณเพชรสกาว
“กูขี่หลังเสือไปแล้ว กูลงไม่ได้จริงๆ มึงช่วยกูหน่อยเถอะไอ้กล้า กู..แบบกูคิดไม่ออกแล้ว ว่าจะทำยังไงให้คุณย่าเชื่อดี ว่าเขาเป็นเมียกูจริงๆ แล้วก็เลิกคิดเรื่องที่จะเอาลูกแก้วมาแต่งงานกับกู”
“กูรู้ว่าจ้างสิบล้าน มึงก็ไม่เอาแม่นั่นทำเมียอีกล่ะ ดีมาก ที่รัก ฉลาดๆ”
ถ้าอยู่ใกล้ๆ มีหวังเสือกล้าจะต้องตบหัวเขาแปะๆ ไปด้วยแหงๆ จากน้ำเสียงเอื้อเอ็นดูนั่น
“กูเข็ดเป็นโว้ย แล้วกูก็ไม่เข้าใจว่าเขามีแผนอะไร ที่จะมาเนียนทางย่ากู แล้วอยากแต่งงานกับกูด้วย”
“จะแผนอาร้าย” เสือกล้าลากเสียงยาว เขาพอจะรู้ข่าวซุบๆ ซิบๆ เกี่ยวกับแก้วกานดามาอยู่บ้าง
“จมไม่ลงล่ะมั้ง แล้วมึงก็รวย ไม่ใช่มึงสิที่รวย ต้องบอกว่าย่ามึง มรดกที่เตรียมจะห่อให้มึงหลังจากที่ท่านลาโลกไปแล้ว มันแสนมหาศาลล้านแปด หาเงินด้วยความรวดเร็วงะ จะได้ไม่ต้องโกงแชร์ลูกโซ่ใคร”
“หืม? ลูกแก้วเล่นแชร์ลูกโซ่ เอาที่ไหนมาพูดว่ะ ไอ้กล้า เค้ารวยจะตายไป”
“คนโกงแชร์อะ มันพ่อเค้า ก็เลยเป็นหนี้หลายสิบล้านอยู่ ส่วนแม่ลูกแก้วอดีตของมึงอะ ข่าวว่าโกงค่ากระเป๋าแบรนเนม ต้องปิดๆ ข่าวกันอยู่ เพราะคนโดนโกงนางดันกลัวเสียหน้า ไม่เอาเรื่องอะไร แม่นี่เลยรอด แต่ก็ดูว่าฐานะทางการเงินไม่ค่อยจะโอเคล่ะมั้ง เลยคิดจะรวยทางลัด ด้วยการกลับมาจับมึง ง่ายๆ คิดง่ายๆ แบบนางร้ายสิ้นคิด”
“แล้วไปกล่อมย่ากูท่าไหนวะนั่น ถึงได้จับยัดให้กูเสียขนาดนั้น บรื๋อ...”
“แล้วมึงกล้าขัดย่ามึงเรื่องแต่งงานไหมล่ะ”
“ก็ขัดอยู่นี่ ถึงได้ใช้ให้คุณบีเขามาเป็นโล่ เฮ้อ...” เอกเอื้อถอนใจ ปลายสายหัวเราะคิกคัก
“แหม...ไม่อยากแต่งตามย่า เพราะว่ามึงอยากได้กูเป็นเมียใช่ปะละ เอื้อขา...”
“ไอ้ห่า!” เขาสบถด่าจนได้ เมื่อเพื่อนรักเล่นไม่รู้เวลา
“มันไม่ใช่เวลานะไอ้กล้า มึงช่วยกูคิดหน่อย ว่าจะทำยังไงให้ย่ากูเชื่อดี ว่าคุณบีเค้าเป็นเมียกูจริงๆ จะได้วางมือไปเสีย”
“ย่ามึงจะอยู่เมืองไทยนานไหมล่ะ มึงจะหลอกเค้าไปกี่เดือนกี่ปี แล้วจริงๆ เค้าเป็นใคร? กูว่ามึงควรจะซีเรียสเรื่องนี้ด้วยนะ ไม่แน่ญาติๆ เค้าก็อาจจะตามตัวเขาอยู่ก็ได้นะ คุณบีเมียริมทางของมึงนี่อะ”
“นั่นสิ...” ชายหนุ่มถอนใจ
“เรื่องคุณบี กูจะให้ไอ้โอบช่วยสืบอยู่ แต่กูจะให้ความแตกก่อนที่ย่ากูจะยอมวางมือไม่ได้ มึงก็รู้ ย่ากูน่ะ คิดจะทำอะไรแล้ว ต้องทำให้บรรลุจุดประสงค์จนได้”
“เอางี้...เดี๋ยวกูจะจัดการเขียนบทภูมิหลังเมียของมึงให้สมจริง แล้วก็เดี๋ยวจะช่วยซื้อเสื้อผ้าเข้าไปให้ มึงก็บอกเค้าสิ ว่ามึงกับเค้าทะเลาะกัน ถึงได้ไม่มีข้าวของๆ เค้าอยู่ในบ้านเลย หรือว่าเค้าพึ่งจะย้ายเข้ามา...”
“เอาเป็นทะเลาะกันดีกว่า” เอกเอื้อเริ่มช่วยเขียนบท
“เพราะบ้านกูเป็นบ้านหนุ่มโสด มีข้าวของผู้หญิงที่ไหนสักชิ้นกัน”
“นั่นล่ะ เดี๋ยวกูจัดการทุกอย่างเข้าไปให้ มึงก็ตอแหลไปอะไรไป ว่าเป็นของเค้า หลอกเค้าว่ากูเป็นเพื่อนเค้าด้วยก็ได้ ชีวิตรักมึงจะได้สมจริงอีกนิด มึงก็ทำตัวให้สมบทบาทหน่อยก็แล้วกันนะไอ้หมอเอื้อ เรื่องเป็นสามีเค้าน่ะ...แต่ว่า...” ประโยคหลังเสือกล้าละไว้ก่อนจะกระแอม
“มึงอะ...อย่าไปคิดทำอะไรเค้าจริงๆ ให้สมบทบาทขึ้นมาล่ะ ไม่งั้นมึงจะเลวซ้ำซ้อน ข้อหาหลอกฟันคนสมองเสื่อม”
“กูไม่ทำหรอกน่า”
เอกเอื้อหน้าแดงก่ำเลยทีเดียว ก่อนจะหันไปมองคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง เธอหลับลึกเลยทีเดียว คงจะเพราะฤทธิ์ยาที่แพทย์ให้มา เขาจะต้องสวมบทสามีปลอมๆ ของเธอแค่นี้ก็ลำบากใจพออยู่แล้วที่ต้องหลอกลวงเธอ เขาคงจะไม่ฉวยโอกาสกับเธอแน่นอน
“ดีมาก ห้ามเอานิสัยญาติมึงมาใช้ก็แล้วกัน เดี๋ยวกูลองคิดแป๊บ ขอเวลาสิบห้านาที จะเขียนบทให้แล้วส่งไลน์ไปให้ อ้อ...เมียมึงตัวเท่าไหร่ ไซส์ประมาณไหนอะ กูจะได้ซื้อเสื้อผ้าถูก”
“ประมาณ...”
ด้วยการเรียนกายวิภาค ทำให้เขาพอจะคิดขนาดของเจ้าหล่อนได้คร่าวๆ
“32 – 25 – 34 สูงร้อยห้าสิบห้าไม่เกินนี้”
“ว้ายยยยยย” เสือกล้าถึงกับกรี๊ด
“นี่มึงรู้ขนาดนม ขนาดตูดเค้าเลยเรอะ ไอ้เอื้อ! แอบไปส่องอะไรเค้าถึงไหนแล้วล่ะนั่น ห้ามนะมึง ห้ามทำอะไรผู้หญิงคนนี้นะ ไม่งั้นกูจะประณามเช้า กลางวัน เย็น”
“ไอ้ห่า กูกะเอา”
เอกเอื้อหน้าแดงก่ำปนโมโห คุยกับเสือกล้าอีกสองสามคำ เขาก็วางสาย แม้จะไม่โล่งอกเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยๆ ก็สบายใจขึ้นบ้างว่าจะมีคนช่วย เฮ้อ...
เขานั่งท้าวคาง มองหน้าคนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่อง พลางถอนใจน้อยๆ มือของเขาจับมือเธอมาบีบเบาๆ แล้วเอ่ยเสียงทุ้มอ่อนโยน
“ขอโทษจริงๆ นะครับ คุณบี แต่ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ คุณช่วยผมด้วยนะครับ แล้วผมจะสืบหาครอบครัวคุณ ส่งตัวคุณกลับไปทันที ที่คุณย่าของผมยอมกลับไปแล้ว”